บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง! นิยาย บท 12

“ก็แค่ไอ้เด็กกระจอก ถึงกับต้องให้เราลงมือพร้อมกันเลยหรือไง? แค่มือเดียวฉันก็เอามันตายได้!” ชายร่างกำยำคนหนึ่งเดินมา พลางยิ้มเอ่ยด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

คำพูดของเขานั้นแสนจะหยาบคาย สิ้นเสียง เขาก็พุ่งตัวเข้ามา พร้อมหมัดรุนแรง พลันต่อยไปยังหลินฮ่าวทีเดียวโดยไม่ออมแรง

ไม่อาจไม่พูดได้ว่า คนที่มีร่างกายกำยำนั้นมักได้เปรียบ แค่ขยับมือก้าวเท้าทำอะไรบางอย่าง ก็มักให้ความรู้สึกชวนตกตะลึง

เมื่อเห็นว่าเขาพุ่งหมัดใส่หลินฮ่าว ผู้คนรอบข้างมากมายก็เปล่งเสียงอุทาน ราวกับว่าได้เห็นสภาพของหลินฮ่าวที่ถูกต่อยจนเอ็นขาดกระดูกหักแล้ว

“หลินฮ่าว ระวัง......” อวี้หยูเฉินเองก็ลั่นเสียงเอ่ยอย่างตกใจ

แม้เธอจะมีตำแหน่งสูงศักดิ์เพียงใด ทว่า ต่อหน้าการล้อมโจมตีของชายร่างกำยำเหล่านี้ ในใจเธอเองก็หวาดกลัวถึงขีดสุด

ตอนนี้หลินฮ่าวคือเทพคุ้มครองเพียงหนึ่งเดียวของเธอ เธอย่อมกังวลว่าหลินฮ่าวจะเสียเปรียบและบาดเจ็บเป็นธรรมดา

“อ๊าก......”

เป็นไปตามที่ทุกคนคาด ที่มีเสียงกรีดร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด

ผู้คนต่างหลับตากันโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าทนมองดูหลินฮ่าวถูกต่อยจนเอ็นขาดกระดูหักไม่ได้

“แกรก.....”เสียงกระดูกหักดังขึ้นกรอบแกรบ ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลัง

เสียงนี่ ประกอบกับเสียงกรีดร้องที่หยาบกร้านนั่น ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจ

“ปัง......”

จากนั้น ก็ตามมาด้วยเสียงทุ้มสนั่น ก่อนจะจบลงด้วยเสียงแตกกระแทก

ผู้คนค่อยๆลืมตาขึ้น ทว่ากลับยังเห็นหลินฮ่าวยืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยสภาพสมบูรณ์

ทุกคนต่างอึ้งชะงัก ก่อนที่พวกเขาจะสังเกตเห็น ว่าบนพื้นที่อยู่ไม่ไกล มีร่างชายกำยำที่พุ่งตัวเข้าไปเมื่อกี้นี้กำลังโค้งตัวนอนประหนึ่งกุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่

แขนข้างที่พุ่งหมัดออกไปเมื่อครู่นี้ อยู่ในองศาโค้งงอผิดแปลกไปจากปกติ พอจะดูออก ว่าแขนข้างนั้นของเขา ใช้งานไม่ได้โดยสิ้นเชิงแล้ว

“ซี๊ด......”

ภาพตรงหน้า ทำให้ผู้คนอดสูดปากกันอย่างหวาดเสียวไม่ได้

“อย่าออมแรงกันจะดีกว่านะ ฝีมืออ่อนหัดแบบนี้ยังกล้ามาทำร้ายคนต่อหน้าฉัน เข้ามาพร้อมกันเถอะ อย่าทำให้ฉันเสียเวลา!”

หลินฮ่าวจับมือของอวี้หยูเฉินที่อยู่ด้านหลัง พลางเอ่ยเสียงเรียบกับชายร่างกำยำเหล่านั้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน ราวกับว่าไม่แยแสคนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

ชายเหล่านั้นเองก็ต่างตะลึงงั้น พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าภาพตรงหน้าจะกลายเป็นแบบนี้

“นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” ไม่ว่าจะยังไงอวี้หยูเฉินก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเอ่ยถามหลินฮ่าวอย่างตระหนกเล็กน้อย

“วางใจเถอะ ตราบใดที่มีผมอยู่ แม้จะเป็นยมบาลที่ขึ้นมาพรากชีวิตจากขุมนรก ผมเองก็สามารถต่อยมันลงไปได้เหมือนกัน!” หลินฮ่าวเอามือไขว้หลัง พลางเอ่ยเสียงหนักแน่น

น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบ ทว่าคำพูดนั้นกลับเหิมเกริมถึงขีดสุด

สายลมพัดผ่านไปอย่างแผ่วเบา ทำให้ผมสั้นของเขาพลิ้วไหว แม้การแต่งตัวจะดูธรรมดา ทว่า ณ วินาทีนี้ เขากลับเสมือนบุคคลไร้เทียมทานที่ยืนมือไขว้หลังบนยอดเขาสูงสุด ดุจปรมาจารย์ ดุจจอมยุทธ ดุจแม่ทัพใหญ่ ดุจราชา

