บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 490

บทที่ 490 ไล่สังหาร

บทที่ 490 ไล่สังหาร

แฮ่ก! แฮ่ก!

เสียงหน้าอกของเขาที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วนั้นเหมือนกับเครื่องสูบลมที่ถูกใช้เต็มกำลัง อากาศเจาะเข้าไปในลำคอเหมือนใบมีด ทำให้รู้สึกถึงแผลแสบร้อนที่หน้าอกและท้อง

จ้าวชิงเหอฝืนทนต่อความเจ็บปวดสาหัสพร้อมกับหนีอย่างบ้าคลั่งเพื่อเอาชีวิตรอด

ภายใต้แสงแดดที่แผดเผา ใบหน้าที่เย็นชาและแน่วแน่ของเขาซีดจนดูโปร่งแสง ดวงตาเจิมโลหิตสีแดงเข้มเป็นริ้ว ๆ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสด แผลเหวอะไปถึงกระดูก มันกว้างเหมือนกับปากทารกที่มีเลือดไหลรินออกมาจนโชกไปทั้งตัว

เขาในขณะนี้เหมือนสัตว์ติดกับดักในสภาพใกล้จะตาย มีเพียงร่องรอยแห่งความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดในหัวใจเท่านั้นที่ยังทำให้พยายามหนีอย่างบ้าคลั่ง

‘ข้ากำลังจะตาย?’ สติของจ้าวชิงเหอเริ่มเลือนรางเพราะอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินรับไหว ทว่าเมื่อนึกถึงอันตรายที่เคยเผชิญก่อนหน้านี้ โทสะจึงพลุ่งพล่านไปทั่วร่างราวกับหินหลอมเหลวที่แผดเผา

ก่อนหน้านั้น ข่าวที่ว่าผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจากราชวงศ์ต่าง ๆ กำลังรวมตัวกันเพื่อตั้งใจที่จะเดินทางสู่เกาะสมบัติที่ร่วงหล่น เพื่อกำจัดเฉินซีแพร่กระจายไปทั่วสมรภูมิบรรพกาล

เขาได้ยินข่าวนี้เช่นกัน และไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะรุดฝีเท้าไปยังเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น

เหตุผลที่กระตุ้นให้ทำเช่นนี้นั้นเรียบง่ายมาก เขามาจากราชวงศ์ซ่งเช่นเดียวกับเฉินซี ดังนั้น แม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาในอดีตจะธรรมดา ทว่าหลังจากที่มาถึงสมรภูมิบรรพกาล เฉินซีก็กลายเป็นหนึ่งในสหายที่เขาไว้ใจที่สุดเมื่อเทียบกับผู้เยี่ยมยุทธ์ของราชวงศ์อื่น

เมื่อสหายตกที่นั่งลำบาก จะยืนเฉยอยู่ได้อย่างไร?

แม้ว่าจ้าวชิงเหอจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าตนด้อยกว่าเฉินซีอยู่เสมอ ทว่าเขาทราบดียิ่งว่าหากต้องเลือกกองกำลังที่สามารถไว้วางใจได้มากที่สุดในสมรภูมิบรรพกาลที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีกัน แน่นอนว่าต้องเป็นผู้บ่มเพาะที่มาจากราชวงศ์ซ่งเช่นเดียวกับเขา และหากต้องเลือกสหายที่ไว้ใจได้มากที่สุด ก็คงจะเป็นเฉินซี

ดังนั้นเมื่อเขาพบว่าชายหนุ่มกำลังมีปัญหาจึงรีบไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

แม้จะทราบว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายที่ปิดล้อมเฉินซีอยู่ เขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะไป ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ว่าเก่งกาจ แต่เพียงเพราะเห็นว่าเฉินซีเป็นสหาย

ระหว่างทาง เขาบังเอิญพบกับลู่เซียว ศิษย์แห่งนิกายพฤกษาเทวะที่กำลังเก็บตัว ที่เข้ามาแทนซูเฉินและโชคดีที่ได้เข้ามาสู่สมรภูมิบรรพกาล

จ้าวชิงเหอไม่เคยรู้จักลู่เซียวมาก่อนในอดีต และไม่เคยได้สนทนากัน ทว่าเขาเดาได้ว่าลู่เซียวกำลังรีบไปยังทะเลบรรพกาล ดังนั้นเป้าหมายของลู่เซียวจึงไม่ต่างจากเขานัก เพราะอีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อช่วยเหลือเฉินซี

การค้นพบครั้งนี้ทำให้จ้าวชิงเหอรู้สึกยินดี อาจเป็นเพราะขณะที่อยู่ในราชวงศ์ซ่ง ทุกคนต้องแข่งขันกันเอง ต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อในพละกำลังของกันและกัน ทว่าหลังจากที่ทุกคนออกจากราชวงศ์ซ่งและเผชิญกับความเป็นปรปักษ์ของราชวงศ์อื่น พวกเขาจึงเห็นว่าความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างกันนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ จึงได้กลายเป็นมิตรสหายต่อกัน

ดังนั้นเขาจึงริเริ่มที่จะร่วมทางกับลู่เซียวและรีบไปที่ทะเลบรรพกาลด้วยกัน

ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้าง ก่อนที่พวกเขาจะใกล้ถึงทะเลบรรพกาล ก็ต้องพบกับการซุ่มโจมตี ลู่เซียวล้มตาย และไม่ใช่ด้วยน้ำมือของศัตรู ทว่าด้วยน้ำมือของฝ่ายตนเอง…

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จ้าวชิงเหอก็รู้สึกสลดใจ ความรู้สึกโทษตัวเองกระจายอยู่ทั่วร่าง เขากัดฟันจนเกิดเสียงแตกหัก ดวงตาแทบจะถลนออกมา และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการหันกลับมาจัดการกับไอ้สารเลวนั้นจนตาย

‘ข้าได้แต่โทษตัวเองที่ประมาทเกินไปและไม่รับรู้ถึงสันดานเลวทรามของไอ้หมอนั่น…’ จ้าวชิงเหออดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากก่อนหน้านี้

ครั้งหนึ่งจักรพรรดิซ่งเคยมอบตราหยกให้พวกเขาแต่ละคน ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงสหายภายในพื้นที่แสนลี้โดยอาศัยตราหยกนี้ มันถูกมอบให้กับพวกเขาเพื่อให้พวกเขาดูแลกันและกัน และเพื่อร่วมมือกันจัดการกับศัตรูจากราชวงศ์อื่น

ทว่าเพราะตราหยกนี้เองที่ทำให้จ้าวชิงเหอและลู่เซียวเผชิญกับการซุ่มโจมตีที่ถูกเตรียมการมาอย่างดี

เป็นกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต้าเฉียนที่ซุ่มโจมตีพวกเขา ผู้นำคือองค์รัชทายาทหงจัว สาเหตุที่หงจัวและพรรคพวกซุ่มโจมตีอีกฝ่ายได้ก็เพราะมีตราหยกที่เป็นของราชวงศ์ซ่ง

ตราหยกนี้เป็นของหวงฝู่ฉางเทียน ในตอนแรกจ้าวชิงเหอและลู่เซียวคิดว่าหวงฝู่ฉางเทียนเปิดใช้งานตราหยกเพื่อตั้งใจที่จะเรียกเพื่อมาช่วยเฉินซีด้วยกัน ทว่าไม่เคยคาดคิดว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับการซุ่มโจมตีในตอนท้ายแทน!

นี่เป็นเหมือนการถูกตบหัวสำหรับจ้าวชิงเหอ ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หวงฝู่ฉางเทียนเข้าร่วมกองกำลังศัตรูเพื่อช่วยเหลือราชวงศ์ต้าเฉียนและต่อต้านพวกเขาจริง ๆ ใครจะเชื่อเรื่องแบบนี้กัน?

