บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1255

บทที่ 1255 ข่าวจากสหายเก่า

บทที่ 1255 ข่าวจากสหายเก่า

ในฐานะราชันเซียนครึ่งขั้น มีไม่กี่สิ่งในโลกที่สามารถทำให้หัวใจของหวังต้าวหลูและโจวจื่อหลีสั่นคลอนได้

ทว่าทั้งสองกลับเผยสีหน้าตกตะลึง ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น ว่าเฉินซีได้สร้างผลงานอะไรไว้ในสมรภูมิฝันร้ายครั้งนี้กันแน่?

“พี่โจว ในเมื่อถึงขั้นนี้แล้ว ไยต้องปกปิดไว้อีกเล่า?” ใครบางคนไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้กล่าวได้ เขาเป็นอาจารย์จากสำนักเมฆาหมอกที่ชื่อกู่หลิวอวิ่น แต่คนส่วนใหญ่มักเรียกเขาว่าเฒ่ากู่

“ใช่แล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เจ้าช่วยประกาศได้หรือไม่ เพื่อที่เราจะได้ตัดสินผลลัพธ์ ทุกคนกำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อว่าศิษย์สำนักใดที่จะได้รับสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษอย่างระฆังสายเลือดวิญญาณจากตงจวินโหว”

อาจารย์ท่านอื่นก็กล่าวเช่นกัน

โจวจื่อหลีกับหวังต้าวหลูต่างชำเลืองมองกัน และเป็นโจวจื่อหลีที่กล่าวในตอนท้าย เขาหายใจเข้าลึก ๆ ท่าทางที่สำรวมจู่ ๆ ก็ปรากฏร่องรอยแปลกประหลาดแล้วกล่าวว่า “ทุกคน ข้าแค่กังวลว่าจำนวนนี้จะเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับสำหรับพวกเจ้า”

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถูจมูกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และกล่าวกับตนเองในใจ “หรือจำนวนนี้จะเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับจริง ๆ ?”

แน่นอนชายหนุ่มไม่กล้ากล่าวออกมาดัง ๆ เพื่อพรากความสนุกของโจวจื่อหลี

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พี่โจว เจ้ากล่าวเช่นนี้ก็เท่ากับประเมินเราต่ำเกินไป ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่ผ่านคลื่นลมคลื่นฝนมามากมายแล้ว อีกทั้งเราก็ไม่ได้เจอเหตุสะเทือนขวัญอันใด แล้วเราจะไม่สามารถยอมรับความสำเร็จของพ่อหนุ่มนี้ได้อย่างไร?” เฒ่ากู่หัวเราะเสียงลั่น

อาจารย์คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน

“เร็วเข้า! เร็วเข้า! หยุดทำให้เราว้าวุ่นและรีบประกาศผลได้แล้ว” ตาเฒ่ากู่กล่าวด้วยความใจร้อน

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ โจวจื่อหลีก็ไม่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจอีกต่อไป และกล่าวออกมาเบา ๆ

หลังจากนั้น สีหน้าเฉยเมยของทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็แข็งทื่ออย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นตกใจ แล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่จะอึ้งจนกล่าวไม่ออก

ศิษย์บางคนไม่สามารถระงับความรู้สึกในใจได้อีกต่อไป และร้องอุทานออกมาไม่รู้ตัว “เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

บรรยากาศแปลกประหลาดไปในทันที เหล่าอาจารย์ที่ผ่านคลื่นลมคลื่นฝนมามากมายต่างตกตะลึง ในขณะที่ศิษย์หนุ่มสาวล้วนแตกตื่น และมันกลายเป็นความแตกต่างให้เห็นอย่างชัดเจน

เหตุผลที่มันเป็นเช่นนี้ เพราะจำนวนที่โจวจื่อหลีประกาศนั่นน่าตกใจเกินไป และมันเป็นเพียงแค่คำพูดสองคำ สามพัน!

มันเป็นจำนวนที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ตราบเท่าที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก็ไม่มีใครสามารถสงบสติอารมณ์ได้

เพราะมันเป็นตัวแทนของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพทั้งสามพันคน ไม่ต่างอะไรกับกองทัพขนาดใหญ่ แต่มันกลับถูกบดขยี้ด้วยคนคนเดียวในระยะเวลาเพียงสามเดือน!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง โดยเฉลี่ยแล้ว เฉินซีได้ฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพประมาณสามสิบคนทุก ๆ วันในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา!

