บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 502

บทที่ 502 เต็มไปด้วยหลุมพราง

บทที่ 502 เต็มไปด้วยหลุมพราง

ฟิ้ว!

เฉินซีพุ่งไปอย่างรวดเร็วตามทิศทางที่อวี๋เซวียนเฉินจากไป จิตสัมผัสเทพของเขาแผ่ออกไปเหมือนตาข่ายเพื่อตรวจหาทุกซอกทุกมุมอย่างระมัดระวัง

การปรากฏตัวขึ้นที่ศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงครามอย่างฉับพลันของอวี๋เซวียนเฉินก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องแปลกยิ่งนัก ชายหนุ่มกังวลว่าคนผู้นี้กำลังตกหลุมพรางของหวงฝู่ฉางเทียนเช่นกัน และอาจพบจุดจบแบบเดียวกับลู่เซียว

เพราะเขายืนยันได้แล้วว่าหวงฝู่ฉางเทียนอยู่ในเมืองบรรพกาล และตามที่จ้าวชิงเหอกล่าว คนคนนี้อาจรวมกลุ่มกับผู้เยี่ยมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียน และกำลังรอซุ่มสังหารสหายของเขา

บางครั้งเฉินซีก็แทบจะไม่อยากเชื่อว่าหวงฝู่ฉางเทียนจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นการทรยศสหายได้ เพราะนี่ถือเป็นเรื่องไร้ยางอายและเลวทรามที่สุด!

“หืม? ข้ามาถึงพื้นที่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบรรพกาลแล้ว ตามคำกล่าวของหลิงเจ๋อ พื้นที่แห่งนี้ถูกผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต้าเสวียน ต้าจิ้น ต้าฉินและต้าเฉียนครอบครองเอาไว้แล้ว…” เฉินซีกวาดสายตาออกไปไกล หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่อาจห้ามได้

เพราะอย่างไรแล้วหวงฝู่ฉางเทียนก็กำลังร่วมมือกับกองกำลังของราชวงศ์ต้าเสวียน หากอวี๋เซวียนเฉินเข้ามาภายในพื้นที่นี้จริง สถานการณ์ของอีกฝ่ายในตอนนี้จะต้องเป็นที่น่ากังวลมากทีเดียว

“ช่างมัน ต่อให้เป็นถ้ำมังกร วันนี้ข้าก็จะบุกเข้าไป” เฉินซีสูดหายใจเข้า ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้พร้อมกับพุ่งทะยานไปข้างหน้าดั่งลำแสง

ผ่านไปหนึ่งเค่อ เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหว เขาเหลือบมองไปยังสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้า

สิ่งก่อสร้างนี้มีขนาดใหญ่โตและงดงาม มันครอบคลุมพื้นที่มหาศาลราวกับพระราชวังพร้อมส่งกลิ่นอายโบราณออกมา ยิ่งกว่านั้น จิตสัมผัสเทพของเขายังจับกลิ่นอายของอวี๋เซวียนเฉินที่ลานเล็กบริเวณหน้าพระราชวังได้

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับเฉินซีคือไม่ใช่แค่อวี๋เซวียนเฉินที่อยู่ที่ลานหน้าวังเท่านั้น แต่ฟ่านอวิ๋นหลานก็อยู่ที่นั่นด้วย!

“หรือว่าทั้งสองคนกำลังถูกหวงฝู่ฉางเทียนหลอก?” เฉินซีหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาไม่ได้เตือนทั้งสองคนนั้น แต่กลับใช้ปีกนภาดารกะอย่างเต็มกำลังแทน ทำให้ดูเหมือนเงาโปร่งแสงที่ตรงไปยังสิ่งก่อสร้างได้โดยไม่ให้สุ้มให้เสียงแม้แต่น้อย

ภายในลานเล็ก อวี๋เซวียนเฉินหันมองหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน นางมีเสน่ห์และงดงามยิ่ง จนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “แม่นางฟ่าน เหตุใดจึงมาที่นี่? หรือว่าเจ้าจะได้รับสารจากพี่หวงฝู่เช่นกัน?”

