บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 483

บทที่ 483 ข้าควรเกิดใหม่เสียที่นี่!

บทที่ 483 ข้าควรเกิดใหม่เสียที่นี่!

ฝูงวิหคอมตะแห่งการจุติที่เกิดจากสายฟ้าลงทัณฑ์โฉบลงมา เฉินซีไม่มีจังหวะได้รู้สึกเจ็บปวดด้วยซ้ำเมื่อทั้งร่างระเบิดออกจนไม่เหลือสิ่งใด มีเพียงแก่นวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ

พลังทำลายล้างอันน่าผวาได้สำแดงให้เห็นว่าสายฟ้าที่มีพลังเกินต้านเป็นอย่างไรได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ให้แม้แต่เวลาจะตอบสนอง และสังหารผู้กล้าท้าทายสวรรค์ทันใด

นี่คือบทลงทัณฑ์จากสวรรค์ เป็นตัวแทนเจตจำนงอันสูงส่งของเต๋าแห่งสวรรค์

ไม่ใช่ว่าทัณฑ์สวรรค์นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วหรือ? เฉินซีตกตะลึง ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่แก่นวิญญาณ ซึ่งไร้รูปร่างและจับต้องไม่ได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าเขาอ่อนแอมากในยามนี้

โชคดีที่วิหคอมตะเหมือนจะไม่ได้สนใจแก่นวิญญาณของเขา จากนั้นพวกมันก็บินกลับไปในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ ให้เฉินซีได้มีเวลาหยุดพักหายใจบ้าง

แต่ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นว่าเมื่อไม่มีรูปร่าง ความแข็งแกร่งของแก่นวิญญาณก็ลดลงอย่างมาก รู้สึกว่าอีกไม่นานตนเองก็คงจะเลือนหายไปจากโลก แม้จะไม่มีการโจมตีจากสายฟ้าลงทัณฑ์ก็ตาม

‘ร่างกายข้าถูกทำลายไปแล้ว นี่นับว่าพ่ายแพ้ต่อทัณฑ์สวรรค์หรือไม่?’ เฉินซีขมวดคิ้วแล้วมองขึ้นไปบนหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ ขณะพึมพำเสียงค่อยกับตัวเอง เพลิงลงทัณฑ์เปลี่ยนรูปร่าง สายฟ้าลงทัณฑ์เปลี่ยนวิญญาณ ‘ตอนนี้ข้ากลั่นกงล้อสังสารวัฏและร่างเซียนจุติขึ้นมาได้แล้ว กระทั่งผ่านการแปรผันระหว่างความเป็นและความตาย แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติได้ หรือจะเป็นแก่นวิญญาณของข้าที่มีปัญหา?’

พริบตานั้น เฉินซีระงับความคิดไร้สาระทั้งหมดและเคลื่อนแก่นวิญญาณพุ่งเข้าใส่หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งเป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก เพราะหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่บนฟากฟ้าเหล่านั้นคือตัวแทนเจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ หากย่างกรายเข้าไป แม้ประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจสิ้นชีวิตเลยก็เป็นได้

ทั้งยังไม่ต้องกล่าวว่าแก่นวิญญาณไม่ใช่ร่างกาย เป็นแก่นจิตวิญญาณอย่างหนึ่งที่หลอมขึ้นมาจากจิตวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น มันจับต้องไม่ได้ ทว่าภายในมีความรู้สึกนึกคิดและเจตจำนงของเจ้าตัวอยู่ หากถูกทำลายแล้วก็จะหายไปตลอดกาล ไม่สามารถเกิดใหม่ได้อีก

แต่เฉินซีก็ไม่สน เพราะอย่างไร พละกำลังของแก่นวิญญาณก็ค่อย ๆ หายไปอยู่แล้ว หากไม่หาวิธีฟื้นคืนพลัง อีกไม่นานก็ต้องหายไปอยู่ดี ลองเสี่ยงดวงหาโอกาสรอดชีวิตในสถานการณ์นี้ยังดีเสียกว่า!

หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่สายฟ้าลั่นกระหน่ำ นำพาพลังทำลายล้างอันไร้ขอบเขตมาด้วย

เพิ่งจะเหินขึ้นมาได้ไม่เท่าไร ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่กรีดผ่านฟ้าโจมตีเข้ามา! สะท้านแก่นวิญญาณจนแตกกระเจิงเล็กน้อย จากนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นแส้ที่หวดลงมาใส่แก่นวิญญาณ เหมือนคมกระบี่มากมายที่เฉือนความคิด

‘การถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันก็ไม่อะไรนักหรอก!’ เฉินซีกัดฟันฝืนทนความเจ็บปวดจากการที่แก่นวิญญาณถูกทำลาย ทุกครั้งที่ขึ้นไปใกล้หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เพียงจั้งหนึ่ง แรงกดดันจะหนาแน่นขึ้นสิบเท่า ความเจ็บปวดยิ่งเสียดแขนแล่นเข้ามาจนเขาแทบสิ้นสติ