แต่ที่สำคัญที่สุด การบ่มเพาะของเฉินซีไม่ใช่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นหรือขอบเขตเซียนปราชญ์ แต่อยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำเท่านั้น นอกจากนี้ สมรภูมิฝันร้ายยังกว้างใหญ่ไพศาลและมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน ทั้งยังเต็มไปด้วยดวงดาว ไม่ต้องกล่าวถึงการฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพสามพันคน แม้แต่การหาสักคนก็ยังเป็นเรื่องยาก!

นี่จึงเป็นความหมายที่อยู่เบื้องหลังจำนวนนี้ และอาจกล่าวได้ว่าน่าสะพรึงกลัว!

“เรื่องจริงหรือ?”

“เป็นไปไม่ได้!”

“มันเป็นเรื่องจริงหรือ?”

หลังจากที่พวกเขาตกตะลึง ความสงสัยมากมายก็เกิดขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ทุกคนในห้องโถงนั่นยากที่จะยอมรับจำนวนสังหารที่น่าประหลาดใจเช่นนี้ได้

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ โจวจื่อหลีและหวังต้าวหลูก็แย้มยิ้มทันที เพราะพวกเขามีความรู้สึกแบบเดียวกันเมื่อเห็นจำนวนนี้

ในเวลาเดียวกัน ความภูมิใจก็ปะทุในอกของพวกเขา เพราะศิษย์ที่น่าอัศจรรย์ที่ปรากฏในสำนักของพวกตนนั้นคู่ควรกับมัน!

เพื่อขจัดข้อสงสัยของทุกคนให้หมดสิ้น โจวจื่อหลีได้มอบตราดาราม่วงของเฉินซีให้กับผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ที่นี่เพื่อพิสูจน์ ในท้ายที่สุด พวกเขาได้ตัดสินผลการทดสอบร่วมกันระหว่างเจ็ดสำนักที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

เฉินซีเป็นผู้ที่ได้อันดับหนึ่งซึ่งสมควรได้รับโดยปริยาย ชายหนุ่มได้สมบัติอมตะระดับวีรบุรุษ ระฆังสายเลือดวิญญาณเป็นรางวัล

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น โจวจื่อหลีพาเฉินซีและคนอื่น ๆ ไปอำลาตงจวินโหว ก่อนจะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ พาเหล่าศิษย์ออกจากสมรภูมิที่พัดโหมด้วยเปลวไฟแห่งสงคราม

สำหรับเฉินซีและศิษย์คนอื่น ๆ นี่หมายความว่าในที่สุด ม่านของการทดสอบของสำนักฝ่ายในได้ถูกรูดลงแล้ว

สิ่งเดียวที่น่าเสียใจสำหรับโจวจื่อหลีและคนอื่น ๆ คือในบรรดาศิษย์ห้าสิบคนที่เข้าร่วมการทดสอบจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าในครั้งนี้ โชคไม่ดีที่มีศิษย์สามคนต้องจบชีวิตอยู่ในสมรภูมิฝันร้าย

นี่เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นสนามรบและเต็มไปด้วยอันตรายอยู่ทุกฝีก้าว ซึ่งเหตุไม่คาดฝันมักเกิดขึ้นอยู่เสมอ ทำให้โจวจื่อหลีและคนอื่น ๆ ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม ความเสียใจเล็ก ๆ นี้ ไม่สามารถหยุดศิษย์คนอื่น ๆ จากการตื่นเต้นและยินดีได้

“จงใช้เวลาทั้งเจ็ดวันนี้ เพื่อพูดคุยกับสหายในเขตฝ่ายนอก เพราะในอนาคต พวกเจ้าจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก” ในท้ายที่สุด โจวจื่อหลีก็แนะนำพวกเขา ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่อ๋าว”

“ขอแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่จี้”

“ฮ่า ฮ่า! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าลูกพี่ลูกน้องจะสามารถผ่านการสอบได้ ไม่เลว ไม่เลว”

