บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 106

บทที่ 106 อสูรปรสิตหกปีก
บทที่ 106 อสูรปรสิตหกปีก

บนผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ มีเพียงโขดหินและดินทรายทอดยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กลุ่มควันสีเหลืองหม่นปกคลุมไปทั่วทั้งสวรรค์และพื้นพิภพ เฉินซีกดปลายเท้าเหยียบลงบนพื้น ฉับพลันเขาสัมผัสได้ถึงความหนักหน่วงใต้เท้า ในใจกระตุกวูบ… ‘พลังปฐพีที่ห้าช่างแน่นหนาอะไรเช่นนี้!’

‘ที่นี่หรือคือบททดสอบสรวงสวรรค์ขั้นที่หนึ่ง’ เฉินซีสังเกตไปรอบข้าง ทันใดนั้นเสียงแก่ ๆ บ่งบอกอายุดังมาเข้าหู

“ขอบเขตปฐพีที่ห้า!”

“ยืนหยัดหกชั่วยาม ต้านจู่โจมอสูรปรสิตหกปีก!”

“หากกำจัดอสูรปรสิตหกปีกได้มาก รางวัลก็ยิ่งมาก!”

“ผู้ที่เคยฝึกวิชาแปลงดาราสังหารเอกภพ หากกำจัดอสูรปรสิตหกปีกได้เก้าพันเก้าร้อยตัวด้วยปราณจ้าววิญญาณขั้นปฐพีที่ห้าของตนเอง เจ้าจะได้รับพลังอิทธิฤทธิ์ ฝ่ามือมหาดาราของเรา!”

‘ฝ่ามือมหาดาราอย่างนั้นหรือ’ เฉินซีรู้สึกใจเต้นระทึกขึ้นทันที

‘หลังจากฝึกบ่มเพาะปราณจ้าววิญญาณทักษะแปรสภาพกายาได้อย่างหนึ่งแล้ว จะสามารถฝึกพลังอิทธิฤทธิ์อันน่าพรั่นพรึงมากมายได้อีกอย่างหนึ่ง พลังดังกล่าวสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างในโลกนี้ อีกทั้งยังมีพละกำลังมหาศาลอย่างร่างแปลงสวรรค์ หมัดแปลงภูผาและกายาเงาทองคำ ทั้งหมดล้วนเป็นพลังอิทธิฤทธิ์อันโด่งดังลือเลื่อง!

เสียงพูดที่ดังขึ้นก่อนหน้าเอ่ยประโยคสุดท้าย สำหรับข้ามันฟังชัดเจนแจ่มแจ้งมาก ใช่แล้ว …ข้าฝึกวิชาแปลงดาราสังหารเอกภพ และมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับการสืบทอดผ้าคลุมของผู้อาวุโสฝูซี’

‘แตกต่างกับผู้ฝึกบ่มเพาะคนอื่นที่บุกเข้าไปถึงที่พำนัก ข้าอาจโดนทำลายด้วยบททดสอบสรวงสวรรค์ขั้นที่หนึ่งนี่แหละ หากต้องตายก็ไม่กังวลเลยสักนิด…’ เฉินซีหวนนึกถึงข้อมูลที่ได้รับจากจี้อวี๋ทั้งหมด ในเมื่อมาแล้วก็ลงมือเลยแล้วกัน ไม่ว่าเจ้าอสูรปรสิตหกปีกจะน่าเกรงขามเพียงใด อย่างน้อยก็จะสู้ให้ถึงที่สุด และจะสู้จนกว่าจะหมดแรง ข้าต้องนำพลังอิทธิฤทธิ์ฝ่ามือมหาดารามาให้ได้!

ฟิ้ววว! ฟิ้ววว! ฟิ้วววว!

จู่ ๆ ในอากาศก็ปรากฏกระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเล่มออกมาทะยานหมุนเวียนรอบเฉินซี กระบี่ทุกเล่มสาดแสงเปล่งรัศมีขณะที่เหินวนไปมา ‘ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าไอ้เจ้าอสูรปรสิตหกปีกมันคืออะไร กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ข้าจะใช้ทักษะกระบี่จัดการพวกมัน เมื่อใดที่พบจุดอ่อนก็ค่อยใช้ปราณจ้าววิญญาณ…’

ปัง! ตุบ! ตุบ!

