เปลวไฟแห่งความโกรธของเย่จิ่งหานกำลังลุกโชน
ก่อนที่เขาจะอ้าปากก่นด่า กู้ชูหน่วนรีบเอาผ้าขาวยัดปากเขาไว้
เย่จิ่งหานหันหน้าไปอย่างขัดขืน
เขายิ่งขัดขืน กู้ชูหน่วนก็ยิ่งบุ่มบ่าม
“ต่อให้เจ้ามีอะไรกับจักรพรรดินีก็ไม่เสียเปรียบ ยังไงคนอื่นก็เป็นจักรพรรดินี ดีกว่าเจ้าที่เป็นเสือกระดาษตั้งเยอะ”
“อืม....”
เย่จิ่งหานแทบอยากบีบคอนางให้ตาย
เสือกระดาษอะไร?
ว่าใครเป็นเสือกระดาษ?
“บนภูเขาหัวสุนัข หลังจากเจ้าส่งพวกเราออกมาแล้วเกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้?”
เย่จิ่งหานหลับตา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของนาง
“งั้นเซียวหยู่เซวียนล่ะ เจ้าส่งเขาไปที่ไหนแล้ว?”
ร่างกายเย่จิ่งหานเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไร
กู้ชูหน่วนเห็นปากของเขามีผ้าขาวยัดไว้ จึงดึงเอาผ้าขาวออกมา
และแล้ว เมื่อดึงผ้าขาวออกมา เสียก่นด่าของเย่จิ่งหานก็ดังขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “หากเจ้ายังกล้าพูดไปเรื่อย เชื่อไหมว่าข้าจะตัดลิ้นของเจ้า”
“ข้าตัดของเจ้า หรือเจ้าตัดของข้า?”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองร่างกายเปล่าเปลือยของเย่จิ่งหาน สายตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
แต่มองดูดีดี ก็จะสามารถมองเห็นว่า รอยยิ้มของนางแฝงไปด้วยความหนักแน่น ราวกับจิตใจนางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“นิ่งอึ้งอยู่ทำไม ยังไม่รีบหาเสื้อผ้ามาสวมให้ข้า”
“หอกระบี่มีเสื้อผ้าหรือ? รูปร่างดีขนาดนี้ปกปิดไว้น่าเสียดายแย่”
เย่จิ่งหานโกรธจนไอติดต่อกัน
เขาบาดเจ็บภายใน
โกรธโมโหไม่ได้
ยิ่งโกรธโมโห บาดแผลก็ยิ่งหายยาก
เขาเองก็ไม่มีแรงตอบโต้นาง
เขาจึงหันหน้าไป สาบานว่าไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะพูดอะไร ตนเองก็จะไม่สนใจอีก
และก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าตนเองเปลือยกายอยู่
หากเป็นเมื่อก่อน กู้ชูหน่วนยังมีเวลาแกล้งเขา
แต่ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์เลย
กู้ชูหน่วนเอื้อมมือขวาไปดึงผ้าห่ม แล้วคลุมกายเขาไว้อีกครั้ง
“เสื้อผ้าไม่มี ผ้าห่มยังพอห่มให้เจ้าได้”
ผ้าห่มห่มไว้ เย่จิ่งหานค่อยรู้สึกมีศักดิ์ศรีขึ้นมาหน่อย
กู้ชูหน่วนพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “เจ้ารู้จักวิชาพิษกู่ไหม?”
“ข้ารู้จักผู้ชายสองคน พวกเขาถูกวิชาพิษกู่ วิทยายุทธถูกผนึก ข้าต้องตามหาคนวางพิษกู่ ตามหาแม่หนอนกู่ ถึงจะสามารถแก้วิชาพิษกู่ได้”
เย่จิ่งหานยิ้มจาง ๆ พร้อมพูดขึ้นอย่างเหน็บแนมว่า “เป็นผู้ชายที่ถูกเจ้าถอดผ้าอีกแล้วล่ะสิ”
“ทำไม เจ้าหึงหรือ?”
“น่าขำ อย่างเจ้า ข้าจะหึง แค่กๆ.....”
“กินเปรี้ยวๆ ข้าว่าคนบางคนไม่เพียงหึง ยังชอบอย่างนี้ก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแหละ”
“แค่กๆ....เอา....เอากระจกมาส่องตนเองดู”
“อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยถูกจักรพรรดินีข่มขืน”
“ข้ากับนางบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เพราะน้ำเสียงรีบร้อน เย่จิ่งหานไอจนหน้าแดง
“บริสุทธิ์? เสื้อผ้าถูกถอดหมดแล้ว ยังบริสุทธิ์? เจ้าคิดว่าจักรพรรดินีเป็นหลิ่วเซี่ยฮุ่ย*?”
“หลิ่วเซี่ยฮุ่ยคือใคร?”
