บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 225

ฮูหยินเหลียงลุกขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพ่อ ท่านอ๋องกับพระชายามาถึงแล้ว”

หยวนชิงหลิงได้ยิน ก็รู้สึกตกใจ ผู้เฒ่าที่หาบปุ๋ยคอกคนนั้นคือเซียวเหยากงหรือ

นางรีบลุกขึ้น ย่อตัวพูดว่า “คำนับท่านผู้เฒ่า ”

เซียวเหยากงมองนาง คิ้วดกดำเลิกขึ้น หัวเราะฮึฮึ “ท่านเป็นพระชายา มาคำนับข้า นี่ไม่เหมาะสม นั่งลงเถอะ”

หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวว่า “ท่านเป็นผู้อาวุโส ย่อมต้องเป็นข้าที่ต้องคำนับ”นับอะไรกับแค่ฐานะพระชายา แม้ฐานะจะสูงศักดิ์ แต่ถ้านับตามกำลังความสามารถ คนอื่นยังห่างไกลจากนางอีกหลายชั้น ต่อหน้าจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้ จะเสียมารยาทไม่ได้

“เจ้าเป็นหญิงที่รู้จักวางตัวจริงๆ ”เซียวเหยากงเอ่ยอย่างชื่นชม สายตาไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของหยู่เหวินเห้า ยิ้มอย่างหยอกล้อ “เจ้าหนุ่ม ไม่เจอกันนาน ยังกลัวว่าข้าจะดีดกะโหลกอีกหรือ”

หยู่เหวินเห้าใบหน้าซึมกะทือ “ท่านเป็นผู้อาวุโสก็ควรทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนรุ่นหลัง อย่าทำตัวไม่น่านับถือให้เป็นที่หัวเราะได้”

เซียวเหยากงนั่งลง เท้าเปล่าสองข้างวางไว้บนเก้าอี้เล็ก เท้าดำปี๋เต็มไปด้วยโคลน ราวกับชาวนาที่ทำนาก็ไม่ปาน “ว่าถึงเรื่องทำตัวไม่น่านับถือ ไท่ซ่างหวงเองก็แบกรับหน้าที่ทุกอย่างไม่เคยลังเล เจ้าไปพูดกับเสด็จปู่ของเจ้าก่อนเถอะ”

หยู่เหวินเห้าไม่กล้า

แม้ว่าอยากจะพูดมาตลอด ก็เพราะเสด็จปู่ให้ท้ายตาเฒ่าคนนี้เสียมารยาทอยู่เสมอมา

ที่จริงหยวนชิงหลิงอยากจะคุยเป็นการส่วนตัวกับเซียวเหยากง แต่ว่านางมองไม่เห็นโอกาสนั้นเลย อีกทั้งความสนใจทั้งหมดของเซียวเหยากงก็อยู่ที่ตัวหยู่เหวินเห้า

พูดคุยกันสักพัก เซียวเหยากงก็ลุกขึ้น “เจ้าห้า ไปที่ห้องหนังสือกับข้า”

หยู่เหวินเห้านิ่ง แต่ก็ยอมลุกขึ้นอย่างช้าๆ เดินตามเขาออกไป

หยวนชิงหลิงมองเขาราวกับกำลังไปที่ลานประหารก็รู้สึกขำ เซียวเหยากงคนนี้ช่างเป็นกันเองจริงๆ ทำไมจึงต้องกลัวเขาด้วย

เซียวเหยากงกับหยู่เหวินเห้าเข้าไปพูดคุยกันเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปแล้วก็ออกมา หลังจากออกมา หยู่เหวินเห้าก็บอกว่าจะไปทำธุระ ลากตัวหยวนชิงหลิงไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ง่ายเลยที่หยวนชิงหลิงจะได้ออกมาเยี่ยมสักครั้ง ยังไม่ได้ถามเรื่องที่อยากถามก็ต้องกลับแล้ว รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง

แต่ว่า เซียวเหยากงกลับมองมาที่นางและพูดว่า “อีกสองวันข้าจะเข้าวังไปน้อมทักทายไท่ซ่างหวงเสียหน่อย พระชายาหากมีเวลาว่าง ก็ไปด้วยกันสิ”

หยวนชิงหลิงรีบบอกว่า “ได้ ได้ ข้าว่างพอดี ”

พูดจบ จึงเดินออกไปกับหยู่เหวินเห้าอย่างสบายใจ

ขึ้นรถม้าแล้ว หยู่เหวินเห้าเอาแต่นึ่งขรึม สีหน้าหนักอึ้ง

หยวนชิงหลิงถามว่า “อะไรคือเคาะกะโหลก ”

หยู่เหวินเห้ามองนางแวบหนึ่ง “ก็เขกหน้าผากไง เมื่อก่อนเขาชอบดีดหน้าผากข้าที่สุดเลย ”

“อ๋อ เขาแข็งแรงปานนั้น ลงมือน่าจะหนักทีเดียว”หยวนชิงหลิงมองเขาที่ยังคงดูหนักอึ้ง จึงถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยเบาๆว่า “คนที่จ้างคนมาลอบสังหารข้า เซียวเหยากงหาตัวพบแล้ว”

“หาเจอแล้ว ทำไมไม่ส่งให้ทางการจัดการแต่กลับมาบอกกับท่านเล่า หรือไม่ก็รายงานฮ่องเต้โดยตรงก็ได้ ”หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ

“เขาได้ถวายรายงานแล้ว แต่ว่าเสด็จพ่อไม่ได้มีพระบัญชาอะไร ”หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วแน่น “แม้แต่ เรียกเขาเข้าไปสอบถามก็ไม่มี ”

“เป็นอ๋องจี้ใช่หรือไม่ ”

หยู่เหวินเห้าเริ่มลงมือจากคนของอ๋องจี้

พวกของอ๋องจี้ ได้รวมตัวกันเป็นพรรคทำการอย่างเปิดเผย ช่วงที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไรนัก แต่ว่า หยู่เหวินเห้าได้เตรียมกันป้องกันพวกเขาไว้นานแล้ว และได้ให้ทังหยางไปตรวจสอบพวกเขาแล้วด้วย

กลับไปปรึกษากับทังหยาง จะโต้กลับอ๋องจี้ ก็ต้องตัดขาดเส้นทางที่มาของเงินทอง

หลายปีมานี้อ๋องจี้เสียเงินไปไม่น้อย เพื่อใช้ในการรวบรวมเหล่าขุนนาง ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ต้องเพิ่งตระกูลมารดาของพระชายาจี้ในการสนับสนุน ค้ำจุนอย่างยากลำบาก

แต่ว่า แค่นี้คงไม่พอ ฉะนั้น เข้าต้องมีที่มาของเงินอีกทาง

ไม่ผิดจากที่คาด เป็นสินน้ำใจจากเหล่าขุนนางในพื้นที่

ขุนนางตามมณฑลต่างๆ ต่างก็มีชีวิตอยู่ในกำมือของผู้อื่น ฮ่องเต้ผู้สูงส่งนั้นอยู่ไกล จะประเมินตรวจสอบ ก็คงไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ทรงจะปลอมตัวมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองได้ ฉะนั้นราชสำนักได้มีการส่งตัวแทนพระองค์ของฮ่องเต้ออกไปตรวจตราในทุกที่ และทุกปีอ๋องจี้จะกระตือรือร้นในการส่งคนในพรรคของตนเพื่อรับตำแหน่งนี้ ไม่ว่าจะเรื่องคดีความ การเก็บภาษี การป้องกันอุทกภัยเป็นต้น ถ้าทำการตรวจสอบอย่างจริงจัง ต้องมีตอผุดขึ้นมาแน่

ฉะนั้น พวกเขาต้องกตัญญูต่อคนที่มีอำนาจในเมืองหลวง แบ่งเบาภาระ ในค่าใช้จ่ายของอ๋องจี้ ส่วนใหญ่แล้วเงินก็มาจากตรงนี้

หยู่เหวินเห้าเป็นเจ้ากรมการพระนคร อยากจะกระชากผมของอ๋องจี้ ก็ต้องเริ่มจากคดีความที่ทำผิด

แต่เรื่องนี้ ถ้าทำการตรวจสอบอย่างเปิดเผย ต้องให้กรมอาญาสั่งการ คำสั่งการของกรมการพระนครมีจำกัดอยู่แค่ในเมืองหลวง ถ้าจะตรวจสอบคดีที่เหล่าขุนนางใต้บังคับบัญชาของอ๋องจี้ ต้องให้กรมอาญาออกหน้า

ทังหยางออกเดินทางในรุ่งเช้าของอีกวัน ไปยังเมืองถิงเจียง

เมืองถิงเจียงเป็นพื้นที่ที่อ๋องจี้เพิ่งไปทำภารกิจนำความสำเร็จกลับเมืองหลวง อ๋องจี้สามารถปราบกบฏได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงหนึ่งเดือน เห็นได้ชัดว่าเมืองถิงเจียงเป็นพื้นที่ในอำนาจของเขา และก่อนหน้านี้เขามีความคิดจะเสนอให้หยู่เหวินเห้าเป็นคนมาปราบกบฏที่ถิงเจียง หากไม่ใช่เพราะว่าสามารถควบคุมทุกการกระทำของหยู่เหวินเห้าในเมืองถิงเจียงได้ เขาคงไม่มีทางเสนอแนะแน่

และเจ้าเมืองของเมืองถิงเจียง ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระชายาจี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน