บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 183

เมื่อถ่ายทอดเรื่องราวในสาส์นกราบทูล จ้าวเว่ยหมินได้ตัดทอนเนื้อหาไปมาก เช่นเรื่องสามร้อยปีแห่งราชวงศ์

เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อส่งสาส์นกราบทูลนี้ แต่เขากลัวว่ามันจะเกี่ยวข้องกับหวังหยวน เขาจึงตัดเนื้อความนั้นทิ้งไป!

แต่เนื้อหาที่เหลือก็ยังทำให้ทั้งราชสำนักตกใจ!

“ข้อเสียของแผ่นดินอยู่ที่การผนวกดินแดน และความเหลื่อมล้ำของชนชั้นทางสังคม ขุนนางและชนชั้นสูงมีพื้นที่หลายพัน หลายแสนไร่ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เสียภาษี”

“สามัญชนที่ยากจนมีที่ดินเพาะปลูกสามถึงห้าไร่ บางคนกลายเป็นผู้เช่า แต่ต้องเสียภาษีหนัก ทำให้พวกเขาไม่มีอาหารกิน ไม่มีแม้เสื้อผ้าคลุมร่างกาย ไม่มีเงินเลี้ยงดูในวัยชรา และไม่มีเงินรักษาอาการป่วยของตน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แผ่นดินจะตกอยู่ในอันตราย”

“การเก็บภาษีไม่มีอะไรมากไปกว่าวิธีการหาเงิน หัวใจสำคัญอยู่ที่ว่าใครมีเงิน คนจนควรได้รับการยกเว้นภาษี หรือจ่ายภาษีน้อยลง...”

เจ้ากระทรวงหกคนมาถึง ถือสาส์นกราบทูลด้วยมือที่สั่นเทา และแอบด่าจ้าวเว่ยหมินในใจ ไม่รู้ว่าหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่า

หลังจากนั้นไม่นาน เสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวาก็มาถึง

หยางเฟิ่งกั๋วเปิดอ่าน รูม่านตาของเขาหดตัวลง จิตใจปั่นป่วนทันที

เขาเข้าใจว่าจ้าวเว่ยหมินเป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยม เขาเป็นคนซื่อตรง เที่ยงธรรม ซื่อสัตย์ เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในการปกครองราษฎร แต่นโยบายระดับชาติที่เขาคิดขึ้นนั้น ไม่ค่อยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ตอนที่ออกจากเมืองหลวง พวกเขาทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง เขายังไม่ได้พูดถึงเรื่องการจัดสรรที่ดินเลย

จะเขียนนโยบายใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนได้อย่างไร ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่!

แต่เขาได้ส่งข้อความส่วนตัวมาบอกว่า เด็กหนุ่มที่ชื่อหวังหยวน มีความสามารถในการรักษาเสถียรภาพของอาณาจักรและโลก ขอให้ฝ่าบาทลองพิจารณา!

นโยบายล่าสุดที่เกี่ยวกับการทำลายกำแพง และเริ่มตลาดกลางคืน เขายังระบุว่าเป็นหวังหยวนที่เป็นคนแนะนำ แต่สาส์นกราบทูลฉบับนี้ไม่ได้กล่าวถึงหวังหยวนเลย!

อีกทั้งหากส่งสาส์นกราบทูลนี้ต่อราชสำนัก ก็จะเป็นการท้าทายอำนาจขุนนางและชนชั้นสูงทุกคน!

ด้วยนิสัยของจ้าวเว่ยหมิน เขาจะยอมพูดถึงหวังหยวน และทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร

เสนาบดีฝ่ายขวา เป้าชิงสื่อ หยิบขึ้นมาอ่านโดยไม่แสดงสีหน้า และไม่พูดอะไรสักคำ!

ผู้ยิ่งใหญ่ในราชวงศ์เหล่านี้ แม้ว่าคนเถื่อนสี่ทิศจะยกทัพมาก็ไม่แสดงสีหน้า

ทุกคนเงียบในขณะนี้

ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เก่งมากที่กล้าระบุปัญหานี้ในต้าเย่

จัดสรรที่ดินทำกิน เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงเสียประโยชน์

จากมุมมองของราชสำนัก ใครก็ตามที่สนับสนุนกลยุทธ์นี้ จะถูกตัดขาดจากบัณฑิต ขุนนาง และชนชั้นสูงทั้งอาณาจักร และจะเป็นศัตรูของทั้งราชสำนักนับจากนี้เป็นต้นไป!

ฮ่องเต้ซิงหลงขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?!”

หัวหน้าขันทีกล่าวอย่างระมัดระวัง “ว่ากันว่าจ้าวเว่ยหมินจากเมืองฝูได้เสนอกลยุทธ์อื่น ขุนนางทั้งแปดไม่อาจตัดสินใจได้ จึงมาขอให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”

“จ้าวเว่ยหมินอีกแล้ว!”

ใบหน้าของฮ่องเต้ซิงหลงมืดมน “ลดตำแหน่งเจ้าบ้านั่นไปอยู่ที่เฉิงโจวแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจรักษาความสงบได้อีก เมื่อไม่กี่วันก่อน มีกลยุทธ์รื้อกำแพง ซึ่งทำให้เกิดการทะเลาะกันเล็กน้อยในราชสำนักทุก ๆ สามวัน และการทะเลาะครั้งใหญ่ทุก ๆ ห้าวัน แล้วคราวนี้มีปัญหาอะไรอีก เขาต้องการให้ข้าฆ่าเขาก่อนหรือ ถึงจะทำให้ราชสำนักสงบสุขเสียที!”

หัวหน้าขันทีก้มหน้าลง ไม่กล้าตอบ

พระสนมซูที่อยู่ด้านข้างพูดเบา ๆ “ฝ่าบาท โปรดสงบสติอารมณ์เถอะเพคะ อำมาตย์ทั้งแปดแห่งราชสำนักทำเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอนเพคะ”

“เช่นนั้นข้าจะไป!”

ฮ่องเต้ซิงหลงเสด็จมาที่โถงหย่างซิน หยิบสาส์นกราบทูลนั้นขึ้นมาอ่านแล้วขมวดคิ้ว

“...เสาหลักของอาณาจักรคือข้าราชการและผู้สูงศักดิ์ ส่วนตัวบ่อนทำลายอาณาจักร... ก็คือข้าราชการและผู้สูงศักดิ์เช่นกัน... หากต้องการแก้จุดอ่อนของต้าเย่ในระยะยาว ต้องเริ่มดำเนินการจาก... เหล่าข้าราชบริพารและผู้สูงศักดิ์ทั่วทุกแห่ง จัดสรรที่ดินทำกินให้ราษฎร ข้าราชบริพารและผู้สูงศักดิ์... ต้องจ่ายภาษีด้วย หากนโยบายนี้ปฏิบัติได้ ต้าเย่ก็จะเจริญรุ่งเรืองไปอีกร้อยปีแน่นอน…”

สาส์นกราบทูลขนาดเล็กหมื่นอักษรนี้ วิเคราะห์ข้อบกพร่องของต้าเย่ และติดตามต้นตอของสาเหตุ เพื่อค้นหาแนวทางแก้ไข

ทุกถ้อยคำนั้นแถลงไขไว้แจ่มแจ้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่