อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม นิยาย บท 451

ในพระนคร ฮ่องเต้ที่อยู่เบื้องบน ประชาชนที่อยู่เบื้องล่าง ทุกคนล้วนกำลังแพร่กระจายเรื่องราวฮองเฮาอำมหิตจองใจทรราช

และล้วนกำลังรอคอยเรื่องราวบทใหม่ล่าสุด

มีขุนนางครอบครัวสูงศักดิ์ไม่น้อยที่จ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อเส้นสาย ให้ผู้คนส่งเรื่องราวภายหลังมาให้ที่จวนของพวกเขาในเวลาแรก

ทั้งยังมีคนบางพวกที่คิดจะหาเงิน หลังจากที่ได้รับต้นฉบับมาในตอนแรก แต่ก็ให้คนจำนวนมากมาคัดลอก แล้วขายต่อให้คนอื่นในราคาสูง

ในพระนครมีการติดตามนิยายอย่างบ้าคลั่งชนิดหนึ่งกระพือขึ้น

ในราชวิทยาลัย

กู้ชูหน่วนได้ยินข่าวนี้ ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

นางคิดเพียงจะเขียนเรื่องนี้ให้จบอย่างเร็วที่สุด รีบชนะที่หนึ่งให้ได้เร็วที่สุด เพื่อรับปิ่นระย้าหยกขาว แต่กลับลืมไปว่ายังมีวิธีการหาเงินที่ดีขนาดนี้อยู่

นางรู้สึกว่าตัวเองพลาดเงินไปจำนวนไม่น้อย

ราชวิทยาลัยไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ มีคนจำนวนมากล้อมรอบภายนอกสามชั้นภายในอีกสามชั้น ล้วนกำลังรอนิยายในเวลาแรก

ในเหตุการณ์นอกจากชิงเฟิงที่เอาคำพูดของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนเป็นตัวอักษรแล้ว ยังมีคนอื่นที่แบ่งกันจดบันทึกอีกเก้าคน

เพราะว่ากู้ชูหน่วนอ่านเร็วเกินไป เขาคนเดียวก็ทำไม่ทันโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าจะเพิ่มมาอีกเก้าคน เขาก็ยังคงเหนื่อยจนแทบไม่ไหว ราวกับว่ามือขวาไม่ได้เป็นของเขาแล้ว มีชีวิตมานานขนาดนี้ รวมกันขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้เขียนมากเท่ากับตอนนี้

กู้ชูหน่วนอ่านจนคอสากปากแห้ง พูดเสียงดังว่า “ข้าทำงานยุ่งอยู่ที่นี่มาสามวันสองคืนแล้ว สามวันสองคืนนี้ข้าไม่ได้งีบแม้แต่น้อย พวกเจ้าที่มาดูความสนุกนี่ จะไม่ทุ่มเทอะไรหน่อยเลยหรือ?”

“กู้ชูหน่วนอยากได้อะไร พูดมาได้เลย”

“งั้นก็พูดง่ายหน่อย ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเอานิยายของข้าไปหาเงินหรือไม่ คนที่อยู่ที่นี่ คนหนึ่งจ่ายมาห้าพันตำลึงละกัน”

“ห้าพันตำลึง มากขนาดนั้นเชียว?”

“ไม่ยอมจ่าย ก็ออกไปได้เลย”

คนที่สามารถอยู่ที่ราชวิทยาลัยได้ ผู้ใดบ้างที่ไม่ได้มีภูมิหลังเพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สิน

เงินห้าพันตำลึงมากก็จริง แต่พวกเขาก็สามารถควักออกมาได้

ภายใต้ดุลยพินิจ คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนทยอยล้วงเงินห้าพันตำลึงออกมา คิดว่าตัวเองก็ให้คนคัดคอกบางส่วนไปขายด้วย เพื่อหาเงินก้อนใหญ่สักก้อน

กู้ชูหน่วนมองดูเงินเป็นกองดั่งภูเขาเบื้องหน้าด้วยความพอใจ เก็บทั้งหมดไว้ในแหวนมิติ

ของของนางมากมายเกินไปแล้ว แหวนมิติก็แน่นเอี๊ยด แทบไม่พอใช้

ทั้งหมดมีเพียงซ่างกวนฉู่ผู้เดียวที่ไม่จ่ายเงิน

กู้ชูหน่วนยื่นมือออกไป

ซ่างกวนฉู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ต้องการให้ข้าจ่ายเงินก็ได้ ปิ่นระย้าหยกขาวนั่นก็ไม่เอามาเป็นรางวัลแล้ว”

“ทำไม?”

“เพราะว่านิยายของเจ้า เดิมทีก็คือข้อสอบ จ่ายเงินแล้ว เช่นนั้นความหมายของมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ในเมื่อไม่ใช่ข้อสอบ ข้ามีเหตุผลอะไรจะต้องให้รางวัลด้วย”

กู้ชูหน่วนกัดฟัน “ได้ ท่านเก่งกาจ แต่สถานการณ์ตอนนี้ ท่านก็เห็นแล้ว ที่หนึ่งจะต้องเป็นของข้าอย่างแน่นอน ท่านควรจะมอบปิ่นระย้าหยกขาวให้ข้าได้แล้วใช่หรือไม่”

“นิยายเรื่องนี้ยังไม่มีตอนจบ ผลสอบก็ยังไม่ออก”

“ดวงตาของผู้คนล้วนเปล่งประกาย ท่านมองดูผู้ที่มุงล้อมตรงนี้ แล้วมองดูปฏิกิริยาของประชาชนในพระนครสิ”

ซ่างกวนฉู่ยิ้มแต่ไม่ได้เปล่งวาจา

แต่ท่าทางนั่นก็แสดงออกมาชัดเจนแล้ว นิยายยังเขียนไม่จบ ผลสอบไม่ออก เขาไม่มีทางหยิบออกมาเด็ดขาด

กู้ชูหน่วนทำได้เพียงกัดฟัน แล้วก็อ่านบลาๆๆต่ออีกยกใหญ่

ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม กู้ชูหน่วนทนไม่ไหวแล้ว

นางมาตรงหน้าของซ่างกวนฉู่ด้วยความคับข้องใจ ชี้ไปที่รอยคล้ำใต้ตาตัวเอง “อาจารย์ซ่างกวน ท่านก็เห็นแล้วว่าข้าไม่ได้ปิดตามาสามวันสองคืนแล้ว ดวงตาสองข้างของข้ากลายเป็นตาหมีแพนด้าแล้ว อีกทั้งในตาทั้งดวงก็เป็นเส้นเลือด แทบจะเปิดตาไม่ขึ้นแล้ว เห็นแก่ความตั้งใจของข้า เอาปิ่นระย้าหยกขาวมอบให้ข้าก่อนเถอะนะ”

นางเหนื่อยล้ามากจริงๆ แม้แต่คำที่พูดออกมาก็แหบแห้งหมดแล้ว

ซ่างกวนฉู่หวั่นไหวเล็กน้อย

ผู้คนที่ราชวิทยาลัยก็หวั่นไหวแล้วเช่นกัน

ทุกคนมองไปบนศีรษะของกู้ชูหน่วนอย่างคุมตัวเองไม่ได้

บนศีรษะของนางนอกจากผ้าผูกผมสีขาวหยกมัดผมไว้เบาๆครึ่งหนึ่งแล้ว อันที่จริง......ก็ไม่มีเครื่องประดับสักชิ้นเลย

ได้ยินว่าเทพสงครามรักใคร่เอาใจภรรยาอย่างไร้ขอบเขต ล้วนเป็นข่าวลือมั่วซั่วงั้นหรือ? เทพสงครามยังคงเป็นเทพสงครามก่อนหน้านี้โหดร้ายกระหายเลือด ฝีมือโหดเหี้ยมทารุณ

หากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ

บรรดาผู้คนทอดถอนใจ

“พระชายาหานก็ชั่งน่าอนาถเกินไปแล้วล่ะมั้ง เพื่อเครื่องประดับชิ้นเดียว คิดไม่ถึงว่าจะสู้ขนาดนี้”

“ไม่ใช่ได้ไงล่ะ ผู้หญิงที่บอบบางเช่นนี้ ถ้าเป็นข้า จะมอบเครื่องประดับปิ่นมุกให้นางเป็นกองตั้งนานแล้ว”

“อนาถ อนาถเกินไปแล้ว ดูจนข้าแทบจะอดไม่ได้เอาปิ่นสวยๆทั้งหมดในบ้านมอบให้นางทั้งหมด”

“เหมือนจะไม่ถูกนะ ไม่ใช่ว่าพระชายาหานมีเงินมากมายหรือ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าอ๋องหานจะให้เงินหรือเครื่องประดับแก่นางหรือไม่ เดิมทีพระชายาหานก็เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติก้อนโตผู้หนึ่งนี่นา เงินในมือของนางไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลสูงศักดิ์ผู้หนึ่งหรอกนะ”

“นี่.......เป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นหรือไม่ ในความเป็นจริงเงินของนางก็ถูกเทพสงครามแย่งไปหมดแล้ว”

บรรดาผู้คนยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้

ไม่เช่นนั้นผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อปิ่นอันหนึ่งแล้ว จะไร้ยางอายได้ถึงขั้นนี้ได้อย่างไร

สีหน้าของชิงเฟิงครู่หนึ่งเขียวครู่หนึ่งขาว

ท่านอ๋องไปแย่งเงินของนางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ท่านอ๋องไม่ได้มอบเครื่องประดับให้นางที่ไหนกัน?

ท่านอ๋องแทบอยากจะขนเครื่องประดับอันงดงามในโลกมาไว้ตรงหน้านางเชียวล่ะ

พระชายาก็หน้าไม่อายจริงๆ เพื่อเครื่องประดับชิ้นเดียว ทำลายชื่อเสียงตัวเองไม่พอ กลับยังทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องอีก

แล้วดูนางยังกอดต้นขาของซ่างกวนฉู่ไว้แน่นอีก ดึงชุดสีขาวดั่งหิมะของเขา เช็ดน้ำตาน้ำมูกของตัวเอง

ชิงเฟิงตัวสั่น เขาแทบจะคาดเดาได้เลยว่าท่านอ๋องจะโมโหเพียงใดเมื่อได้รู้ถึงเหตุการณ์นี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม