บทที่ 1412 แม่นางโตวเตี่ยน
บทที่ 1412 แม่นางโตวเตี่ยน
โตวเตี่ยนเป็นผู้บ่มเพาะอิสระจากเมืองเมฆาทักษิณของราชวงศ์ฉู่ นางยังอ่อนวัยและมีอายุราว ๆ ยี่สิบแปดปี
ส่วนชื่อจริงของนางไม่ใช่โตวเตี่ยน เป็นเพราะถูกเรียกชื่อนี้มานับครั้งไม่ถ้วน จนนางลืมชื่อเดิมไปแล้ว อีกทั้งยังงดงามและมีนิสัยที่มองโลกในแง่ดี ดังนั้นแม้จะเป็นเพียงผู้บ่มเพาะอิสระ แต่ก็เป็นที่นิยมของผู้คนอย่างมาก
หญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี มักจะโชคดีเสมอ
แต่วันนี้นางกลับโชคร้ายเสียแล้ว นางค้นหาบ่อน้ำร้อนที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นอย่างยากลำบาก เพียงตั้งใจจะแช่น้ำร้อนสบาย ๆ และเมื่อนางถอดเสื้อผ้าเผยให้เห็นถึงเรือนร่างสีขาวหยกแสนเย้ายวน กลับพบว่ามีคนผู้หนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งทำลายทุกสิ่งทันที
สถานที่แห่งนี้นั้นทั้งกันดารและร้างผู้คน ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น? มันทำให้นางตกใจจนตัวสั่น ลืมสิ้นว่าตนไม่ได้สวมเสื้อผ้า คว้ากระบี่แล้วตวัดฟันใส่อย่างดุเดือดทั้งที่เปลือยกาย
ผู้ที่ปรากฏตัวในยามนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกวิตถาร! และมันมาแอบดูข้าอาบน้ำโดยเฉพาะ!
โตวเตี่ยนจึงไม่คิดยั้งมือ หมายฟันคนวิตถารผู้นี้ให้ขาดเป็นสองท่อน
จากนั้นเฉินซีที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกวิตถารก็ลืมตาขึ้น เขาพบกับปราณกระบี่จำนวนหนึ่ง จึงเหยียดนิ้วออกไป แล้วดีดเบา ๆ ตามสัญชาตญาณ
โครม!
กระบี่ระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดแตกสลายกลายเป็นผุยผง และหล่นลงสู่บ่อน้ำพุร้อนที่อยู่เบื้องล่าง
หลังจากเจ็บปวดจากการโจมตีดังกล่าว โตวเตี่ยนรู้สึกคล้ายข้อมือหัก ก่อนที่ร่างจะกระเด็นลงบ่อน้ำพุร้อน และกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ภายในหุบเขาที่กว้างใหญ่และเงียบสงบ มีหมอกสีขาวลอยต่ำเหนือน้ำพุ เรือนร่างขาวนวลราวหิมะและสง่างามของหญิงสาวถูกเปิดเผย เดิมทีภาพนี้งดงามยิ่ง ทั้งยังน่าพึงพอใจ และทำให้จิตใจเบิกบาน
ทว่าบัดนี้ เฉินซีเพียงดีดนิ้ว หุบเขาอันกว้างใหญ่ก็ไม่สงบอีกต่อไป มันเต็มไปด้วยเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด บ่อน้ำพุก็ไม่สงบเหมือนเช่นเคย น้ำสาดกระเซ็น เรือนร่างบอบบางของหญิงสาวกำลังดิ้นรนอยู่ภายใน สภาพของนางไม่สู้ดีนัก
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตะลึงกับเหตุการณ์นี้ เขาจ้องมองไปยังเสื้อผ้าที่กองไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ที่ข้างบ่อน้ำพุร้อน และหันไปมองหญิงสาวที่ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ในที่สุดก็พอคาดเดาเหตุการณ์ตรงหน้าได้
บ้าเอ๊ย!
ทันทีที่ข้ากลับสู่ภพมนุษย์ ก็ดันตกลงไปในบ่อน้ำพุร้อนที่มีหญิงสาวกำลังอาบน้ำอยู่!
ไม่น่าแปลกใจที่หญิงสาวคนนี้จะฟันกระบี่ใส่โดยไม่กล่าวอะไรสักคำ วิธีการลงสู่ภพมนุษย์นี้ ค่อนข้างสะเพร่าไม่น้อย…
เมื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมด เฉินซีก็อดละอายไม่ได้ เขาจึงรีบช่วยนางทันที “เจ้า… เป็นอะไรหรือไม่?”