ช่วงที่เฉินซีกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักแน่นเป็นลูกคลื่นปานฟ้าร้องพลันดังมาแต่ไกล เสียงนั้นดังกึกก้องเหมือนเวลาก่อนที่กองทหารเคลื่อนพลผ่านเข้าไปในสนามรบ ถึงกับทำให้ทั่วผืนฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือน กลุ่มหมอกควันที่ลอยหมุนสูงขึ้นไปสองร้อยจั้งเริ่มฟุ้งกระจาย

‘นั่นมันอะไร?’ เฉินซีหรี่ตาลง

ท่ามกลางกลุ่มหมอกควันที่ปกคลุมกำลังม้วนตัว สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาก็พุ่งทะยานราวทำนบแตก เหมือนเสือโคร่งแต่ไม่ใช่ เหมือนเสือดาวแต่ก็ไม่ใช่อีก มันตัวใหญ่มหึมาราวกับช้างโบราณและมีสีเหลืองเข้มตลอดตัว ดวงตาแดงก่ำเหมือนคบเพลิงที่กำลังลุกโชน บนหลังประกอบด้วยปีกหกปีกงอกออกมา กีบเท้าใหญ่สี่กีบขนาดเท่ากับเสายักษ์สี่ต้น

สัตว์ประหลาดตัวนั้นเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างเต็มที่จนบังเกิดเสียงดังสนั่น คลื่นพลังอำมหิตและดุร้ายแผ่ออกมาทั่วร่าง

ชั่วพริบตาเสียงฝีเท้าดังกระหึ่มมาจากรอบด้าน ขณะที่การเคลื่อนที่ของพวกมันเกิดจากพลังผลักดันบางอย่างที่น่าเกรงขาม

อสูรปรสิตหกปีกสินะ เฉินซีหรี่ตามอง ในใจปราศจากซึ่งความหวาดกลัว จะมีก็เพียงอารมณ์คุกรุ่นของความมุ่งมั่นในการต่อสู้ ที่กำลังพลุ่งพล่านดุจหินร้อนหลอมละลายรอการปะทุ

ฟิ้ววว!

เฉินซีกระตุ้นเคล็ดวาตะเหินทะยาน ร่างกายเหมือนดั่งกระแสลมกระโชกแรงอย่างกะทันหัน พลันสายฟ้าแลบแปลบปลาบขณะที่เหินขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งอยู่ออกไปกว่าสิบลี้ และมีความสูงกว่าสองร้อยจั้งทันที เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรปรสิตหกปีกที่พุ่งมาจากรอบทิศทาง การปักหลักต่อสู้อยู่กับที่จึงไม่ต่างอะไรกับการถูกตัดสินโทษประหาร

“กรรร! กรรร! กรรร!” เหล่าอสูรปรสิตหกปีกนับหลายร้อยตัวที่โอบล้อมอยู่รอบตัวส่งเสียงคำรามข่มขวัญ ขณะที่เท้าย่ำลงไปบนก้อนหินก็เกิดเสียงกึกก้องพร้อมกับพุ่งเข้าหาเฉินซี พวกมันมีรูปร่างใหญ่โตก็จริงแต่ว่องไวอย่างน่าตกใจ เพียงวูบเดียวก็เข้าประชิดถึงตัวชายหนุ่มเสียแล้ว

“ตายเสียเถอะ!” เขาดีดตัวลอยขึ้นสูง แปรสภาพกลายเป็นกระแสลมอื้ออึง ไร้รูปลักษณ์ไปพร้อมกับกระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเล่มทะยานวนรอบกาย ขณะพุ่งตรงไปยังกลุ่มอสูรปรสิตหกปีก

กระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเป็นสมบัติวิเศษระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดทั้งเฉียบคมและยิ่งผนึกเต๋าแห่งสายลม ด้วยพลังอำนาจจึงน่ากลัวอย่างหาสิ่งใดเปรียบ เมื่อสามอสูรปรสิตหกปีกที่กระโจนเข้าใส่ตรง ๆ พวกมันจึงมิทันตอบโต้กลับก็ถูกกระบี่ท่องปรภพฟาดฟันแหลกสลายไปทันที จนแข้งขาขาดสะบั้น เศษชิ้นส่วนกระจายทั่วพื้นดิน

ฟู่! ฟู่! ฟู่!

ลำแสงกระบี่ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังขณะที่เคลื่อนไปรอบตัวเฉินซี พวกมันไม่ต่างอะไรกับลมพายุที่อยู่ในรูปใบมีดคมกริบจำนวนมากฟาดกวาดไปทุกทิศทาง อีกทั้งยังหักเลี้ยวเบี่ยงหลบราวกับเป็นบ้าเป็นหลัง ที่ใดที่ตวัดฟาดฟันจะปรากฏเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชดังขึ้นและมีซากล้มตาย ชิ้นส่วนอวัยวะแข้งขา ทั้งกระดูกกระเดี้ยวถูกตัดขาดกระจายว่อนไปในอากาศ เป็นภาพเหตุการณ์การนองเลือดอย่างแท้จริง

“ฆ่ามัน!” ยามนี้ความมุ่งมั่นการต่อสู้ของเฉินซีพุ่งทะยานอย่างแรงกล้า เมื่อตั้งหน้าตั้งตาที่จะสังหารหมู่พวกมัน แต่ในจิตใจอดหวนนึกไปถึงเบาะแสของแก่นแท้ของเต๋าแห่งกระบี่ที่สังเกตเห็นบนแผ่นจารึกในสุสานกระบี่

