บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 333

บทที่ 333 ตามติดเหมือนเงาตามตัว

บทที่ 333 ตามติดเหมือนเงาตามตัว

สถานที่แห่งนี้เป็นลานหินซึ่งตั้งอยู่ลึกสุดภายในป่าทมิฬ หินเหล่านี้มีลักษณะตะปุ่มตะป่ำกว้างขวางมหึมาและรูปร่างแปลกประหลาดกระจายอยู่รอบ ๆ หินบางก้อนสูงถึงหนึ่งพันห้าร้อยจั้ง ทั้งยังมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าหกหมื่นจั้ง และเมื่อมองไกล ๆ จะดูเหมือนทวนพุ่งแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ยืนตัวตรงท้าสายลมและพายุท้าหิมะอย่างภาคภูมิโดยไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

วิ้ว~ วิ้ว~ วิ้ว~

กระแสลมเย็นเยือกทั้งคมกริบราวใบมีดพัดผ่านลานหิน ยามที่มันพัดผ่านก้อนหินรูปร่างประหลาดขนาดใหญ่โตพวกนั้น เสียงลมจะดังหวีดแหลมบาดแก้วหูเหมือนเสียงร่ำไห้ เคล้าไปกับเสียงโหยหวนของภูตผีพยาบาทและยังเหมือนเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาอย่างรุนแรงของเหล่าปีศาจ

สถานที่อันตรายแห่งนี้อยู่หลังแนวป่าทมิฬ ลานศิลาภูตผี!

ที่นี่แตกต่างกับป่าทมิฬเพราะบริเวณลานศิลาภูตผีจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เนื่องจากปราณวิญญาณในบริเวณนั้นได้แห้งเหือดไปแล้ว อีกทั้งสภาพแวดล้อมยังไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่ง จะมีลมพายุประหลาดพัดผ่านที่นั่นตลอดทั้งปี และเมื่อใดที่เสียงนั้นดังเข้าไปในหูจะทำให้คนผู้นั้นเกิดประสาทหลอนจนหลงคิดไปต่าง ๆ นานา หากพลั้งเผลอไปเพียงเล็กน้อยอาจทำให้คนผู้นั้นต้องสูญเสียดวงวิญญาณกลายเป็นซากศพแห้งตายอยู่ตรงนั้นเอง

นอกจากนั้นยิ่งเดินลึกเข้าไปในลานศิลาภูตผีมากเท่าไร พายุดูเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และภาพหลอนที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปด้วย หากเทียบกับการต่อสู้กับอสูรร้ายในป่าทมิฬแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ลานศิลาภูตผีน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่ามาก

เพราะมันเป็นมหันตภัยทางธรรมชาติซึ่งป้องกันได้ยาก

ในเวลานั้นร่างในชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนแอบในมุมที่ลับตาของลานศิลาภูตผีด้วยท่าทางนอบน้อมให้ความเคารพ ทว่าสีหน้าเคร่งเครียดและบิดเบี้ยวเหยเก ที่ผ่านมาพวกเขาปล่อยให้เป้าหมายหลุดรอดไปได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา อีกทั้งสหายของพวกเขาถูกฆ่าตายไปเสียสามคน ผลที่ได้ทำให้เงื้อมเงาแห่งความพยาบาทเข้าเกาะกุมจิตใจอย่างแน่นหนาจนยากที่จะไถ่ถอน

เสื้อผ้าที่สะบัดพลิ้วอยู่บนร่างกายของนางเต็มไปด้วยคราบโลหิต ในขณะเดียวกันเส้นผมดำสนิทก็ไสวไปตามกระแสลม กุหลาบยืนเงียบอยู่บนก้อนหินรูปร่างประหลาด แววตาเย็นชาไร้ความรู้สึกไม่มีร่องรอยของความไหวหวั่นแม้แต่น้อย

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ อากาศรอบข้างมีเพียงเสียงของกระแสลมคมกริบดังหวีดหวิวที่มาพร้อมกับพลังพรากดวงวิญญาณของคนคนหนึ่ง

ครู่หนึ่งกุหลาบเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ทำให้คนสวมชุดดำที่ยืนอยู่รอบข้างไหวตัวขึ้นมาทันใด โดยปราศจากเสียงสั่งการใด ๆ พวกเขาทั้งหมดเตรียมพร้อมเพื่อการต่อสู้ทุกเมื่อ

“กุหลาบ…ข้าเอง!” น้ำเสียงที่อ่อนโยนประดุจสายน้ำไหลรินดังแว่วมาแต่ไกล ทันใดนั้นร่างของชายรูปงามผู้มีรอยยิ้มจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่ใบหน้าด้านซ้าย ปลายคางแหลมเล็ก ผิวขาวจัด ขณะที่มุมปากยกยิ้มก็มาปรากฏกายต่อหน้าทุกคน

ชายหนุ่มรูปงามอยู่ในเครื่องแต่งกายสีขาวสะอาดดั่งปุยหิมะ รอยหยักที่มุมปากทำให้ใบหน้าเหมือนยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจ และท่าทางการแสดงออกก็ดูอ่อนโยนมากเช่นกัน ทันทีที่เขาเข้ามาพลันทำให้อากาศโดยรอบเหมือนจะเย็นลงเล็กน้อย แม้แต่เม็ดทรายบนพื้นดินก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีใสอย่างรวดเร็ว

ข้างหลังเขาก็ตามด้วยคนสวมชุดดำอีกห้าสิบคนเช่นกัน

เมื่อกุหลาบหันไปเห็นคนที่เพิ่งมาถึงอย่างเต็มตา จึงพยักหน้าทักทาย “จิ้งจอกโลหิต เจ้ามาแล้ว”

ช่างน่าตกใจยิ่งนักที่เขาเป็นถึงระดับผู้บัญชาการมือสังหารขอบเขตแกนทองคำหยินหยางแห่งตำหนักตะวันดำ และจิ้งจอกโลหิตเป็นคนในลำดับที่ 68 ของการจัดอันดับแกนทองคำหยินหยาง คนถูกถามกลับกวาดสายตามองผ่านกุหลาบไปยังทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังสตรี เสียงที่เอ่ยถามดูแปลกใจยิ่ง “ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับพวกเจ้าใช่ไหม”

กุหลาบพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “เจ้าพูดถูกแล้ว ทั้งปฏิบัติการปลิดชีพที่เมืองอีกาคลั่ง ทั้งแผนการของเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ออกอุบายปลอมแผนที่เพื่อล่อหลอกหรือแม้แต่ฉีอิ๋นที่พยายามพามันออกไป ทุกอย่างล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมลูกน้องข้ายังต้องตายไปถึงสามคน”

“น่ากลัวอย่างนั้นเชียวหรือ” จิ้งจอกโลหิตถามพลางหรี่ตาลง ด้วยรูปคางเรียวแหลมผิดปกติยิ่งทำให้หน้าตาละม้ายคล้ายจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มากขึ้น

น้ำเสียงอ่อยของกุหลาบที่บอกเล่าให้ฟังอย่างเศร้าสร้อยทว่าเขาก็เข้าใจได้ อีกอย่างเขารู้แก่ใจดีถึงความแกร่งกล้าของกุหลาบ การที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของนางไปได้อย่างปลอดภัย ย่อมเป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของมันได้อย่างชัดเจน

“หัวหน้าประเมินพลังของคนผู้นั้นต่ำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นฝ่ายที่ควบคุมสถานการณ์ซึ่งคนธรรมดาจะตามไม่ทัน ประกอบกับสัญชาตญาณการรับรู้ถึงอันตรายที่จะมาถึงและการออกปะทะอย่างเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ แม้แต่ข้าก็ยังพลิกสถานการณ์ให้กลับคืนมาได้ยาก…” กุหลาบอธิบายด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงคนพูดหนักแน่น ไม่เร็วแต่ก็ไม่ช้าและมีท่าทีสงบมากขึ้นจึงพูดอธิบายลงในรายละเอียดได้อย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน สีหน้าของจิ้งจอกโลหิตกลับจริงจังมากขึ้นทุกขณะ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายวาวโรจน์หลังจากนั้นเขาจึงตัดสินใจทันที “ครั้งนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติภารกิจ หัวหน้าได้วางแผนไว้นานแล้วฉะนั้นภารกิจนี้ต้องสำเร็จเท่านั้นและล้มเหลวจะไม่ได้เป็นอันขาด”

เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็หันไปถามกุหลาบ “เจ้าเก็บรวบรวมกลิ่นอายของมันมาหรือไม่”

ทันใดนั้นกุหลาบเผยฝ่ามือขาวเนียนของนางออกให้เห็นวัตถุที่มีรูปร่างคล้ายหยดน้ำพร้อมกับกล่าวว่า “ปราณแท้ของคนผู้นี้แทบจะไม่ผันผวนเลยด้วยซ้ำตอนที่มันลงมือสังหารคนของข้าทั้งสามคน ข้าสามารถรวบรวมมาได้เพียงเท่านี้”

จิ้งจอกโลหิตมองอย่างพิจารณา “แค่นี้ก็เพียงพอ ข้าจะใช้มันเปิดใช้งานยันต์ติดตามเงา”

กล่าวจบจิ้งจอกโลหิตก็หยิบยันต์ที่ทำจากหยกสีฟ้าออกมา จากนั้นเขาก็หลอมวัตถุที่มีรูปร่างหยดน้ำลงไปในยันต์ ก่อนจะเกิดเป็นแสงสว่างวาบครั้งหนึ่งก่อนที่จะกลับคืนสู่สภาพปกติ

“เอาล่ะ ระบุที่ซ่อนของเป้าหมายมันอย่างคร่าว ๆ แล้ว ข้ารู้สึกว่ามันยังอยู่ที่ป่าทมิฬ…เริ่มภารกิจได้!” จิ้งจอกโลหิตหลับตาลง สีหน้าครุ่นคิดลึกล้ำครู่หนึ่งก่อนที่จะลืมตาขึ้น ขณะสายตามองเลยไปยังที่ที่ไกลแสนไกล

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ภายใต้การนำของผู้บังคับบัญชากุหลาบและจิ้งจอกโลหิต ทุกคนจึงหายตัวไปจากลานศิลาภูตผีอย่างรวดเร็ว

โดยรวมก็คือการฝึกขั้นพื้นฐานของการยิงธนู ทันทีที่สายตาจับเป้าหมายได้ มือต้องพร้อมเล็งไปที่เป้าหมายทันที จากนั้นกายและจิตรวมเป็นหนึ่ง ผู้บ่มเพาะตัดสินใจยิงทันที ดึงคันธนู พาดร่องลูกศร เล็งเป้าหมายและยิงเบ็ดเสร็จทั้งหมดพร้อมกัน อย่างนี้จึงจะสามารถใช้พลังการยิงธนูได้อย่างแท้จริง

แน่ล่ะ นี่เป็นเพียงขั้นพื้นฐาน

เชื่อกันว่าผู้บ่มเพาะยิ่งใหญ่ในยุคโบราณมีความชำนาญในการใช้ธนู ถึงขนาดที่สามารถทะลุทะลวงสู่อวกาศ บดขยี้ดวงดาราและทำลายภูเขานับร้อยด้วยลูกธนูเพียงดอกเดียว และเพียงแค่ความคิดผุดขึ้นมาแวบเดียว เขาก็จะสามารถสังหารศัตรูที่อยู่ไกลกว่าหนึ่งหมื่นลี้ได้ทันที

เวลานี้เฉินซีทำได้แค่เพียงต้องชำนาญในการใช้ธนูเท่านั้น และมีความรู้เรื่องการใช้ธนูเพียงผิวเผิน ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบใจฉีอิ๋นที่ในคลังสมบัติมิติที่เขาทิ้งไว้ มีแผ่นหยกซึ่งบันทึกพลังอิทธิฤทธิ์ของการใช้ธนูที่มีชื่อว่าธนูทลายดาราเอาไว้ด้วย