น่าเกรงขามและอาจหาญจนน่าทึ่ง

ผู้คนรอบข้างต่างมองเขาด้วยสีหน้าหวาดผวา แต่ละคนขยี้ตาตัวเองโดยไม่รู้ตัว ประหนึ่งว่ากำลังตาฝาด

อวี้หยูเฉินเองก็ลอบอึ้งในใจ ทว่าหลังจากนั้น ความรู้สึกเบาใจก็ก่อตัวขึ้น

ณ วินาทีนี้ สำหรับเธอแล้ว หลินฮ่าวก็คือภูเขาลูกใหญ่ หากฟ้าถล่มลงมา ก็มีเขาแบกไว้ หรือแม้ผืนดินพังทลาย ตราบใดที่เขายังไม่ล้ม เธอก็จะปลอดภัยเสมอ

“ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม น่าจะเก๊กพอแล้ว พี่น้อง ขย้ำมันพร้อมกันซะ!” ชายร่างกำยำที่เป็นหัวหน้าตอบสนองก่อนใคร เขาตวาดเสียงด่า ก่อนจะเรียกพวกที่เหลือนับสิบ พุ่งไปยังหลินฮ่าวทันที

ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินฮ่าวก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตี เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ปกป้องอวี้หยูเฉินเอาไว้

ชายนับสิบพุ่งตัวเข้ามาในพริบตา ชั่วขณะหนึ่ง ใบมีดและแท่งเหล็กต่างโจมตีใส่หลินฮ่าวทีเดียวโดยไม่ยั้ง

“อ๊าก......” ผู้คนรอบข้างส่งเสียงอุทานขึ้นอีกครั้ง

ทุกคนต่างอึ้งชะงัก แม่เจ้า นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่ใช่ไหม?

ไม่ถึงสิบวินาที ก็สยบชายร่างกำยำนับสิบจนราบคาบ นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่ใช่ไหม?

อย่าว่าแต่คนอื่น แม้แต่อวี้หยูเฉินเองก็อึ้งตะลึงไม่แพ้กัน

แม้สัญชาตญาณจะบอกเธอมาตลอด ว่าหลินฮ่าวนั้นแข็งแกร่งมากๆ แต่ก็ยังคิดไม่ถึง ว่าถึงตอนที่ลงมือจริงๆ หลินฮ่าวจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้

“กลับกันเถอะ!” หลินฮ่าวไม่คิดจะอยู่ต่อ เขาหันตัวไปจูงมืออวี้หยูเฉิน เดินไปยังที่นั่งข้างคนขับมาเซราตี แล้วเปิดประตูรถให้อวี้หยูเฉินเข้าไปนั่ง

ขณะที่เขากำลังจะมุ่งไปยังฝั่งคนขับ ผู้คนรอบข้างกลับรายล้อมกันเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพศรัทธา

“ฮีโร่ ท่านจอมยุทธ ขอลายเซ็นหน่อยสิ!”

“ฉันจะฝากตัวเป็นศิษย์ ฉันจะฝากตัวเป็นศิษย์คุณให้ได้!”

“สุดยอดสุดๆไปเลย นี่มันเจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันชัดๆ!”

แต่ละคนต่างรายล้อมกันเข้ามา มีคนขอลายเซ็นหลินฮ่าว มีคนฝากตัวเป็นศิษย์หลินฮ่าว กระทั่งมีผู้หญิงบางคนเริ่มเพ้อหนักไปต่างๆนานา

หลินฮ่าวเผยแววตาเยือกเย็น กวาดตามองคนเหล่านี้

ความศรัทธาแรงกล้าของคนพวกนี้ พลันเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็น สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที

ชั่วขณะหนึ่ง แต่ละคนต่างรู้สึกเหมือนตกลงไปหุบเหวไร้ก้นบึ้ง เย็นเชียบไปทั้งร่างกาย

“อย่ามาขวางทางผมจะดีกว่านะ ผมเกลียดคนไร้น้ำใจ คนอย่างพวกคุณ ก็รอวันที่จะถูกคนเล่นงานจนตายซะเถอะ!” หลินฮ่าวเอ่ยเสียงเย็น

พูดเสร็จ เขาก็ขึ้นรถทีเดียว ไม่สนใจคนเหล่านี้ที่เมื่อกี้ยังล้อมวงกันเหมือนดูเรื่องสนุก ตอนนี้กลับกรูกันเข้ามาอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่เด็กเขาก็ได้เผชิญกับโลกความเป็นจริง แม้ตัวเขาจะไม่นับว่าเป็นคนดีอะไร แต่ถ้าให้พูดตามตรง กับคนพวกนี้ที่ไม่รู้จักช่วยเหลือคนอื่น รู้จักแต่มองดูอยู่ข้างๆอย่างไม่แยแสแบบนี้ เขาก็ไม่อาจมีความรู้สึกดีๆให้ได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียวจริงๆ

ต่อหน้าสังคมในตอนนี้ เขาเองก็มีหลายอย่างที่ไม่เห็นด้วย สำหรับคนเหล่านี้ หลินฮ่าวเชื่อว่าสักวันในไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีใครช่วยเหลือเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!