ทักษะกระบี่ของเขายามนี้ค่อยเฉียบคมขึ้นและตวัดเร็วขึ้นทุกขณะ อีกทั้งยังปลดปล่อยญาณแห่งนิพพานเป็นเงาเลือนราง ปัดผ่านกวาดเอาทุกสิ่งอย่างด้วยความมุ่งมั่นและทำลายล้างอย่างรุนแรงได้ง่ายดาย

‘เป็นอย่างที่คิด นายเก่าของหลิงไป๋น่าเกรงขามมากจริง ๆ เขาเพียงจารึกมันไว้บนแผ่นป้ายสุสานกระบี่ แต่ก็ยังมีประโยชน์แก่ข้าซึ่งเพียงแค่สังเกตเห็นเท่านั้น ถ้าเชี่ยวชาญเต๋ากระบี่แห่งแดนนิพพานอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อนั้นทักษะกระบี่จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างแน่นอน!’

ฟิ้ววว!

ฝูงอสูรปรสิตหกปีกหลายร้อยตัวถูกกำจัดแล้ว แต่เมื่อมองไปยังไกลห่าง เขาก็พบว่ายังมีปรสิตหกปีกไหลทะลักออกมาเรื่อย ๆ จนเนืองแน่น!

“ฆ่ามัน!” เฉินซีไม่มัวเสียเวลาอีกต่อไป เขาพุ่งเข้าหากลุ่มอสูรร้ายและลงมือฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ขณะเดียวกันก็พยายามสังเกตจุดอ่อนและจุดตายของเจ้าอสูรปรสิตหกปีกไปด้วย

สำหรับเฉินซี การใช้ปราณจ้าววิญญาณปราบฝูงอสูรปรสิตหกปีกมากถึงเก้าพันเก้าร้อยตัว เรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยที่สุดแล้วเขาเพียงแต่ควบคุมปราณจ้าววิญญาณได้เท่านั้น ซึ่งยังขาดการฝึกฝนและลงมือใช้งานปราณจ้าววิญญาณอย่างจริงจัง ยิ่งกว่านั้นไม่มีพลังอิทธิฤทธิ์ ชายหนุ่มเพียงใช้หมัดถล่มทลายอย่างเดียวเท่านั้น!

สิ่งสำคัญที่สุด ถ้าใช้พลังปราณแท้ไม่ได้ก็จะใช้เคล็ดวาตะเหินทะยานไม่ได้ และทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงมาก ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกฝูงอสูรปรสิตหกปีกจู่โจมเป็นวงกว้างเช่นนี้ เมื่อความว่องไวลดทอนลง ส่งผลให้แรงกดดันของเฉินซีเพิ่มมากขึ้น

เพราะฉะนั้นถ้าได้ล่วงรู้จุดอ่อนหรือจุดตายของอสูรปรสิตหกปีก การต่อสู้ของเขาคงจะง่ายขึ้นมาก และการใช้ปราณจ้าววิญญาณทำลายอสูรปรสิตหกปีกเก้าพันเก้าร้อยตัวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“หือ” เฉินซีเริ่มสิ้นหวังขณะเดียวกันก็สังเกตพบว่าฝูงอสูรปรสิตหกปีกที่พุ่งออกมาเรื่อย ๆ กลับมีพลังแกร่งกล้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว พลังแกร่งกล้าหรือสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง ยิ่งยากจะเอาชนะกว่าเดิมมาก

จากเดิมที่ใช้ทักษะกระบี่เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถทำลายอสูรปรสิตหกปีกทั้งฝูง ทว่าตอนนี้อาจต้องใช้สองกระบวนท่าหรือสามหรือมากกว่านั้น…

ราวหนึ่งก้านธูปผ่านไป

ชายหนุ่มกำจัดอสูรปรสิตหกปีกไปแล้วไม่น้อยกว่าสองถึงสามพันตัว พื้นดินเวลานี้ปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาตา และเป็นไปได้ยากที่จะกำจัดพวกมันอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยมอย่างคราแรกเสียแล้ว

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ลำแสงกระบี่ว่องไว ทั้งเด็ดขาดและเฉียบคม ในสามอึดใจภายใต้วงล้อมของกระบี่ท่องปรภพทั้งแปด กำจัดอสูรปรสิตหกปีกได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น อสูรสัตว์ประหลาดอำมหิตเหล่านี้ดูเหมือนผ่านการแปลงสภาพภายนอกมาแล้ว พวกมันมีผิวหนังแข็งดั่งหินผาและพละกำลังก็เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า เมื่อจู่โจมเข้ามาพร้อมกัน แค่กลิ่นพลังอำมหิตรอบกายก็ทำให้แรงกดดันพุ่งขึ้นอย่างกะทันหัน

ให้ตายสิ! ถ้าสัตว์อสูรมีพลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นต่อไปเช่นนี้ หากไม่ใช้ปราณจ้าววิญญาณ ข้าคงไม่อาจต้านทานพวกมันไม่ได้แน่! ยิ่งต่อสู้มาก ความรู้สึกหนักอึ้งในใจก็ทวีขึ้น อีกอย่างจนถึงบัดนี้เขายังมองไม่เห็นจุดอ่อนร้ายแรงของอสูรปรสิตหกปีกพวกนี้เลยน่ะสิ!!

