บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 187

บทที่ 187 พลิกสถานการณ์

บทที่ 187 พลิกสถานการณ์

การโจมตีนี้เงียบเชียบ เฉียบขาดและรวดเร็วอย่างไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้ ราวกับภูตผีที่ล่องลอยท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำ​​คืน คอยเก็บเกี่ยววิญญาณของผู้คนก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตั้งตัว

การโจมตีครั้งนี้ไม่สามารถอธิบายได้นอกจากคำว่าน่าทึ่ง อีกทั้งมันยังน่าสยดสยอง ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกหวาดกลัว จนตรอก และสิ้นหวัง!

ในขณะนี้ เมื่อหานกู่เยว่เห็นบาดแผลที่เผยให้เห็นกระดูกสีขาวโพลนบนร่างกายของเฉินซี และมีเลือดหลั่งไหลไม่หยุด มุมปากของเขาก็แสยะยิ้มอย่างเย็นชา

ต่อให้เป็นคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบแล้วจะทำไม?

แล้วถ้าเจ้าเป็นยอดอัจฉริยะล่ะ?

ในท้ายที่สุด ภายใต้เคียวแห่งการสังหารของข้า เจ้าก็ต้องพบกับจุดจบไปพร้อมกับความเกลียดชังอยู่ในใจ!

หานกู่เยว่ได้เคียวสีดำสนิทยาวสิบสองฉื่อ ที่มีใบมีดคมกริบดั่งจันทร์เสี้ยวมาจากสุสานลึกลับ และมันเป็นสมบัติวิเศษที่น่าอัศจรรย์ซึ่งไม่สามารถระบุระดับของมันได้

มันเป็นสีดำสนิทราวกับราตรีที่ไร้ขอบเขต มีลวดลายลึกลับนับไม่ถ้วนที่ละเอียดเหมือนขนวัว ถูกจารึกอย่างหนาแน่นและซับซ้อนบนพื้นผิวของมัน พื้นผิวของใบเคียวรูปจันทร์เสี้ยวเป็นมันเงาและสะอาดหมดจด อีกทั้งยังเป็นสีดำบริสุทธิ์ทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนกับชั้นบรรยากาศอันมืดมิดที่ปกคลุมโลกก่อนที่จักรวาลจะก่อตัวขึ้น ทำให้มันดูลึกล้ำ เต็มเปี่ยม เยือกเย็น และเงียบสงัด

แต่สิ่งสำคัญที่สุด ดูเหมือนว่ามีขุมนรกที่เต็มไปด้วยปราณสังหารอันไร้ขอบเขตถูกกักขังอยู่ภายในเคียวนี้ ซึ่งปราณสังหารนี้ก็โหมกระหน่ำราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และหมุนวนราวกับกระแสคลื่นอันทรงพลัง ถ้าหากเจตจำนงของผู้ที่ได้พบเจออ่อนแอลงเพียงเล็กน้อย จิตวิญญาณของคนผู้นั้นอาจต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ จากปราณสังหารที่หลั่งไหลออกมาจากมัน!

นี่คืออาวุธสังหารที่ไม่มีใครเทียบได้!

โดยอาศัยอาวุธเช่นนี้ หานกู่เยว่จึงทุ่มเทบ่มเพาะเป็นเวลาหลายร้อยปีเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหาร และเป็นเพราะว่าหานกู่เยว่สามารถใช้เขตแดนเต๋าแห่งการสังหารได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้เขาสามารถปกครองเมืองห้วงทะเลทรายมรณะได้

แต่ตอนนี้เขากลับจำเป็นต้องใช้เคียวแห่งการสังหารเพื่อเข่นฆ่าเฉินซี

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่อไปนี้กลับทำให้ดวงตาของหานกู่เยว่ต้องหรี่ลง เพราะเขาเห็นว่า เพียงชั่วพริบตา เฉินซีที่เกือบจะถูกผ่าเป็นสองส่วน และบาดแผลที่น่าสยดสยองบนร่างของเขากลับฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว!

มันเป็นไปได้อย่างไร?

หรือว่าเขาเป็นผู้ขัดเกลากายา?

หลังจากที่ผู้ขัดเกลากายาบรรลุสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิล ก็จะสามารถฟื้นฟูแขนขาที่ขาดได้ ซึ่งในยุคบรรพกาล เทพและเทพอสูรบางตัวจะมีพลังพิเศษที่สามารถเกิดใหม่ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียวหรือใช้ความคิดเพียงเสี้ยวเดียว และพลังชีวิตที่เหลือเชื่อจนถึงขีดสุดของพวกเขาก็สั่นสะเทือนไปทั้งโลก

เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กตรงหน้าเขาไม่ใช่แค่ผู้บ่มเพาะปราณเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ขัดเกลากายาอีกด้วย!

ความตกใจของหานกู่เยว่คงอยู่เพียงครู่เดียว ก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็ว ‘แล้วถ้ามันเป็นผู้ขัดเกลากายาล่ะ? ต่อหน้าพลังที่แท้จริงและภายใต้เคียวแห่งการสังหารของข้า เจ้าก็ยังคงต้องตายอยู่ดี!’

โอม!

มิติภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารสั่นสะเทือนอีกครั้ง ในขณะที่เสียงแปลกประหลาดที่สามารถดึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจดังก้องออกไป หานกู่เยว่ที่ถือเคียวแห่งการสังหารได้พุ่งเข้าใส่เฉินซีอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน เฉินซีก็พุ่งไปข้างหน้าเช่นกัน สายตาของเขาเฉยเมย สงบนิ่ง และไร้ความรู้สึก แต่เจตนาฆ่าในอกของเขากลับลุกโชนราวกับหินหลอมเหลวที่ไหลบ่าไปทั่วร่าง มันได้กระตุ้นทุกอณูขุมขนจนส่งเสียงคำรามลั่น อีกทั้งยังเย็นและเดือดจัดราวกับการผสมผสานของน้ำแข็งและไฟ ในขณะที่จิตของเขาได้เข้าสู่สภาวะการต่อสู้ที่แปลกประหลาด

นี่เป็นสภาวะการต่อสู้รูปแบบหนึ่ง ที่เขาได้มาจากการขัดเกลาผ่านการเข่นฆ่าในรอยแยกแห่งความสิ้นหวังนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อเขาตกอยู่ในสภาวะนี้แล้ว ทุกสิ่งในโลกก็ดูเหมือนจะหายไป มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเข่นฆ่าศัตรูเท่านั้นที่อยู่ในใจของเขา

แต่ในขณะนี้ เฉินซีกลับต้องการใช้การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อผสานกระบวนท่ากระบี่อันยิ่งใหญ่ทั้งแปดของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบให้เกิดกระบวนท่าใหม่!

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร ร่างทั้งสองต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ปราณกระบี่แทงออกไปอย่างรุนแรง ปะทะเข้ากับใบมีดที่ดำสนิทเหมือนหมึก เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองคนได้ฟาดฟันกันไปหลายร้อยกระบวนท่า

ถึงแม้เคล็ดวิชาตัวเบาของเฉินซีจะรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด แต่ภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร ความเร็วของเขากลับถูกหานกู่เยว่สะกดไว้ จึงทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซีกลับถูกเคียวแห่งการสังหารของหานกู่เยว่กดดันอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังถูกโจมตีจากทั้งซ้ายและขวา จนทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ พลังของเคียวแห่งการสังหารยังน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด มันทั้งทรงอานุภาพและคมกริบจนไม่มีผู้ใดเทียบได้ เพียงแค่ปราณสังหารที่พวยพุ่งออกมาจากมัน ก็สามารถทิ้งบาดแผลที่น่าตกตะลึงไว้บนร่างกายของเฉินซีอยู่หลายสิบแห่งจนเลือดไหลรินหยดสู่พื้น

ตู้ม!

บนยอดใบเคียวรูปจันทร์เสี้ยว ปรากฏตัวอักษร ‘ฆ่า’ ขนาดมหึมาฉีกผ่านท้องฟ้า ซึ่งดูเหมือนเจตนาฆ่าที่ถือกำเนิดขึ้นจากสวรรค์และปฐพี อีกทั้งมันก็หลอมรวมพลังแห่งการสังหารจำนวนนับไม่ถ้วน ในขณะที่มันกำลังทำลายล้างเฉินซี!

เจตนาฆ่าเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวจนยากที่จะอธิบาย!

พรวด!!

ก่อนที่ตัวอักษร ‘ฆ่า’ จะเข้ามาใกล้ เฉินซีก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากอย่างกะทันหัน เส้นลมปราณทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนจะถูกกัดกร่อนและฉีกขาดออกจากกันอันเนื่องมาจากเจตนาฆ่า ทำให้พลังชีวิตและปราณแท้ในร่างกายของเขาพังทลายลงแทบจะทันทีและยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ต้องกล่าวถึงการฟื้นฟูร่างกายและการโคจรของปราณแท้ของเขา แม้แต่การหายใจก็ยังต้องลำบากเป็นอย่างมาก

เดิมที เฉินซีคิดว่า ความเข้าใจของเขาในคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบได้ก้าวหน้าไปอย่างมาก และควรจะสามารถต่อสู้กับหานกู่เยว่ได้อย่างไม่ตึงมือ แต่น่าเสียดายที่เขาคิดผิด เพราะคู่ต่อสู้ของเขาเป็นตัวประหลาดที่มีการบ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูง นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวที่หยั่งรู้มหาเต๋าแห่งการสังหาร และมีอาวุธสังหารที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ในบรรดาผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางในโลกนี้ อาจถือว่าหานกู่เยว่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดและเหนือล้ำยิ่งกว่าเศษสวะเช่นหานไป๋อย่างสิ้นเชิง ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ แม้ว่าการบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ของเฉินซีจะไม่ธรรมดา อีกทั้งการบ่มเพาะปราณ และการแปรสภาพร่างกายของเขาก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็ต้องยอมรับว่ายังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับหานกู่เยว่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนได้

‘ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางนั้น… ฆ่าได้ยากจริง ๆ!’ สีหน้าของเฉินซียังคงนิ่งเฉย ยามที่เขาจ้องมองไปที่ตัวอักษร ‘ฆ่า’ ที่น่าสะพรึงกลัวและกำลังกดทับลงมาที่เขา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังด้วยความลำบากใจและอับอายอยู่ภายในใจ “หลิงไป๋ เจ้าไม่คิดจะลงมือบ้างหรือ?”

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

เมื่อเฉินซีเพิ่งกล่าวสิ่งนี้ในใจของเขา แสงสีทองอร่ามสี่ดวงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกมันเป็นแกนทองคำทั้งสี่ลูก และกำลังต้านทานตัวอักษร ‘ฆ่า’ ที่กำลังพุ่งมาจากทั้งสี่ทิศทาง

“หืม? แกนทองคำทั้งสี่หรือ? มันต้องการจะทำอะไร?” เมื่อหานกู่เยว่เห็นว่าเฉินซีกำลังจะตายด้วยน้ำมือของเขา และสมบัติอมตะที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเฉินซีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม มุมปากของหานกู่เยว่ก็แย้มยิ้มเย็นชาซึ่งแฝงด้วยความอำมหิตออกมา อย่างไรก็ตาม เมื่อหานกู่เยว่เห็นแกนทองคำทั้งสี่นี้ รอยยิ้มเย็นชาที่มุมปากของเขากลับแข็งทื่อในทันที พร้อมกับสีหน้าที่กังวลและสงสัย

ฟิ้ว!

หลิงไป๋บินไปหยุดตรงหน้าเฉินซี และแสยะยิ้มไปทางหานกู่เยว่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา พร้อมกับความบ้าคลั่งอันไร้ขอบเขตพวยพุ่งอยู่ในสายตาของเขา “เจ้าหมาแก่ จงตายอย่างสงบซะ การใช้แกนทองคำทั้งสี่นี้เพื่อแลกกับชีวิตของเจ้านับว่าเป็นเกียรติสูงสุดแล้ว!”

เมื่อเขากล่าวมาถึงจุดนี้ หลิงไป๋ก็บีบนิ้วของเขาทันที และกลิ่นอายแห่งนิพพานที่อยู่รอบกายของเขาก็พวยพุ่งออกมา ขณะที่เขายื่นมือออกไปสัมผัสแกนทองคำทั้งสี่และตะโกนเสียงดังว่า “แกนทองคำแห่งต้นกำเนิดที่หยั่งรากในสวรรค์และโลก เพื่อที่จะสยบเสาหลักทั้งสี่ของจักรวาล มหาค่ายกลนิพพาน จงทำลายล้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาล!”

“ระเบิดแกนทองคำ?!” สีหน้าของหานกู่เยว่ซีดลงอย่างน่าสยดสยอง ในขณะที่เขาร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธอย่างสุดขีด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]