“อย่าเข้ามา! มิฉะนั้น ต่อให้ข้าต้องตาย แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำร่างกายของข้าแปดเปื้อน!” โตวเตี่ยน โผล่หัวขึ้นจากน้ำด้วยความตื่นตระหนก และร้องเสียงแหลม ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้างดงามยังเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
หลังจากนั้นนางก็อ้าปากค้าง และเป็นเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากข้อมือขวาที่หัก แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่คลายการระวังตัว เพราะ ‘คนวิตถาร’ ตรงหน้านั่นแข็งแกร่งกว่าเห็นได้ชัด ทำให้ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ประกอบกับที่แห่งนี้เป็นผืนป่ากันดารอันกว้างใหญ่รกร้างผู้คน ถ้าคนวิตถารผู้นี้ใช้กำลังเพื่อขืนใจ บางทีร่างกายอันบริสุทธิ์ของนางก็อาจแปดเปื้อนโดยไม่อาจขัดขืน…
ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร โตวเตี่ยนก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น ทั้งยังรู้สึกทำอะไรไม่ถูกและตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อย ๆ
เฉินซีถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ข้าถูกเข้าใจผิดเสียแล้ว!
เฉินซีทอดถอนหายใจ จากนั้นร่างของเขาก็ทะยานวาบไปปปรากฏที่ด้านข้างของบ่อน้ำพุร้อน และรีบหลบออกไปอย่างรวดเร็ว “แม่นาง โปรดสวมเสื้อผ้าก่อน ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้สนใจในตัวเจ้าเลย”
ในที่สุด เฉินซีก็หยุดอยู่ในป่าที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงกับพื้น
เขาจ้องมองที่ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาบนท้องฟ้า และรู้สึกถึงปราณวิญญาณที่หายากอย่างยิ่งในฟ้าดิน และในที่สุด เฉินซีก็ยืนยันว่ามาถึงภพมนุษย์แล้ว
“ข้าคิดว่านี่คือโลกใบเล็กของห้องโถงโบราณ…” เฉินซีครุ่นคิด ตามข้อมูลที่มี บ้านเกิดของเขาอย่างราชวงศ์ซ่งนั่นอยู่ในโลกใบเล็ก ที่เรียกว่าห้องโถงโบราณ
ชายหนุ่มเริ่มสัมผัสถึงปราณในฟ้าดินอย่างระมัดระวัง และสังเกตเห็นว่ามันแตกต่างออกไป ถึงขั้นสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์ที่อยู่เหนือท้องฟ้านั้นยังไม่สมบูรณ์ เหมือนกระจกที่แตกกระจายปกคลุมผืนฟ้า
ในเวลาเดียวกัน ปราณวิญญาณภายในโลกนั่นอ่อนแอและขุ่นมัวอย่างมาก ซึ่งไม่สามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยของปราณเซียนเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่พลังงานแห่งอวกาศภายในโลกก็เปราะบางอย่างยิ่ง ทำให้เฉินซีสงสัยว่าการดีดนิ้วเบา ๆ อาจทำลายฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ได้
แน่นอนว่า ทุกสิ่งในภพมนุษย์นั้นแตกต่างจากภพเซียน เฉินซีก็ทราบดีว่าไม่ใช่ปราณวิญญาณของฟ้าดินที่ขาดแคลน หรือไม่ใช่ว่ากฎแห่งเต๋าสวรรค์นั่นไม่น่าเกรงขาม แต่เป็นเพราะครอบครองความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามาก จึงทำให้รู้สึกเช่นนี้
ณ เวลานี้ เฉินซีสัมผัสได้ว่าการบ่มเพาะที่ขอบเขตเซียนปราชญ์ถูกผนึกไปถึงเก้าส่วน ยิ่งไปกว่านั้น เขาสามารถใช้ได้เพียงพลังของกฎแห่งเต๋าสวรรค์เท่านั้น ไม่สามารถใช้พลังของตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ หรือกฎปราชญ์เต๋าที่ไม่สมบูรณ์ แม้แต่ญาณมหาเทวะอมตะก็ยังถูกจำกัด ทำให้การรับรู้ถูกจำกัดในระยะสองหมื่นห้าพันลี้เท่านั้น
“โอ้ เจ้ามีนามว่าโตวเตี่ยนหรือ?” เฉินซีคลี่ยิ้ม และรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้น่ารักไม่น้อย คราวนี้เขาก็ไม่กล่าวอีก และคว้าข้อมือของนาง ก่อนที่จะใช้ปราณเซียนพิสุทธิ์เพื่อรักษากระดูกที่แตกหัก
ทว่าโตวเตี่ยนกลับยิ่งเข้าใจผิดเข้าไปใหญ่ เมื่อนางไม่ทันระวังตัว และถูกคนวิตถารนี้คว้าข้อมือไว้ นางก็เหวี่ยงมืออีกข้างไปที่ใบหน้าของเฉินซีทันที
พร้อมกับเตะไปที่หว่างขาของเฉินซีเต็มแรง
น่าเสียดายที่การตบและเตะของนางดูเหมือนตกลงไปในบึงที่ไร้ก้นบึ้ง ทำให้แรงที่ส่งไปค่อย ๆ ไร้กำลัง และถูกหยุดก่อนถึงตัวคนราวสิบสองชุ่น
โตวเตี่ยนตกตะลึงอีกครั้ง และในที่สุดก็เข้าใจว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่านางมาก ชั่วขณะหนึ่ง นางทั้งโศกเศร้า และขุ่นเคืองในใจ จากนั้นก็ก็เริ่มร้องคร่ำครวญ “ไอ้สารเลว! ไอ้สารเลว! ข้า…”
เฉินซีรีบปล่อยข้อมือนาง แล้วมองโตวเตี่ยนที่น้ำตาไหลอาบสองแก้ม “เอาละ ข้อมือเจ้าดีขึ้นแล้วหรือไม่?”