เมื่อเขาขึ้นมาถึง ภาพตรงหน้าก็เต็มไปด้วยแสงสว่างจ้า แสงทรงกลมจำนวนมากขยับไปมาและแตกกระจายออกจากกัน ก่อนที่เส้นสายพลังจะเข้าผสานรวมกันทีละเส้นจนเกิดเป็นสายฟ้าอันน่ากลัว

จังหวะนั้นเอง เฉินซีจึงรู้ว่ากลิ่นอายอันน่าเกรงขามนั้นแผ่มาจากภายในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ เป็นพลังอ่อนแอที่อยู่ท่ามกลางพลังทำลายล้างของมัน

ชีวิตใหม่ในการทำลายล้างที่เกิดจากพายุฝนสายฟ้า เหมือนจะเป็นปราณแห่งชีวิต… เมื่อเห็นดังนั้น เขาจึงมีกำลังใจขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ต่อ

พริบตาเดียว เฉินซีก็อยู่ห่างจากหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์หลายร้อยลี้ และได้เห็นภาพที่แท้จริงของพื้นที่ภายในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ รวมถึงสัมผัสถึงอำนาจที่แท้จริงของเต๋าแห่งสวรรค์

แต่เมื่อเท้าสัมผัสลงบนหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ ก็มีพลังงานสายฟ้ารุนแรง ราวกับมันจับต้องได้ขึ้นมาและขวางทางไปต่อของเขาไว้

ทุกครั้งที่ก้าวเข้าไป แก่นวิญญาณก็จะสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนชาหนึบไปหมด พร้อมทั้งเกิดความรู้สึกเจ็บปวดสาหัส จากนั้นก็สูญเสียการมองเห็นทุกอย่างจนถึงขั้นที่แก่นวิญญาณใกล้แหลกสลาย

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

แก่นวิญญาณของเขาเริ่มเกิดเสียงเหมือนใกล้จะแตกสลาย

ตอนนี้เฉินซีรู้สึกราวกับตนเป็นฝุ่นผงที่เล็กที่สุดในใต้หล้าเหมือนถูกบดขยี้เป็นผุยผง

ทุกอย่างในหัวของเขาระเบิดจนกลายเป็นผุยผง

ความรู้สึกนี้ล่ะคือความรู้สึกที่ถูกบดขยี้จนเป็นผุยผง ราวกับเขาได้สูญสิ้นตัวตนไปแล้ว และตกลงสู่ความรู้สึกหงุดหงิด หลงทางโดยไม่รู้ว่าเขาควรอยู่ที่ใดกันแน่

‘บัดซบ! ถ้ายังไม่ตาย จะหลงทางไปได้อย่างไร!?’ ในจุดที่พบอันตรายเช่นนี้ เฉินซีพลันสั่นสะท้าน แล้วตื่นขึ้นจากภวังค์ จากนั้นเขาจึงรีบโคจรจิตสร้างรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีขึ้นมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี

เมื่อสมัยสิบกว่าปีก่อน เขาเคยนึกภาพรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีทั้งวันทั้งคืน ทำให้จิตแข็งแกร่งขึ้นมาก เมื่อตอนนี้พบกับอันตราย เขาก็จึงนึกภาพรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีเป็นเครื่องช่วยชีวิตตามสัญชาตญาณ

ซึ่งการกระทำของเฉินซีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพียงชั่วพริบตาต่อมา จิตใจที่กระจัดกระจายก็เริ่มกลับมารวมกันท่ามกลางเสียงลั่นเปรี๊ยะ และหลอมรวมกันเป็นแก่นวิญญาณอีกครั้ง!

“อ๊าก!” การหลอมแก่นวิญญาณในครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าความเจ็บปวดจากการถูกมดนับพันกัดเป็นอย่างไร ทั่วทั้งร่างเหมือนถูกค้อนทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็มีคนนำเข็มกับด้ายไปเย็บชิ้นส่วนเข้าด้วยกันเหมือนเดิม ทั้งน่าหวาดกลัวและน่าหวาดผวากว่าการถูกดึงกระดูกเลอะเส้นเอ็นออกจากร่างเสียอีก

ในเวลาไม่นาน เขาก็พบว่าแก่นวิญญาณของตนแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้รับการฟื้นฟู!

