“เจ้าตำหนัก จะให้ข้าพาทั้งสิบสองคนนี้ไปกับข้าด้วยงั้นรึ? นะ... นี่มันไม่เยอะไปสักหน่อยเหรอ? ข้าเกรงว่าอาจจะปกป้องพวกนางไม่ได้ทุกคนเอานะ!” เฉินผิงแสดงความกังวลใจพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถ้ามีเพียงคนเดียวหรือไม่ก็สองคน เฉินผิงก็คงจัดการได้สบาย
แต่คนพวกนี้มีกันตั้งสิบสองคน! เฉินผิงจะปกป้องพวกนางทุกคนได้อย่างไรกันเล่า?
ถ้าเขาเผชิญหน้ากับอันตรายขึ้นมาจริงๆ เขาจะหนีไปคนเดียวหรือว่าจะหนีไปพร้อมกับคนพวกนี้ดีล่ะ?
ยามนี้ถึงเฉินผิงจะเชี่ยวชาญท่าเท้าประกายไฟแล้ว แต่หากเขาต้องเผชิญหน้ากับระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสูงสุด ถ้าเขาเลือกที่จะหนีไปก็น่าจะไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
แต่ถ้าเขาพาคนมากมายขนาดนั้นไปด้วย เช่นนั้นคงไม่มีทางหนีไปได้แน่!
อย่างไรเสีย คนพวกนี้ก็อ่อนแอเกินไป มิหนำซ้ำพวกนางยังอยู่แค่ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นหกอีกต่างหาก
ถ้าหากพวกนางล้วนอยู่ในระดับผู้ทุกข์ยากทั้งหมด เฉินผิงย่อมยินดีที่จะพาพวกนางไปด้วย
หลังจากเฉินผิงพูดจบ เจ้าตำหนักยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่กลับมีผู้บำเพ็ญเพียรสตรีคนหนึ่งแสดงสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา
สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนทันควัน สายตาเต็มไปด้วยโทสะพลางเอ่ยสวนขึ้นมาว่า “หึ! ช่างพูดได้ไม่อายปาก เจ้าก็แค่ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสามที่แสนต่ำต้อย แต่บังอาจพูดเช่นนั้นออกมาเชียวหรือ? ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าใครจะคอยปกป้องใครกันแน่!”
“ปิงลู่ หุบปากไปซะ”
เจ้าตำหนักจ้องมองผู้บำเพ็ญสตรีคนนั้นด้วยสายตาเฉียบขาด ทำให้นางถึงกับหุบปากลงทันที
เฉินผิงก็รู้สึกว่าคำพูดของตนออกจะรุนแรงเกินไปสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะโต้แย้ง
“คุณเฉิน พาพวกนางไปด้วยเถอะ ไม่ต้องปกป้องพวกนางหรอก ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาก็หนีไปก่อนได้เลย ไม่ต้องสนใจว่าพวกนางจะเป็นหรือตาย สุดท้ายแล้วก็จะเหลือธิดาเทพแห่งตำหนักก่วงหานที่แท้จริงเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นพวกนางย่อมต้องถูกกำจัดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
สิ่งที่ทำให้เฉินผิงรู้สึกตกตะลึงก็คือ เจ้าตำหนักเอ่ยคำพูดเช่นนั้นออกมาต่อหน้าธิดาเทพเหล่านี้
แต่ดูเหมือนว่าเหล่าธิดาเทพจะไม่รู้สึกประหลาดใจเลย ราวกับว่าพวกนางล่วงรู้ชะตากรรมและผลที่ตามมาของตนเองอยู่แล้ว
อย่างไรเสียพวกนางก็ล้วนอยู่ในระดับผู้ทุกข์ยากขั้นหก ขณะที่เฉินผิงอยู่เพียงแค่ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสาม
ความแตกต่างระหว่างพลังของพวกเขามากมายเกินไป!
เรื่องที่จะให้เฉินผิงนำพวกนางก็แล้วไปเถอะ แต่เรื่องที่คาดหวังให้พวกนางปกป้องเขาให้ปลอดภัยก็สุดจะทนจริงๆ!
เจ้าตำหนักรู้ว่าธิดาเทพเหล่านี้ไม่พอใจที่จะต้องมารับใช้เฉินผิง
ในความคิดของพวกนาง เฉินผิงไม่นับเป็นอะไรได้นอกเสียจากระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสามที่แสนอ่อนแอ
เจ้าตำหนักเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “อย่าได้ดูแคลนพลังของคุณเฉิน ถึงภายนอกเขาจะอยู่แค่ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสาม ต่อให้พวกเจ้าทั้งสิบสองคนรวมพลังกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ประมือของเขาหรอก พวกเจ้าคนใดมั่นใจมากพอที่จะต้านทานผู้อาวุโสมู่ได้สักกระบวนท่าบ้างกันเล่า?”
“เจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสมู่อยู่ในระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสูงสุดและเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาธาตุน้ำแข็ง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพวกเราเลย ต่อให้พวกเราทั้งหมดรวมพลังกันต่อสู้กับนาง ข้าเกรงว่าพวกเราก็คงจะไม่สามารถต้านทานเคล็ดวิชาผนึกน้ำแข็งของผู้อาวุโสมู่ได้!” ปิงลู่ตอบตามความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
8เหรียญเท่ากับกี่บาท...
ไม่มีบีตรเครดิตก็ต้องรออ่านแบบฟรี รอนานหน่อย...
กำลังสนุกเลย ไปไหนแล้ว รีบกลับมานะคะรับ...
รอจะอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้อ่าน แต่ไม่เป็นไรครับเราไม่ได้อ่านคุณก็ไม่ได้รายได้...
ไม่มีตอน 3867-3871 ครับ...
เกินเดือนละ...
รออยู่นะครับ...
จะลงแดงแล้ว...
หายไปหลายวัน ไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...