ทันทีที่โจวจื่อหลีและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ จากไป สภาพแวดล้อมก็เริ่มคึกคักขึ้นทันที ศิษย์สายนอกมากมายต่างเบียดเสียดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะแสดงความยินดีกับเฉินซีและศิษย์คนอื่น ๆ ที่กำลังจะเข้าสู่เขตฝ่ายใน

โดยปกติแล้ว เฉินซีย่อมได้รับการแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม แต่ที่ทำให้ประหลาดใจ คือเขายังไม่เห็นร่างของเหลียงเริ่น กู่เยวหมิง และคนอื่น ๆ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่เห็นสมาชิกของพันธมิตรดาราแม้แต่คนเดียว

“ไม่จำเป็นต้องมองหา คุณหนูใหญ่ได้นำสมาชิกของพันธมิตรดาราทั้งหมดไปบ่มเพาะในดินแดนเร้นลับภายในภพเซียน นางทำเช่นนี้เพื่อประโยชน์ในการขัดเกลาของพวกเขา”

เซวียนหยวนอวิ่นปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสม และอธิบายทุกอย่างให้เฉินซีฟัง “คุณหนูใหญ่ฝากบอกว่าเจ้าไม่ต้องกังวล เพราะผู้อาวุโสสองสามคนจากตระกูลเซวียนหยวนของข้าก็ไปกับพวกเขาด้วย และมันอยู่ในอาณาเขตของตระกูลเซวียนหยวน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอุบัติเหตุใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น”

เฉินซีเข้าใจทันทีและรู้สึกสบายใจมากขึ้น

“จริงสิ นี่คือยันต์สื่อสาร คุณหนูใหญ่ของข้าได้รับมันเมื่อตอนที่เจ้ามุ่งหน้าไปยังสมรภูมินอกพิภพ และนางขอให้ข้ามอบให้เจ้าเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว”

“ของข้าหรือ?” เฉินซีตกตะลึง จากนั้นก็รับมันมาและมองผ่านมันอย่างระมัดระวัง ก่อนที่นัยน์ตาจะหรี่เล็กลงจนสังเกตแทบไม่เห็น อารมณ์ที่ซับซ้อนพลุ่งพล่านอยู่ในส่วนลึกของดวงตา มันมีทั้งความตื่นเต้น ความประหลาดใจ ความตกใจ ความโกรธ ความสำนึกผิด… อารมณ์ต่าง ๆ ผสมผสานเข้าด้วยกัน ทำให้ชายหนุ่มยืนอึ้งอยู่ ณ จุดนั้น

“เฉินซี เจ้าอยากไปดื่มในเมืองเซียนสัประยุทธ์หรือไม่? ครั้งนี้เจ้าแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยม และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ชื่อของเจ้าจะกระฉ่อนไปทั้งสำนักอย่างแน่นอน ดังนั้นทำไมไม่คว้าโอกาสนี้ เพื่อเล่าให้ข้าฟังว่าเจ้าไปมีประสบการณ์อะไรในสมรภูมินอกพิภพบ้างดีหรือไม่?”

เซวียนหยวนอวิ่นไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงชักชวนเฉินซีด้วยสายตาคาดหวัง

“เกรงว่าจะไม่ได้ ข้าต้องมุ่งหน้าไปยังทวีปเซียนสายหมอกเป็นการด่วน” เฉินซีเก็บแผ่นหยก และสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวช้า ๆ

“ทวีปเซียนสายหมอก?” เซวียนหยวนอวิ่นตกตะลึง และอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้าไปที่นั่นเพื่ออันใดหรือ?”

“ไปพบกับคนคนหนึ่ง” เฉินซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวว่า “เขา…เป็นอาจารย์ของข้าเมื่อครั้งที่อยู่แดนภวังค์ทมิฬ”

“อาจารย์!” เซวียนหยวนอวิ่นตกตะลึง “อาจารย์ของเฉินซี? เขาจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเพียงใดกัน?”

เมื่อเห็นเฉินซีจากไปอย่างเร่งรีบ เซวียนหยวนอวิ่นก็ไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้ และไล่ตามเฉินซีไป “จะไปตอนนี้เลยหรือ? เช่นนั้นข้าก็จะไปกับเจ้าด้วย ข้าเคยไปทวีปเซียนสายหมอกมาก่อน และบางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]