“ดีกับผีน่ะสิ!” โตวเตี่ยนร้องไห้พลางก่นด่า แต่เสียงของนางก็หยุดชะงักลงทันที หญิงสาวเบิกตากว้างและมองข้อมือของตนอย่างเหลือเชื่อ มัน… ดีขึ้นจริง ๆ!
น้ำตาหยุดไหลเหมือนสั่งได้ นางจ้องมองเฉินซีด้วยดวงตาบวมตุ่ยและสุกใสด้วยความระแวง “เจ้าบอกว่า…ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือ?”
เฉินซีกล่าวอย่างอับจนหนทาง “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าเคยเห็นคนวิตถารคนใดที่ใจดีพอที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าบ้างหรือ?”
โตวเตี่ยนเม้มริมฝีปากสีชมพูของตน แล้วตะโกนว่า “นั่นอาจไม่เสมอไป พวกวิตถารบางคนอาจมีนิสัยที่ชอบเล่นแมวจับหนูก็ได้”
สาวน้อยคนนี้ระมัดระวังมากจริง ๆ
เฉินซีถอนหายใจ ป่วยการที่จะอธิบาย จึงหันหลังจากไป
แต่โตวเตี่ยนกลับไม่ยอมปล่อยเขาไป นางร้องด้วยเสียงที่ชัดเจน “เฮ้! ตาวิตถาร นี่เจ้าคิดจะจากไปทั้งที่ทำลายสมบัติของข้า?! นั่นเป็นสมบัติล้ำค่าที่ข้าซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตลอดหลายปี แต่เจ้า… เจ้ากลับทำลายมัน”
เมื่อกล่าวจบ นางก็เม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาสีดำสนิทที่แวววาวดั่งอัญมณียังคงมีน้ำตาคลอเบ้า เสียงสั่นเครือด้วยความโศกเศร้า
คำว่า ‘เฮ้’ ทำให้เฉินซีนึกถึงอาซิ่วขึ้นมา จึงหันกลับไปมองหญิงสาว เมื่อเห็นสีหน้าเปื้อนน้ำตาและเศร้าโศกเนื่องจากสูญเสียสมบัติ เขาจึงถอนหายใจออกมา “นั่นเป็นความผิดของข้าเอง ข้าจะชดใช้ให้เจ้าด้วยสมบัติวิเศษที่ดีกว่า ดีหรือไม่?”
ขณะกำลังจะหยิบสมบัติอมตะให้นาง แต่มือก็ต้องหยุดชะงักค้าง เพราะจำได้ว่าตนครอบครองเพียงสมบัติอมตะเท่านั้น ไม่มีสมบัติวิเศษใดที่เหมาะสม พอจะมอบให้กับหญิงสาวคนนี้ได้!
โตวเตี่ยน เดิมทีหวังว่าคนวิตถารผู้นี้จะใจดีพอที่จะชดใช้สมบัติของนาง แต่เมื่อเห็นสิ่งนี้ นางก็โมโหจนแทบจะร้องไห้ ใบหน้าที่อ่อนโยนและน่ารักปกคลุมด้วยความโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม นางสะอึกสะอื้นและกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้เป็นแค่คนวิตถารเท่านั้น แต่ยังเป็นจอมโกหกอีกด้วย! ข้าเกลียดเจ้า! ข้าเกลียดเจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...