บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1613

บทที่ 1613 ดาววิญญาณมลทิน

…………….

บทที่ 1613 ดาววิญญาณมลทิน

ดำดิ่งลงไปในม่านราตรี

เทียบอันดับล่าปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันสว่างไสวพร่างพราว ชื่อที่ปรากฏอยู่บนนั้นระยับพรายดังดวงดาวที่สุกสกาว

เสี่ยวเทียนหลงและลู่เยี่ยนเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน ไม่นานความเศร้าหมองก็ปกคลุมไปทั้งใบหน้าของเขา

การชุมนุมล่าดาราดำเนินมาถึงห้าสิบวันแล้ว และเหลือเวลาอีกเพียงสิบวันเท่านั้นก่อนที่มันจะสิ้นสุดลง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เหลือเวลาสำหรับการชุมนุมล่าดาราเพียงหลักหน่วยวันเท่านั้น

มันเป็นสถานการณ์ที่บีบคั้นอย่างยิ่ง!

และยังเป็นสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงอันน่าสะพรึงกลัว!

ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเทียนหลง อันดับของลู่เยี่ยนได้ทะยานสู่ห้าสิบอันดับแรกเมื่อครึ่งเดือนก่อน และตอนนี้นางกำลังยืนหยัดอยู่ในอันดับที่สี่สิบหกอย่างมั่นคง

เดิมทีนี่เป็นความสำเร็จที่ทำให้คนทั้งสองภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขได้

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะชื่อเดียว ‘เถี่ยอวิ๋นผิง’!

พวกเขาทั้งคู่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าศิษย์ชั้นนอกที่ตนไม่เคยชายตาแลจะสามารถหนีจากการถูกคัดออก และขึ้นสู่อันอับที่สี่สิบเก้าในคราวเดียว!

มันเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อาจยอมรับได้!

“นังเด็กโง่เขลาน่ารังเกียจนั่นสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไร!” ใจของลู่เยี่ยนรู้สึกขัดแย้งขึ้นมาอย่างประหลาด ดวงหน้าที่งดงามของนางฉาบไปด้วยความมืดมน แม้แต่เสียงก็คล้ายเล็ดลอดออกมาจากไรฟันที่ขบแน่น

“ต้องเป็นเพราะไอ้เฉินสวินอะไรนั่นแน่นอน!” สีหน้าของเสี่ยวเทียนหลงเขียวคล้ำ “ข้าไม่คิดเลยว่าไอ้เด็กนั่นจะเป็นยอดฝีมือกับเขาจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ทะนงตัวเช่นนั้น”

ลู่เยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าวิตก “ศิษย์พี่เจ้าคะ เช่นนั้นเดิมพันของท่านกับ…”

เสี่ยวเทียนหลงนึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เขาโบกมือปรามนางเบา ๆ “ศิษย์น้องอย่าได้กังวล อันดับปัจจุบันของเราสูงกว่ายัยบ้าเถี่ยอวิ๋นผิงมาก!”

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น หากในใจก็ค่อนข้างเป็นกังวล อันดับของเถี่ยอวิ๋นผิงพุ่งขึ้นมาเร็วเกินไป หากคนเหล่านั้นสามารถรักษาความเร็วไว้ได้เช่นนี้ อีกไม่นานพวกเขาก็คงจะถูกแซงหน้าไปไกล ถึงตอนนั้น พวกเขาจะต้องเผชิญกับการพ่ายแพ้อย่างยับเยินและกลายเป็นฝ่ายเสียเดิมพันอย่างแน่นอน

คือการที่เขา เสี่ยวเทียนหลง ไม่เพียงต้องคุกเข่าขอโทษเท่านั้น หากยังต้องทำลายการบ่มเพาะของตัวเองด้วย!

เขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?

“ศิษย์พี่เสี่ยว เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ?” ลู่เยี่ยนสับสนเล็กน้อยควรไม่รู้ว่าควรเดินหน้าไปทางไหน กริยาที่เปี่ยมไปด้วยความอดกลั้นและทะนงตัวของนางพังครืนลงแล้วในยามนี้

“ก็ล่าต่อไป! ตอนนี้ข้าติดต่อพี่หญิงกับเสวียนท่าจื่อแล้ว และนางก็กำลังออกล่าอยู่ส่วนลึกของกลุ่มดาวถาวอู้ พวกเราจะออกล่าและไปบรรจบกับพวกเขาในภายหลัง ถึงเวลานั้นหากมีเรื่องที่ไม่คิดฝันเกิดขึ้นจริง พี่หญิงไม่มีทางที่จะนิ่งดูดายอย่างแน่นอน” เสี่ยวเทียนหลงสูดลมหายใจลึกขณะที่กัดฟันพูด