กู้ชูหน่วนอึ้ง
นางก็ไม่รู้ว่าหลิ่วเซี่ยฮุ่ยคือใคร
(*หลิ่วเซี่ยฮุ่ย- สมัยชุนชุนจ้านกั๋ว ในหลู่ก๊ก หลิ่วเซี่ยฮุ่ยสวมกอดลูกสาวของอ้ายต้ง แต่ก็มิได้ล่วงเกินหรือแสดงกิริยาลวนลาม จึงนำมาใช้ในกรณีผู้ที่มีจิตใจมั่งคงแน่วแน่)
เพียงแค่พูดออกมาอย่างนั้นเอง
เย่จิ่งหานพูดขึ้นว่า “ถอดเสื้อผ้าเพื่อรักษาบาดแผล เก็บความคิดไปเรื่อยของเจ้าเสีย”
“ใช่ ไม่รู้ว่ากล่องดวงใจของเจ้านั้นรักษาได้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองลงไป
เย่จิ่งหานกัดฟัน ความอาฆาตปะทุขึ้นมา
“เก็บความอาฆาตของเจ้าไว้เถอะ ที่นี่ไม่มีคนอื่น เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ เราสองคนเจ้าช่วยเหลือข้า ข้าช่วยเหลือเจ้า ถือว่าชดเชยกันแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ข้าช่วยเจ้าไว้ เห็นแก่ความลำบากที่ข้าช่วยรักษาให้กับเจ้า เจ้าสามารถตอบคำถามบางอย่างให้กับข้าได้ไหม”
“ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วย”
“ใช่หรือ? เจ้ามั่นใจว่าหากไม่มีข้าแล้ว อาการบาดเจ็บของเจ้าจะมีหมอธรรมดาสามารถรักษาได้? ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กลัวตาย แต่เจ้าตายไปแล้ว ก็จะไม่มีใครช่วยเจ้าตามหาดวงจิตวิญญาณทั้งหมดของภรรยาเจ้ากลับมาแล้ว ความรับผิดชอบนี้ ยังไงเจ้าก็ต้องรับผิดชอบไหม”
แล้วก็ถูกคนขั้นสูงสุดระดับหกคนหนึ่งลอบทำร้าย ทำให้ยิงบาดเจ็บสาหัส จนทำให้ตนเองย่ำแย่ขนาดนี้
ในขณะที่เขาบาดเจ็บสาหัสจนใกล้ตาย ก็พยายามที่จะเปิดค่ายกล หลังจากเกิดแสงสว่างขึ้น ไม่รู้ว่าค่ายกลถูกทำลายโดยคนที่โจมตีเขาหรือไม่
เมื่อตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่ที่นี่แล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธโมโหที่สุดก็คือ เขาถูกล่ามด้วยเหล็กกล้าพันปี
ต่อให้เขาใช้วิชาขั้นสูงสุด ก็ไม่สามารถหลุดออกได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้
คิดถึงคนที่ลอบทำร้ายเขา ในใจเย่จิ่งหานอดไม่ได้ที่จะสุขุมลง
คนคนนั้นปกคลุมใบหน้าสวมชุดสีดำ มองไม่เห็นรูปลักษณ์ รู้เพียงว่าเป็นผู้หญิง
และก็เป็นผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมากแล้ว
เวินเส้าหยีมีลูกน้องที่เก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ?
วิทยายุทธของผู้หญิงคนนั้น ไม่ด้อยไปกว่าเวินเส้าหยีเลย
ลงมือโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเวินเส้าหยี แต่ละกระบวนท่านั้นอำมหิต การกระทำใจคด
ถามเย่จิ่งหานเกี่ยวกับเซียวหยู่เซวียนกับวิชาพิษกู่แล้วไม่ได้ความอะไร กู้ชูหน่วนจำต้องอาศัยตนเองตามหาแม่หนอนกู่
นางเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้ไหมว่าใครฆ่าล้างตระกูลมู่ของข้า?”
“ไม่รู้”
“เจ้ามีส่วนร่วมไหม?”
เย่จิ่งหานเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็เห็นใบหน้าเคร่งขรึมของกู้ชูหน่วน กำลังมองดูเขาพร้อมรอคำตอบของเขา
มุมปากของเขาเคลื่อนไหว พร้อมพูดออกมาว่า “เปล่า ตอนที่ข้าได้ข่าว ตระกูลมู่ก็ถูกฆ่าจนหมดแล้ว”
เขาส่งคนไปปกป้องตระกูลมู่
คนที่ส่งออกไปล้วนถูกฆ่าจนหมด
แต่ละสำนักส่งคนไปล้อมฆ่านาง เขาก็ส่งคนไปช่วยอีกชุด แล้วก็ถูกซุ่มโจมตีระหว่างทาง
แม้แต่ตัวเขาเองที่ไปด้วยตนเอง ก็ถูกเวินเส้าหยีขวางทางไว้
เย่จิ่งหานอารมณ์ขุ่นเคืองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆ่าล้างตระกูลมู่
แต่เขา....
แต่วันนั้นเขาเป็นคนบอกตระกูลไป๋หลี่เรื่องที่นางเป็นคนฆ่าไป๋หลี่เจิ้นไป๋หลี่หมิง
กู้ชูหน่วนพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่นว่า “ขอให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากข้ารู้ว่าตระกูลมู่ถูกฆ่าล้างตระกูลมู่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าก็คือศัตรูคนสำคัญของข้ามู่หน่วน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
อ่านๆ ไปแล้วก็รู้สึก ประสาท เว่อวัง คิดว่าอ่านจะซ่อนความอะไรไว้ แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่เจอเลย ลำไยมาก...
บางทีก็เบื่ออีนางเอกนี่ กำเริบเสิบสานกวนตีนได้สุดยอด ไล่ออกจากแคว้นก็ได้แล้ว...
ตอนที่1142-1190หายไปค่ะ...
ตอนที่ 1142-1190 หายไปค่ะ...