“แสดงว่าองค์รัชทายาทวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป” คนที่พูดก่อนหน้านี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ฟังก่อนยิ้มกล่าว “องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ คอยดูว่าข้าจะหยุดคนผู้นั้นได้อย่างไร”

ขณะกล่าว เขาก็พลิกมือขึ้น เชือกหยกที่มีความยาวสามฉื่อปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เชือกนั้นหนาเท่านิ้วหัวแม่มือ ปกคลุมด้วยอักขระยันต์ที่พลิ้วไหว เหมือนกับงูเขียวเล็กแสนว่องไว

“เชือกหวายหยก!” คนที่จำสมบัติวิเศษนี้ได้พลางร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

นี่คือสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ขั้นสุดยอดที่กลั่นจากหวายสีเขียวซึ่งเติบโตในแหล่งน้ำที่นิ่งสงบมาเป็นเวลาหมื่นปี แม้ว่าพละกำลังเชิงรุกจะดูธรรมดา ทว่าความเร็วนั้นมากราวกับดาวตก สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือตราบเท่าที่หวายหยกนี้สัมผัสกับร่างกายของผู้บ่มเพาะ เส้นใยสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนคล้ายหนวดสัตว์จะงอกออกมารัดศัตรูอย่างแน่นหนาโดยฉับพลันเหมือนตาข่ายขนาดใหญ่

เว้นแต่ว่าการบ่มเพาะหรืออาวุธของผู้นั้นจะเหนือกว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัดเชือกหวายออก เป็นสมบัติวิเศษเพื่อสกัดกั้นศัตรูที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

หงจัวกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะมั่นใจว่าจะหยุดมันได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะเจ้ามีสมบัติเยี่ยงนี้สินะ”

เขายิ้มบางก่อนที่จะยื่นมือออกและสะบัดมันทำให้เชือกหวายเปลี่ยนเป็นแสงที่สาดส่องเหนือศีรษะของจ้าวชิงเหอในชั่วพริบตา จากนั้นเชือกสีเขียวจำนวนมากก็เปลี่ยนเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ปกคลุมจ้าวชิงเหอจากด้านบน

ใบหน้าชะง่อนของหงจัวเผยให้เห็นยิ้มอำมหิตเมื่อเห็นฉากนี้ ในสายตาของเขาจ้าวชิงเหอกลายเป็นปลาในอวนไปแล้ว จะต่อสู้ต่อไปก็ไร้ประโยชน์

แน่นอนว่าในทันทีที่เชือกหวายสีเขียวนี้หล่นลงมา มันก็มัดจ้าวชิงเหอโดยตรง หากเป็นสถานการณ์ปกติ ชายหนุ่มคงจะหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย แต่โชคร้ายที่เขาเหนื่อยล้า ซ้ำยังบาดเจ็บสาหัสทำให้เขาไม่สามารถหนีไปได้

แกรก! แกรก!

ผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต้าเฉียนก้าวไปข้างหน้า ทำการหักแขนและขาของจ้าวชิงเหอโดยตรงก่อนจะส่งตัวไปให้หงจัว เพราะทราบดีรู้ว่าองค์รัชทายาทเสพติดการทรมานผู้ที่กำลังจะตายอย่างมาก

“ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะหนีจากหายนะไม่ได้จริง ๆ ข้าสงสัยว่าสหายเฉินซีจะแก้แค้นแทนข้าหรือไม่หากรู้เข้า…” ในขณะที่เขามองไปยังหงจัวที่กำลังหัวเราะด้วยน้ำเสียงดุร้ายพร้อมฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามา สีหน้าของจ้าวชิงเหอนั้นสุขุมเยือกเย็น ความเจ็บปวดภายในร่างกายของเขานั้นเทียบกับความหดหู่ในใจไม่ได้เลย เขารู้สึกไร้อำนาจ ร่องรอยของการดูหมิ่นตนเองพลันปรากฏให้เห็นที่มุมปาก “ท้ายที่สุดข้าก็ไม่อาจส่งข่าวออกไปได้ ข้ามันอ่อนแอเกินไป”

“จริง ๆ แล้วเจ้าไม่ควรตายแบบนี้ แต่ใครขอให้เจ้าไปเป็นคนของราชวงศ์ซ่ง? ใครขอให้เจ้าเป็นสหายกับเฉินซี? เรื่องทั้งหมดนี้จะโทษใครได้อีก?” หงจัวเหยียดหยามจ้าวชิงเหอพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความอดสู ทว่าเขาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเหยียบหน้าของจ้าวชิงเหอและขยี้อย่างรุนแรง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]