“เช่นนั้นก็ดียิ่ง ศิษย์พี่เสี่ยวช่างเป็นรอบคอบเหลือเกินเจ้าค่ะ” ลู่เยี่ยนพยักหน้าหงึกหงักคล้ายได้พบกับหลักพึ่งพิง

“แต่ว่าข้านั้นไม่รู้เลยว่าเฉินสวินเป็นใคร และมาจากไหนกันแน่?” เสี่ยวเทียนหลงเอ่ยน้ำเสียงชิงชัง

ลู่เยี่ยนชะงัก นางเข้าใจทันทีว่าจิตใจของศิษย์พี่ของตกกำลังสับสนวุ่นวายจากเรื่องนี้

ในขณะเดียวกัน แสงที่เปื้อนมลทินบาง ๆ พยายามดิ้นรนขัดขืน หากในที่สุดมันก็ถูกกลืนดินด้วยโซ่สีเขียวสด ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ฟึ่บ!

ตอนนี้เอง เฉินซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าต้นอ่อนเงาทมิฬภายในร่างกายของเขาสูงขึ้นราวสามชุ่น ลำต้นของมันแข็งแกร่งราวกับหินที่ทำขึ้นจากมหาเต๋า ใบกลายเป็นสีเขียวเข้มอย่างหยกวาววับ พวกมันเปล่งประกายไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พร่ามัวประหนึ่งแสงดาวพร่างไกล

ประกายเหล่านั้นคือพลังศักดิ์สิทธิ์ มันบริสุทธิ์ แน่นหนัก และเต็มไปด้วยความล้ำลึกแห่งเต๋า

เดิมทีต้นอ่อนเงาทมิฬเป็นเพียงต้นอ่อนต้นหนึ่งเท่านั้น

ทว่าบัดนี้ หลังจากที่ความเงียบงันเข้ากลืนกลายมาเป็นเวลานาน ในที่สุดต้นอ่อนนี้ก็แสดงถึงสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง และการเป็นต้นไม้สูงตระหง่าน!

ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากปราณมลทินอเวจี

ในฉับพลันนั้นเอง เฉินซีก็พลันเข้าใจว่าเหตุใดต้นอ่อนเงาทมิฬถึงต้องพึ่งพาปราณมลทินอเวจีเพื่อเป็นอาหารสำหรับการเติบโต

ปราณมลทินอเวจีเป็นพลังที่แปดเปื้อน โหดเหี้ยม และมืดมนภายใต้แก่นแท้สสารแห่งความโกลาหล บางครั้งมันก็ถูกเรียกว่าปราณมลทินแห่งเต๋า

ในทางกลับกัน ต้นอ่อนเงาทมิฬเปรียบเสมือนร่างภาชนะที่กินปราณมลทินเป็นอาหาร ซึ่งทำให้มันสามารถสร้างปราณบริสุทธิ์แห่งเต๋าที่พิสุทธิ์และคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายโบราณ

กระบวนการทั้งหมดนี้ราวการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วภายในต้นอ่อนเงาทมิฬ ตามที่ได้กล่าวไว้ สิ่งต่าง ๆ จะวิวัฒนาการไปในทางตรงกันข้ามหลังจากเดินมายังจุดสุดยอดแล้ว

พูดง่าย ๆ ก็คือเมื่อพืชพันธุ์ในโลกมนุษย์เติบโต พวกมันก็ต้องการแสงแดดและน้ำ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกมันจำเป็นต้องได้รับธาตุอาหาร และแน่นอนว่าปุ๋ยของพวกมันก็เป็นสิ่งที่สกปรกอย่างยิ่ง!

การเปลี่ยนแปลงของต้นอ่อนเงาทมิฬก็เป็นไปตามหลักการเหล่านี้ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือปุ๋ยของมันเช่นปราณมลทินอเวจี ในขณะที่ดอกผลของมันกลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์

“ใกล้เข้ามาแล้ว…” เฉินซีเงยหน้าขึ้นและจ้องมองยังที่ไกล

อันที่จริงแล้ว เฉินซีไม่รู้เลยว่าส่วนที่ลึกที่สุดของกลุ่มดาวถาวอู้ตั้งอยู่ที่ใด ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เขาเดินทางโดยอาศัยการจับสัมผัสปราณมลทินอเวจีเท่านั้น

ซู่หว่านเอ๋อร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ฉับพลันนั้น นางรู้สึกว่ายามใดที่กวนหงอวี่กล่าวถึงดาววิญญาณมลทิน ท่าทางของเขาก็จะดูกระวนกระวายมากขึ้น กลายเป็นคนที่พูดยืดยาวเรื่อยเปื่อยในทันที

“ไปกันเถอะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ยอดให้ใครมาแย่งที่หนึ่งไปอย่างแน่นอน” กวนหงอวี่คล้ายจะรู้ตัวว่าเมื่อครู่ตนสูญเสียความสงบไป เขาหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

“เจ้าค่ะ” ซูหว่านเอ๋อร์พยักหน้า

“ดาววิญญาณมลทิน?” คิ้วของเสี่ยวหลัวหลั่วขมวดปมแน่น “เราจำเป็นต้องทำจริง ๆ หรือ?”

“ก็ถ้าเจ้าอยากจะเป็นที่หนึ่ง” เสวียนท่าจื่อในชุดคลุมฝ่าอีพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์

“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่อย่างไรก็ต้องรอให้กลุ่มของน้องชายข้ามาถึงก่อน การที่เขาเดิมพันกับเจ้าเฉินสวินนั่น ทำให้ข้าอดกังวลไม่ได้…” เสี่ยวหลัวหลั่วลังเลที่จะพูดต่อ

เสวียนท่าจื่อขมวดคิ้ว ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ เราจะรอเพียงสามวันเท่านั้น หากนานกว่านี้ เราต้องเริ่มออกเดินทางต่อ”

เสี่ยวหลัวหลั่วเห็นด้วยกับความคิดนี้

“พี่รอง ท่านอย่าเพิ่งรีบไปที่ดาววิญญาณมลทินเลย ตามคำบอกของอี้คุนกับคนอื่น ๆ ข้ามีความรู้สึกว่าเฉินสวินคือคนที่พวกเรากำลังตามหาอยู่!” บนดาวอีกดวงหนึ่ง อี้เทียนพูดน้ำเสียงตื่นเต้น

“หืม? เช่นนั้นเราจะรอก่อนก็ได้” อี้สวินค่อย ๆ หยิบผ้าออกมาเช็ดใบมีดในมืออย่างทะนุถนอม ดาบที่แคบยาวของเขาสว่างไปด้วยแสงพร่ามัว ไร้ลักษณ์

สมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้มีชื่อว่าดาบอีกาทองคำเทวะ มันสถิตซึ่งสายใยวิญญาณของอีกาทองคำถึงสามตัว อีกทั้งยังเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ระดับหกที่สืบทอดกันมาภายในตระกูลอี้ และเป็นสมบัติชั้นยอดในบรรดาสมบัติศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางที่ทรงพลังอย่างฉกาจ

ในแง่ของความสามารถในการโจมตี แม้แต่สมบัติวิญญาณธรรมชาติบางอย่างก็ไม่อาจจะทัดเทียบกับมันได้

“พี่รอง นี่ท่าน… พูดจริง ๆ หรือ?” อี้เทียนตกตะลึง เขาไม่คิดว่าพี่ชายของตนจะเห็นด้วยอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้

“หากเราไม่จัดการเขา เจ้าก็คงไม่อาจมุ่งจดจ่อกับการชุมนุมล่าดาราได้ใช่หรือไม่?” อี้สวินเหลือบมองน้องชาย ก่อนจะพูดอย่างไม่ยี่หระ

อี้เทียนยิ้มอย่างกระดากอาย “เด็กนั่นมันน่ารังเกียจจริง ๆ นะพี่รอง ท่านคงไม่รู้มาก่อนสินะว่าถ้าหากข้าไม่ใช้สมบัติกู้ชีพที่บรรพชนมอบให้ ตอนนี้ข้าก็คงไม่อาจกลับมาจากแดนโลกาวินาศ!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “และต่อให้เฉินสวินจะไม่ใช่เจ้าเด็กนั่นจริง ๆ แต่การที่เขากล้าจัดการเทวารู้แจ้งวิญญาณของตระกูลอี้ไปถึงสองคนก็นับว่าเป็นการหยามหน้าเราชัด ๆ!”

ดวงตาคู่เรียวยาวของอี้สวินหรี่ลง แสงที่เยือกเย็นราวคมมีดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย “ไม่จำต้องพูดอะไรอีก ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”

เสียงนั้นแฝงเร้นซึ่งจิตสังหารที่ชวนให้สั่นสะท้านไปถึงกระดูก

…………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]