ฟ่านอวิ๋นหลานตกตะลึง จากนั้นจึงส่ายศีรษะพลางกล่าว “ไม่ใช่ ข้าได้ยินว่าเฉินซีและคนอื่น ๆ จะมาที่นี่ ข้าจึงรีบมา”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ คิ้วที่สวยงามของนางก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตากระจ่างใสเจือความกระวนกระวายกวาดมองไปรอบ ๆ

เมื่อครู่ที่ผ่านมา นางได้รับสารจากหวงฝู่ฉางเทียนที่ว่าเฉินซีและพวกพ้องกำลังจะมาถึงเมืองบรรพกาล และขอให้นางมารวมตัวกันที่นี่พร้อมกับทุกคน

แม้ว่านางจะไม่ค่อยสนิทกับหวงฝู่ฉางเทียน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็มาจากราชวงศ์ซ่งเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากที่มาถึงเมืองบรรพกาล พวกเขาก็ควรจะดูแลกันและกัน และเมื่อรวมกับการที่นางรอคอยที่จะได้พบกับเฉินซีแล้ว หญิงสาวจึงไม่ได้สงสัยว่าหวงฝู่ฉางเทียนจะมีแรงจูงใจแอบแฝงหรือไม่และตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ทว่าหลังจากมาถึงที่แห่งนี้ตามที่หวงฝู่ฉางเทียนบอก นางไม่เพียงแต่จะไม่เห็นเฉินซีเท่านั้น ทว่าหญิงสาวไม่เห็นแม้แต่ใครสักคน จึงทำให้นางรู้สึกแปลกชอบกล

ทว่าก่อนที่จะเกิดความสงสัยในใจ อวี๋เซวียนเฉินก็มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะในเมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เช่นนั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นกลอุบาย

แน่นอนว่า ‘ใบหน้าที่คุ้นเคย’ นี้มีเพียงแค่ใบหน้าเท่านั้นที่คุ้นเคย เพราะฟ่านอวิ๋นหลานไม่เคยสนทนากับอวี๋เซวียนเฉิน แม้แต่ตอนที่อยู่ในราชวงศ์ซ่งก็ไม่เคย ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาเรื่องพูดคุยกันได้ บรรยากาศจึงดูตึงเครียดเล็กน้อย

“ช่างมัน ข้าจะออกไปดูก่อน แล้วจะกลับมาในภายหลัง” ฟ่านอวิ๋นหลานรู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอย จึงหันหลังกลับด้วยความตั้งใจที่จะจากไป

“แม่นางฟ่าน รอประเดี๋ยว” อวี๋เซวียนเฉินที่อยู่ใกล้เคียงพลันตะโกนออกมา “ข้าคิดว่าเฉินซีและคนอื่น ๆ จะกลับมาในไม่ช้า ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้ จะไม่รู้สึกดายหรือถ้าพลาดโอกาสที่จะได้พบพวกเขา?”

ฟ่านอวิ๋นหลานชะงัก จากนั้นจึงกลับไปที่ที่นางยืนอยู่ก่อนหน้านี้อย่างเงียบงัน “ถูกของเจ้า ถ้าข้าพลาดโอกาสที่จะพบกับเฉินซีเล่า? ข้ามาถึงสมรภูมิบรรพกาลนานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เจอกันเลย ฉะนั้นข้าจะไม่พลาดโอกาสนี้ ตราบใดที่ได้พบกัน รออีกสามวันสามวันคืนจะเป็นอะไรไป?”

ในขณะนี้ เสียงฝีเท้าวิ่งกรูเข้ามาได้ดังขึ้นอยู่ด้านนอกลานเล็ก

“เหอะ! ถ้ามันฆ่าน้องชายของข้าได้ ข้าก็ฆ่าเจ้าได้เช่นกัน ใครขอให้เจ้ามีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับเฉินซีเช่นนี้กัน?” หวงฝู่ฉางเทียนไม่ได้โกรธเคืองแม้แต่น้อย ทั้งยังกล่าวอย่างไม่ใส่อารมณ์อีกว่า “ไม่ต้องพูดถึงเหล่าสหายเต๋าจากราชวงศ์ต่าง ๆ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเฉินซีไม่ต่างจากข้า เพราะไอ้เวรนั่นมันอาละวาดเกินกว่าเหตุ ซ้ำยังปลิดชีพผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ บนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นมานับไม่ถ้วน เขาเป็นมารร้ายฆ่าคน! ในตอนนี้เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ระบายความโกรธใส่คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขาอย่างเจ้า”

“เหลวไหลสิ้นดี ข้าว่าพวกเจ้าไม่กล้าสู้กับเฉินซีตัวต่อตัวมากกว่ากระมัง? จึงต้องมารวมตัวกันเป็นฝูงคนขี้ขลาดไม่ต่างอะไรจากพวกหนูสกปรก!” ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง จิตใจของฟ่านอวิ๋นหลานกลับสงบลง ขณะที่กล่าวนางก็ส่งกระแสปราณไปยังอวี๋เซวียนเฉินที่อยู่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว “พี่อวี๋ รอฟังคำสั่งจากข้า แล้วเราจะบุกตะลุยไปด้วยกัน ต่อให้ต้องตายก็อย่าให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมัน มิฉะนั้น คงจบไม่สวยแน่”

อย่างไรก็ตาม ฟ่านอวิ๋นหลานถึงกับตะลึงงัน เมื่อเห็นอวี๋เซวียนเฉินส่งยิ้มแปลก ๆ หลังจากได้ยินเสียงของนาง จากนั้นเขาก็หันกลับมายืนอยู่ด้านข้างของหวงฝู่ฉางเทียนก่อนส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “แม่นางฟ่าน ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าผิดหวัง ตอนนี้ข้าสบายดี จะยอมเสี่ยงตายกับเจ้าไปเพื่ออันใด?”

“เจ้าทรยศทุกคนและยอมจำนนต่อไอ้สารเลวพวกนี้เหมือนกันรึ?” ไม่ว่าฟ่านอวิ๋นหลานจะใจเย็นแค่ไหน หัวใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะเต้นอย่างรุนแรงและรู้สึกเหลือเชื่อเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่พลิกผันเช่นนี้

นางไม่เคยคิดเคยฝันว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมดนี้เป็นกลอุบายที่คนอื่นวางแผนไว้เพื่อหลอกให้นางเข้าไปติดกับก่อนจะทำการสังหาร!

“หรือว่า… วันนี้ข้าจะต้องตายที่นี่จริง ๆ?” ฟ่านอวิ๋นหลานกวาดสายตาไปยังหวงฝู่ฉางเทียน อวี๋เซวียนเฉิน และผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์อื่น ๆ และทั้งหมดที่นางเห็นคือความเลือดเย็น โหดร้าย สาแก่ใจ และเกลียดชัง

“ไอ้พวกสารเลว?” ลวี่เทียนเจ๋อ ผู้เป็นองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนกล่าวเย้ยหยัน เขาจ้องมองที่ฟ่านอวิ๋นหลานด้วยอารมณ์หม่นหมองพลางกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าสบถต่อไปมันก็ไร้ประโยชน์ ถ้าอยากจะโทษใคร ก็ให้ไปโทษเฉินซีเสีย และไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่ปลิดชีพเจ้าง่าย ๆ ข้าจะถอดแก่นวิญญาณของเจ้าออกมาเพื่อให้มันได้ชื่นชม ปล่อยให้เขาสัมผัสกับความรู้สึกเศร้าโศกอย่างเต็มที่”

“องค์รัชทายาท แม่สาวน้อยคนนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ให้พวกเราสนุกกับนางก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เพราะยังไม่สายเกินไปที่จะดึงแก่นวิญญาณของนางออกมาหลังจากนั้น”

“ใช่ ดูผิวที่เรียบเนียนขาวใสของนางสิ มันช่างดูนิ่มนวลยิ่งนัก ฮิฮิ”

“โอ้ คำแนะนำนี้ก็ไม่เลว!”

คนของลวี่เทียนเจ๋อจ้องมองไปยังฟ่านอวิ๋นหลานโดยไม่เกรงกลัวบาปกรรม สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความใคร่ที่รั้งไม่อยู่ ซ้ำยังส่งเสียงหัวเราะที่ป่าเถื่อนผนวกกับการเย้าแหย่ ไม่ต่างอะไรกับฝูงหมาป่าหิวโหยที่กำลังจ้องมองลูกแกะสีขาวปุกปุย

แม้ว่าฟ่านอวิ๋นหลานจะมาจากนิกายอสูร แต่สุดท้ายแล้วนางก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงโกรธจนตัวสั่นเมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายและลามกอนาจารเช่นนี้ ใบหน้ามากเสน่ห์ของหญิงสาวพลันเปลี่ยนเป็นมีโทสะ นางกัดฟันด้วยความเกลียดชังจนมันแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะพวกมันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว ไอ้พวกนี้ไม่เหมือนกับผู้บ่มเพาะเลย นี่มันราวกับพวกต่ำตมหนอนแมลง!

“ในเมื่อทุกคนสนใจขนาดนั้น อย่างนั้นข้าจะตรึงนางไว้ก่อน ทุกคนจะได้สนุกกับนางตามใจอยากดีหรือไม่? ฮ่า ๆ…” เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของฟ่านอวิ๋นหลาน หวงฝู่ฉางเทียนก็ไม่อาจห้ามให้ตัวเองหัวเราะได้ เขายื่นมือจับฟ่านอวิ๋นหลานทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]