ความรู้สึกขัดใจอย่างรุนแรงเอ่อท่วมท้น ส่งแรงกระตุ้นร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมอยู่ภายในกาย พลอยให้ใบหน้าคมคายกลายเป็นบิดเบี้ยวดุร้ายไปด้วย

‘ข้าจะต้องได้ครอบครองฝ่ามือมหาดาราให้ได้ ข้างนอกโน่นมีพวกสารเลวตระกูลซูอีกหกคนคอยขัดขวาง ข้าไม่อยากซ่อนตัวทนรับความคับแค้นใจแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว!’

‘ฆ่ามัน!’

‘ไม่มีใครมาขวางทางข้าได้ทั้งนั้น!’

‘ฆ่ามัน!’

‘ข้าต้องการความแข็งแกร่ง! ข้าต้องสู้ให้ถึงที่สุด! ข้าต้องการทำให้สำเร็จ!’

ทั่วทั้งฟ้าดินสีเหลืองหม่น ฝูงอสูรปรสิตหกปีกล้มตายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยิ่งโผล่ขึ้นมามากขึ้น พลังของมันยิ่งน่าเกรงขามมากขึ้น คลื่นพลังของมันยิ่งดุร้ายและแข็งแกร่งมากขึ้นดุจเดียวกัน

ในบริเวณปรากฏฝูงอสูรปรสิตหกปีกจำนวนมากโผล่ขึ้นมา โดยรอบรับช่วงรุมเฉินซีแทนพรรคพวกที่ล้มตายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

บัดนี้ ชายหนุ่มไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว การดิ้นรนต่อสู้อย่างแข็งขันของเขาเริ่มแผ่วลงทุกที ทว่าในความรู้สึกยังคงมุ่งมั่นชนิดบ้าเลือด!

ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!

ถ้าให้เขายอมแพ้ในตอนนี้ เท่ากับขอให้เขาละเลิกจากความพยายามและความมุ่งมาดปรารถนาอย่างไม่ต้องสงสัย

ในภาวะที่ขาดความกระตือรือร้นเช่นนี้ เฉินซีสัมผัสได้ถึงโลหิตทุกหยาดหยด เนื้อหนังและเส้นเอ็นทั่วร่าง เสียงเพรียกหาจากทุกรูขุมขน พลังความโหยหาจากเบื้องลึกของจิตวิญญาณ

เปรี้ยง!

เฉินซีรู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังหลุดออกจากร่าง ก่อนจะล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและเมื่อมองลงมา ฝูงอสูรปรสิตหกปีกที่ไม่อาจนับได้ผุดออกมาบนพื้นดินราวกับกระแสน้ำหลาก

ขณะที่หมอกควันสีเหลืองหม่นไหลเนืองนองแผ่ขยายไปทั่วบนผืนดินกว้างใหญ่ กลุ่มควันม้วนตัวขึ้นสู่เบื้องบน ทั้งยังเปล่งคลื่นพลังบริสุทธิ์และหนาแน่นออกมา

ชายหนุ่มยืดแขนออกไปใช้ฝ่ามือกอบเอาไว้ หมอกสีเหลืองคล้ำเหมือนถูกกระตุ้นให้ตื่น มันเหมือนฝูงฉลามที่สัมผัสกลิ่นคาวโลหิตจึงปรี่เข้าทุกสารทิศ

เส้นกลั่นเป็นเกลียว เกลียวกลั่นเป็นกระแส…

ฟิ้ววว! ฟิ้ววว!

ทันใดนั้นเฉินซีก็ตื่นจากภวังค์ความคิด เขาพบว่าพลังปฐพีที่ห้าแห่งฟ้าดินอันบริสุทธิ์ไหลหลั่งเข้าสู่ร่างกายของตนอย่างหนักหน่วง ประหนึ่งสิ่งหล่อเลี้ยงกายา

ปราณจ้าววิญญาณที่แห้งเหือดไปในตอนแรกค่อย ๆ พุ่งขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็เพิ่มอย่างต่อเนื่องราวกับต้นไม้ที่เฉาตายกลับมาผลิดอกออกผลและฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]