ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 468

ไป๋ชิงหลิงกลับมามีสติอีกครั้ง นางรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู

ไป๋ชงเซิงกระโจมทั้งร่างเข้าไปในอ้อมแขนของนาง กอดนางไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วพูดพร้อมกับร้องไห้ว่า “ท่านแม่ ข้าฝันถึงจิ่งหลิน เขาบอกว่าเขาหนาวมาก ในสถานที่แห่งนั้นมีเพียงเขาที่อยู่ลำพัง เขาคิดถึงท่านแม่ คิดถึงท่านพ่อ เขาอยากกลับจวน ฮือฮือ...”

“ข้าก็คิดถึงเขาเช่นกัน คิดถึงเขามาก เราจะสามารถพาจิ่งหลินกลับจวนอ๋องได้หรือไม่ ให้เขานอนในโลงน้ำแข็งเหมือนเสด็จย่า แล้วเราจะได้อยู่กับเขาทุกวัน!”

“องค์หญิงน้อย” แม่นมซั่งเห็นว่าไป๋ชงเซิงไม่อยู่ในห้อง นางจึงรีบออกจากห้องข้างและทันได้ยินคำพูดของไป๋ชงเซิง

นางรีบเข้าไปนั่งย่อกายด้านหลังไป๋ชงเซิง วางมือบนไหล่แล้วพูดว่า “องค์หญิงน้อย ท่านจะพูดจาไร้สาระไม่ได้”

“ทำไมจะไม่ได้เล่า?” ไป๋ชงเซิงผลักแม่นมซั่งออกอย่างฉุนเฉียวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบคมว่า “องค์จักรพรรดิทำได้ แล้วเหตุใดท่านแม่ถึงทำไม่ได้ ข้าอยากให้จิ่งหลินกลับมา เขาลำบากลำบนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง ไม่มีอาหาร ไม่มีเสื้อผ้า ใครๆ ต่างก็รังแกเขา ท่านแม่ เราไปหาจิ่งหลินกันเถอะนะ?”

ยามพูดมาถึงประโยคหลัง ไป๋ชงเซิงก็คว้าเสื้อผ้าของไป๋ชิงหลิงไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง นางร้องไห้จนน้ำตาไหลพรากแล้ว

ไป๋ชิงหลิงมองร่างคนที่อยู่ใต้ร่างนาง หัวใจนางบีบรัด

มีบางเรื่องที่องค์จักรพรรดิสามารถทำแต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำได้

ยิ่งไปกว่านั้นจิ่งหลินยังถูกฝังอยู่ในสุสานจักรพรรดิแล้ว ซึ่งเป็นการปฎิบัติที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว

“แม่นมซั่ง ข้าจัดการเอง” ไป๋ชิงหลิงนั่งยองๆ หันเข้าหาไป๋ชงเซิง แล้วกล่าวว่า “เซิงเอ๋อร์ ขอโทษแม่นมซั่ง”

“เหตุใดข้าต้องขอโทษนางด้วย ข้าไม่ชอบที่นี่ ท่านแม่ ข้าไม่ชอบที่นี่ ออกไปจากเมืองหลวงแล้วกลับหุบเขาเซียนไหลกันเถิด ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่” เมื่อไม่นานมานี้อารมณ์ไป๋ชงเซิงเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางสูญเสียความอดทนที่เคยมีเมื่อต้องรับมือกับข้ารับใช้ไป โดยเฉพาะกับแม่นมซั่ง

ทันทีที่แม่นมซั่งเข้ามา นางก็หนีทันที

การเสียชีวิตของหรงจิ่งหลินและการเสียชีวิตของฮองเฮาอู่ทำให้การรับรู้เรื่องครอบครัวของนางพลิกคว่ำ

มันทำให้ไป๋ชงเซิงรู้สึกว่าครอบครัวนี้ช่างเย็นชาและโหดเหี้ยม ตราบใดที่อำนาจของเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอ เจ้าก็สามารถบดขยี้ใครจนตายก็ได้ตามใจชอบ

นี่เป็นผลให้นางรู้สึกเบื่อหน่ายวังหลวงและเมืองหลวงมาก

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเป็นทุกข์ แต่ก็โกรธเล็กน้อยกับพฤติกรรมของไป๋ชงเซิง

นางยืนขึ้น ตะโกนอย่างดุเดือด “เซิงเอ๋อร์!”

ไป๋ชงเซิงมองดูนางแล้วร่ำไห้

ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างจริงจัง “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดถึงจิ่งหลิน แต่แม่นมซั่งคิดเรื่องนี้มากกว่าที่เจ้าคิด นั่นคือเด็กที่นางเลี้ยงดูมาด้วยมือของนางเอง บอกว่าจากไปก็จากไปแล้ว ท่านจะผลักไสแม่นมซั่งเพียงเพราะเจ้าไม่มีความสุขได้อย่างไร วันยามปกติแม่สอนเจ้าไว้อย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นบ่าวรับใช้หรือคนที่สูงกว่าเจ้าก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีน้ำใจต่อคนรอบข้าง ถึงจะสามารถจัดการอนาคตของตนได้ดี เจ้าขอโทษแม่นมซั่งก่อน แล้วเรามาคุยเรื่องจิ่งหลินอีกครั้ง”

แม่นมซั่งกอดไป๋ชงเซิงไว้แน่น

หลังจากจึงเก็บอารมณ์ไว้เป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็หยุดร้องไห้ ก่อนจะพูดว่า “องค์หญิง เด็กดี”

“ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าไม่ควรผลักไสเจ้า ทุกวันนี้ข้าไม่ควรอารมณ์เสียกับเจ้า ข้าไม่ควรขว้างอาหารที่เจ้าทำจนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม่นมข้าขอโทษ!” ไป๋ชงเซิงกำหุ่นดินเผาแน่น เมื่อมองดูหน้าหุ่นปั้นที่ดูเหมือนหรงจิ่งหลิน นางก็ตัดสินใจจะร่าเริงอีกครั้ง

นางอยากมีชีวิตอยู่เพื่อหรงจิ่งหลิน เพราะพวกเขาเกิดมาเป็นหนึ่งเดียวกัน

นางคือหรงจิ่งหลิน และหรงจิ่งหลินคือนาง

หรงจิ่งหลินปรารถนาที่จะดูแลท่านแม่ให้ดี เช่นนั้นนางจะมีชีวิตอยู่เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของหรงจิ่งหลินที่จะดูแลท่านแม่

ขณะที่แม่นมซั่งคือคนที่เลี้ยงดูหรงจิ่งหลินมา ดังนั้นนางจึงต้องดูแลแม่นมซั่งอย่างดีด้วยเช่นกัน

“แม่นมอย่าไปนะ ข้าจะเชื่อฟังท่าน” ไป๋ชงเซิงปล่อยนางพร้อมเสียงสะอื้นไห้

แม่นมซั่งปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง จับแก้มไป๋ชงเซิงอย่างเป็นทุกข์แล้วพูดว่า “หากเจ้าหญิงต้องการ ข้าน้อยก็เต็มใจที่จะอยู่ต่อ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น