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร แก่นวิญญาณของเฉินซีก็เหมือนจะจับต้องได้ มันส่องแสงประกายอยู่ภายในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ ในขณะที่ปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา หากไม่มองให้ดีก็คงนึกว่าแก่นวิญญาณนี้คือร่างจริงของเขา

‘เยี่ยมไปเลย! ในที่สุดข้าก็มองเห็นได้ชัดเจนแล้ว!’ ตอนนี้เฉินซีเห็นได้ชัดเจนว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ขอบหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ เจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ที่เขากำลังต่อกรอยู่และเอาชนะมันไปได้เมื่อครู่เพิ่งจะเป็นส่วนที่อยู่ขอบ ๆ เท่านั้น

กลับกันแล้ว เจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ที่อยู่ใจกลางหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์กำลังส่งเสียงครืน ๆ แล้วแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ดูน่ากลัวอย่างมาก ถึงขนาดที่เมื่อเกิดแรงสะเทือนในพายุสายฟ้าที่ใจกลางหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ เส้นสายเจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ก็จะก่อตัวขึ้น ทุกเส้นสายล้วนแข็งแกร่งกว่าแก่นวิญญาณของเฉินซีในตอนนี้เสียอีก

‘นั่นมัน… พลังชีวิตกล้าแกร่งยิ่งนัก!’ เฉินซีพลันสังเกตเห็นว่าที่ใจกลางหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ยังมีบ่อแห่งหนึ่งอยู่ ภายในมีหมอกลอยอยู่เต็ม มันกำลังปลดปล่อยพลังชีวิตออกมา

สายฟ้าเป็นตัวแทนของความรุนแรงและการทำลายล้าง แต่กลับให้กำเนิดพลังชีวิตขึ้นมาได้ ก็เหมือนอย่างที่เขากล่าวไว้ ทุกสิ่งในใต้หล้าตื่นขึ้นมาเมื่อสายฟ้ายามวสันต์ฟาดลงมา แต่เส้นสายพลังชีวิตนี้เกิดขึ้นในสายฟ้า และเมื่อมันต้องสายฟ้าก็จะดึงพลังทำลายล้างออกมา ดังนั้นคนบนโลกจึงรู้จักสายฟ้าว่าเป็นตัวแทนแห่งการฆ่าสังหาร แต่กลับไม่รู้เลยว่าภายในนั้นมีพลังชีวิตอยู่

มันเป็นพลังที่ผสมผสานระหว่างการทำลายล้างกับการให้ชีวิตใหม่เข้าด้วยกัน นั่นก็คือความลึกล้ำของกฎแห่งเต๋าสวรรค์ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แต่ก็พอทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมของมันได้

อึดใจถัดมา เขาก็พุ่งเข้าไปยังใจกลางของหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์อย่างไร้ลังเล ค่อย ๆ เข้าไปทีละก้าวพร้อมกับถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บหนัก แก่นวิญญาณของเขาแตกสลายและฟื้นคืนใหม่หลายครั้งเป็นวัฏจักรนิรันดร์ ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานนี้มีแต่เขาเท่านั้นที่เข้าใจ

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ความแน่วแน่ที่จะมุ่งหน้าเข้าไปของเขาก็ไม่เคยสั่นคลอน เพราะชายหนุ่มมีความรู้สึกว่าหากสามารถเข้าไปในบ่อที่มีพลังชีวิตหนาแน่นนั้นได้ ไม่เพียงแต่จะเอาชนะสายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สี่ได้ เขายังจะสามารถใช้พลังชีวิตพวกนั้นเพื่อฟื้นฟูร่างกายของตนได้อีกด้วย!

มันเป็นความทรมานประหนึ่งถูกไฟชำระบาป ทุกอย่างที่ก้าวเข้าไปต้องแลกมาด้วยราคาหนักหน่วง แก่นวิญญาณแตกสลายและฟื้นฟูขึ้นใหม่ ราวกับทุกก้าวคือความเป็นความตาย เหมือนเป็นวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด…

ครืน!

ฟ้าแลบผ่านสร้างเสียงครืน ส่งผลให้บ่อพลังที่เกิดจากเมฆหมอกสว่างวาบขึ้นมา ลำแสงสีแดงเลือดที่มีอยู่หนาแน่นผสานเข้ากับเส้นสายพลังชีวิต นี่คือใจกลางของหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ เป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติ

เฉินซีผ่านพ้นอุปสรรคมานานับประการ ทุกความรู้สึกนึกคิดถูกทรมานจนด้านชาไปหมด อีกทั้งยิ่งเข้าใกล้ เขาก็ยิ่งช้าลง เพราะยิ่งเข้าใกล้บ่อนั่นเท่าไร เจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ก็ยิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่านั้น ยิ่งเป็นอันตรายต่อแก่นวิญญาณมากขึ้น

ในตอนนี้ เฉินซีพลันรู้สึกว่าเวลาหนึ่งวันยาวนานเหมือนหนึ่งปี ความเป็นความตายสลับสับเปลี่ยนไปมา ทำให้เหมือนเขาผันผ่านช่วงระยะเวลาหลายปี

ในที่สุดเฉินซีก็เดินเข้าไปใกล้บ่อนั่น พลังชีวิตที่หนาแน่นภายในบ่อ แท้จริงแล้วคือลูกพลังสีแดงที่เหมือนกับเปลวเพลิงลูกหนึ่ง

‘วิหคอมตะเกิดใหม่ขึ้นจากเปลวเพลิง และข้า เฉินซี… ก็ควรเกิดใหม่ที่นี่!’ เฉินซีพึมพำกับตนเอง ก่อนจะกระโดดลงบ่อนั้นไปอย่างไร้ความลังเล!!!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]