พลังอิทธิฤทธิ์นี้ได้บันทึกวิชาความรู้เกี่ยวกับการยิงธนูไว้โดยละเอียด อย่างวิธีที่จะทำให้พลังในการยิงแข็งแกร่งเมื่อง้างสายธนู วิธีพาดร่องลูกศรเพื่อให้ได้ความเร็วที่เร็วที่สุดและอื่น ๆ

แน่นอนว่าพลังอิทธิฤทธิ์ของการยิงธนูนี้จะใช้ได้ต้องมีคันธนูและลูกศรซึ่งเป็นสมบัติจ้าววิญญาณอันล้ำค่า ตอนนี้เฉินซีมีเพียงคันธนูทลายดาราเท่านั้น แต่ยังขาดลูกศร และเขาทำได้แค่ใช้ปราณจ้าววิญญาณยิงธนูไร้รูปร่างออกไปเท่านั้น ต่อให้แข็งแกร่งปานใดแต่เทียบไม่ได้กับการใช้ลูกศรจริง

มีบางอย่างที่สมควรแก่การกล่าวถึงก็คือลูกศรที่จะใช้ต้องเป็นสมบัติจ้าววิญญาณเหมือนกัน เนื่องจากลูกศรธรรมดาจะไม่ทานทนต่อพลังภายในคันธนูได้เมื่อเวลาที่ยิงลูกศรออกไป จึงมีเพียงลูกศรอันเป็นสมบัติจ้าววิญญาณเท่านั้นที่สามารถออกพลังในการยิงได้ทั้งหมด

แต่ถึงกระนั้น แค่ความแข็งแกร่งในการใช้ธนูของเฉินซีตอนนี้ ก็สามารถทำลายผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางทั่วไปที่อยู่ห่างในระยะหนึ่งร้อยลี้ ส่วนถ้าฝ่ายตรงข้ามมีพลังน่าเกรงขามกว่าไม่มากนัก อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

เฉินซีลืมตาตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ บัดนี้พลังงานและความมีชีวิตชีวาเต็มจนล้นปรี่ ในขณะที่ร่างกายได้ฟื้นคืนสู่สภาพที่เหมาะสมแล้ว จากนั้นชายหนุ่มก็ฉวยคันธนูทลายดาราขึ้นมาและทำท่าจะเดินออกไป

พลังแปรปรวนของอะไรบางอย่างพลันพัดวูบผ่านมาทางเขาอย่างรวดเร็ว เหมือนมีระลอกคลื่นกระเพื่อมออกมาเบาบาง ทว่ารวดเร็วก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ยันต์ติดตามเงา

ในฐานะที่เขาก็เป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่สามารถวาดยันต์เลิศล้ำขั้นสูงคนหนึ่ง เฉินซีจึงประจักษ์ได้เกือบจะทันทีว่าสิ่งที่ปลดปล่อยพลังซึ่งมีร่องรอยแปรปรวนนี้ออกมาคืออะไร

ชื่อของมันก็บอกแล้วว่าคือยันต์ติดตามเงา ยันต์ชนิดนี้เป็นยันต์เลิศล้ำขั้นสูง มักใช้สำหรับสะกดรอย เพียงแค่กลิ่นอายของศัตรูมันก็สามารถระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ จากนั้นยันต์จะติดตามศัตรูเหมือนเงาตามตัวทีเดียว

หากใครคิดจะหลบเลี่ยงไม่ให้ยันต์แผ่นนี้ตรวจพบ คนเหล่านั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อความแข็งแกร่งของคนคนนั้นบรรลุขอบเขตสถิตกายา มิฉะนั้นแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติก็ไม่อาจหลบพ้น

‘ในที่สุดพวกมันก็มาสินะ’ เมื่อชายหนุ่มสังเกตเห็นร่องรอยความแปรปรวนนั้น ไม่เพียงแต่เฉินซีจะไม่รู้สึกกังวลราวกับว่ากำลังรออยู่นานแล้ว จากนั้นชายหนุ่มก็ยกคันธนูทลายดาราขึ้นสะพายหลัง เวลานี้เขาไม่ได้เดินไปข้างหน้า แต่กลับหมุนตัวกลับก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าทมิฬ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]