หลังจากชารอนเห็นไซม่อนออกไปแล้ว เธอเหลือบมองไปยังขวดน้ำหอมที่วางอยู่บนโต๊ะ ชารอนรู้สึกว่าไซม่อนดูจะสนใจน้ำหอมของเธอมากเป็นพิเศษ
บางที มันอาจเพราะน้ำหอมที่คุณพ่อทำนั้นมีกลิ่นหอมพิเศษเกินไป มันอาจเป็นกลิ่นหอมที่สามารถสะกดคนอื่นได้เลย
ในระหว่างที่ชารอนกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้น เซบาสเตียนก็วิ่งเข้ามาหาเธอและคว้าแขนเอาไว้ “แม่ครับ ผมหน้าเหมือนลุงใจยักษ์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
ชารอนก้มศีรษะลงมองเด็กน้อย เธออยากยอมรับว่าใบหน้าของเซบาสเตียนคล้ายกับไซม่อนมาก ยิ่งมองใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนมากเท่านั้น
'เป็นไปได้ไหมนะว่าเขาเป็นพ่อของลูกชายเรา?'
ความคิดเช่นนั้นแวบเข้ามาในหัวของชารอน และมันทำให้เธอตกใจไม่น้อย
ชารอนพลันกล่าวคำพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว "จะเหมือนได้ยังไงกันล่ะจ้ะ? ลูกไม่เห็นเหมือนคุณลุงเลย" เธอกล่าวคำพูดที่ขัดกับความคิดของตัวเองออกมา
“แม่กำลังโกหกอยู่แน่เลย!” เด็กน้อยมองตาชารอนแล้วตะโกน
“ตอนไหน... แม่โกหกลูกตอนไหน?” ชารอนไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอไม่กล้าสบตาลูกชายของตัวเอง
เซบาสเตียนมองชารอนโดยไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ “ทุกครั้งที่แม่โกหก แม่จะไม่มองหน้าผม แต่แม่จะกระพริบตาแทน”
ชารอนจ้องไปยังสายตาของเซบาสเตียนทันที เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่กระพริบตา "แม่ไม่ได้โกหกสักหน่อย" ขนาดตัวชารอนเองยังคิดเลยว่าคำพูดของตัวเองฟังดูปลอม
“แม่โกหกผมไม่ได้หรอก แม่ครับ ผมหน้าตาเหมือนลุงคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม? บอกผมมาสิครับแม่ แม่คิดว่าคุณลุงเป็นพ่อของผมหรือเปล่า? ”
ชารอนเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังในดวงตาของลูกชาย เธอรู้สึกเจ็บหัวใจไม่น้อยทันทีที่นึกถึงเหตุการณ์ที่เซบาสเตียนถูกกลั้นแกล้งที่โรงเรียนว่าเขาเป็นเด็กไม่มีพ่อ
ชารอนยกมือขึ้นและลูบหัวลูกชาย “นี่ลูกอยากตามหาพ่อขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เด็กน้อยพยักหน้า "ใช่ครับ"
“ผมจะตามหาพ่อให้เจอให้เร็วที่สุด”
“ลุงคนนั้น...”
“เขาไม่ใช่พ่อของคุณหรอกจ้ะ” แม้ว่าชารอนจะรู้ว่าเซบาสเตียนจะต้องผิดหวัง แต่เธอก็ยังพูดเช่นนั้นออกมา
ไซม่อนเหลือบมองไปที่รีเบคก้า เขารู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีที่เห็นเธอก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย
'เธอต้องพยายามหาสาวให้เราอยู่แน่เลย'
ไซม่อนเหลือบมองที่ดักลาสซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะ ชายชรานั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีหนักแน่น ดูเหมือนว่าดักลาสจะยอมรับในตัวรีเบคก้าและหวังว่าเธอจะได้เป็นลูกสะใภ้ของตน
ทว่า ไซม่อนโพล่งคำพูดที่เย็นชาออกมา "ผมจำไม่ได้"
คำพูดของไซม่อนทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของรีเบคก้าหายไปทันที
ถึงกระนั้น ฟิโอน่าก็ทำให้บรรยากาศกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง “ตอนนั้นทั้งคู่ก็ยังเด็กอยู่แหละน่า ที่จำไม่ได้เพราะทั้งสองคนอาจจะไม่ได้เจอกันนานด้วยแหละ ยังไงก็เถอะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้วแหละ เรามากินข้าวกันเถอะ"
รีเบคก้ารู้สึกเศร้าไม่น้อย เธอกัดริมฝีปากและเหลือบมองไปยังชายสุดเย็นชา หลังจากนั้น ฟีโอน่าจึงลากตัวรีเบคก้าไปที่ห้องอาหาร
ไซม่อนขมวดคิ้วและพูดขึ้น “พวกคุณไปกินกันเถอะ ผมยังมีธุระต้องจัดการอยู่ ผมต้องเคลียร์ที่นั่นก่อน”
ทันทีที่พูดจบ ไซม่อนก็หันหลังกลับไป เขาเดินออกไปโดยไม่สนใจสีหน้าของคนในครอบครัวเลยด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO