บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 558

บทที่ 558 พวกเจ้าทุกคน ไสหัวออกไปซะ!

บทที่ 558 พวกเจ้าทุกคน ไสหัวออกไปซะ!

คลื่นเสียงเป็นเหมือนกระแสน้ำที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งยอดเขาจรัสตะวันตก ทำให้ทะเลเมฆแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหล่าสัตว์อสูรที่หายากและแปลกประหลาดบนภูเขาต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน พวกมันพากันหลบหนีอย่างตื่นตระหนกไปทุกทิศทุกทาง

ยอดเขาจรัสตะวันตกครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ซึ่งเทียบได้กับแว่นแคว้นเล็ก ๆ ของโลกมนุษย์

ทว่าเสียงของเฉินซีในขณะนี้สามารถกระจายไปทั่วทุกมุมของภูเขาลูกนี้ได้อย่างชัดเจนและไร้ที่ติ กลับเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก

เมื่อตงฉี่ที่ถูกตัดแขนและกำลังร้องโหยหวนได้ยินสิ่งนี้ ร่างกายของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ในขณะที่ใบหน้าของเจ้าตัวก็ซีดเผือด และเขาก็หยุดร้องทันที

“นี่เขาตั้งใจจะขับไล่ทุกคนบนยอดเขาจรัสตะวันตกด้วยตัวเองหรือ!?”

ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า ตนเองได้ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้าแล้ว

ในขณะเดียวกัน คนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ และไม่กล้าที่จะหลบหนีอีกต่อไป พวกเขาต่างร้องคร่ำครวญอย่างขมขื่นอยู่ในใจว่า ‘เหตุใดดาวสังหารเช่นนี้ จึงปรากฏขึ้นใน ยอดเขาจรัสตะวันตกได้?’

เฉินซีเป็นดั่งพยัคฆ์ร้ายที่จู่ ๆ ก็กระโดดออกมาจากฝูงแกะ และไม่สามารถป้องกันได้!

หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะศิษย์น้องคนใหม่ได้แสดงฝีมือด้วยพลังที่ท่วมท้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้

“วิเศษมาก! เสียงที่เปล่งออกมาของศิษย์น้องนั้นราวกับมังกรที่ปรากฏกายขึ้นมาในโลกหล้า และทำให้ทุกสิ่งตกอยู่ในความหวาดกลัว มันเหมือนกับเสียงตีกลองศึกในสนามรบ และเจตนาฆ่าของเขาก็เอ่อล้นออกมา ซึ่งคลื่นเสียงดังกล่าวจะมิอาจปลดปล่อยออกมาได้หากคนผู้นั้นปราศจากเจตจำนงที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า”

ศิษย์พี่รองหลูเซิงปรบมือและกล่าวชมเชย เขามาจากเผ่าวิหคจาบฝน และแสวงหาเต๋าผ่านเสียง ทำให้เขามีความรู้เชิงลึกต่อผลอันน่าอัศจรรย์ของเสียงต่าง ๆ ดังนั้นจึงสามารถแยกแยะเจตนาฆ่าที่แน่วแน่วซึ่งแฝงอยู่ในคำพูดของเฉินซีได้

“ไม่เลว ไม่เลว การมาถึงของศิษย์น้องคนนี้ ถือเป็นโชคของยอดเขาจรัสตะวันตกของเราอย่างแน่นอน เมื่อมีศิษย์น้องอยู่ที่นี่ คงไม่มีผู้ใดกล้าดูหมิ่นศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันตกของเราอีกต่อไป” ศิษย์พี่คนอื่นต่างชื่นชมเช่นกัน

แม้ว่าพวกเขาจะห่างไกลจากความสำเร็จทางโลกและหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญ แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่เขลา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะแยกแยะได้ว่า หลังจากที่เฉินซีได้มาถึงแล้ว ยอดเขาจรัสตะวันตกก็จะพลิกฟื้นจากสภาพที่ทรุดโทรมให้กลับมามีชีวิตชีวาใหม่ได้อย่างแท้จริง

หลังจากที่สิ้นเสียงของเฉินซี จู่ ๆ ก็มีลำแสงจำนวนมากปรากฏขึ้นจากทั่วยอดเขาจรัสตะวันตก ในชั่วพริบตาต่อมา พวกมันก็ก่อตัวเป็นก้อนหนาแน่นที่มีอย่างน้อยกว่าร้อยคน และมันช่างเป็นฉากที่ค่อนข้างงดงามทีเดียว

“ใครกัน? ใครบังอาจมาส่งเสียงดังที่นี่”

“รนหาที่ตาย! เจ้ากล้าดีอย่างไรมารบกวนการบ่มเพาะของพวกข้า!”

“อะไรนะ? เจ้าสั่งให้พวกเราทุกคนออกจากยอดเขาจรัสตะวันตก? ช่างจองหองเสียจริง! ใครกันที่บังอาจเช่นนี้?”

“ไอ้สารเลวเอ๊ย! ข้ากำลังหลอมโอสถชั้นยอดอยู่ แต่กลับถูกทำลายอย่างสมบูรณ์เพราะการถูกรบกวนนี้!”

“มันอยู่นั่น ตรงริมสระชำระกระบี่!”

“พวกเราไปจัดการมันกัน! ข้าล่ะอยากรู้นัก ใครมันกล้าไล่พวกเราออกจากยอดเขาจรัสตะวันตก!” คลื่นเสียงก่นด่าสาปแช่งดังวุ่นวายไปทั่ว และพวกเขาดูจะโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็สังเกตเห็นตำแหน่งของเฉินซี จากนั้นพวกเขาก็พุ่งทะยานไปอย่างดุเดือด

ผู้คนกว่าร้อยคนได้รวมตัวกันเป็นเหมือนเมฆดำทะมึนที่ฉีกผ่านท้องฟ้า ทำให้เกิดแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงริมสระชำระล้างกระบี่ และเห็นตงฉี่ที่แขนขวาขาดกับคนอื่น ๆ ที่บาดเจ็บจนอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง

“ศิษย์พี่ตงฉี่เกิดอะไรขึ้น? ใครมันกล้าตัดแขนท่านภายในอาณาเขตของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มันช่างบังอาจนัก!!” มีคนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าและกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ

ตงฉี่อ้าปากค้าง จากนั้นก็หุบปากแน่นอีกครั้งหนึ่ง และเขารู้สึกขมขื่นใจเป็นอย่างมาก ‘หรือว่าไอ้สารเลวพวกนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีก?!’

ทุกคนรู้สึกวิตกในใจเมื่อเห็นตงฉี่ในสภาพเช่นนี้ สายตาของพวกเขากวาดผ่านหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ก่อนที่จะไปหยุดที่เฉินซีอย่างรวดเร็ว

ในความรู้สึกของพวกเขา หั่วโม่เลย หลูเซิง ชิงอวี่และคนอื่น ๆ ล้วนเป็นกลุ่มขยะที่อ่อนแอที่สุด และไม่ว่าจะกล้าหาญสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าโจมตีและทำร้ายคนอื่น ดังนั้นคำตอบจึงง่ายดายมาก คนที่ทำร้ายตงฉี่ถึงขนาดนั้น ย่อมเป็นชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยอย่างแน่นอน!!

“เจ้าหนู เจ้าเป็นคนที่ส่งเสียงดังก่อนหน้านี้หรือ?” มีใครบางคนเอ่ยถามออกมา

“แล้วอย่างไร? เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ?” เฉินซีกล่าวอย่างเย็นชา

ตอนนี้เขารู้อย่างชัดเจนแล้วว่า คนเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์จากยอดเขาอื่น ๆ โดยคนจากยอดเขาจรัสตะวันออกมีจำนวนมากที่สุด เพราะพวกเขาไม่อาจอยู่ในอาณาเขตของตนเองได้อีกต่อไป ดังนั้นคนพวกนี้จึงมาที่ยอดเขาจรัสตะวันตกเพื่อเป็นเจ้าเหนือทุกสิ่ง เรียกร้องอย่างไม่รู้จักจบสิ้น อีกทั้งยังยึดครองที่พำนัก ทุ่งบ่มเพาะวิญญาณ และวัตถุวิญญาณต่าง ๆ

…พวกมันไม่ต่างจากฝูงตั๊กแตนที่ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า!

แต่หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ มีจิตใจเมตตา จึงต้อนรับคนเหล่านี้ด้วยเจตนาที่ดี แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะไม่คิดที่จะตอบแทนน้ำใจ กลับยังได้คืบจะเอาศอก กลายเป็นคนหยิ่งยโสและเอาแต่ใจมากขึ้น อีกทั้งยังกดดันหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ จนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างบรรยายไม่ได้ และเหยียดหยามพวกเขาเป็นกลุ่มขยะ!

แล้วจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรน่ะหรือ? ในเมื่อคนทำดีกลับไม่ได้ดี แต่คนทำชั่วกลับได้ดี!

นับนี้ตั้งแต่มาถึงที่นี่ เขาก็ไม่สามารถทนให้ไอ้พวกสารเลวเหล่านี้ คอยสร้างปัญหาให้กับยอดเขาจรัสตะวันตกอีกต่อไป

“ไม่ใช่แค่ข้าที่มีปัญหา! ทุกคนล้วนมีปัญหา!” ชายคนหนึ่งกอดอกและกล่าวอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็ตะคอกอย่างเดือดดาลว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?! ถึงกล้าแส่เข้ามายุ่งกับปัญหาของยอดเขาจรัสตะวันตก!”

เพียะ!

ทุกคนได้สติราวกับว่าเพิ่งตื่นจากความฝัน และเมื่อมองไปที่เฉินซีอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาก็มีร่องรอยความหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ

แต่พวกเขารู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะต้องจากไปเช่นนี้ เนื่องจากบนยอดเขาจรัสตะวันออกนั้นไม่มีที่พำนักให้พวกเขาบ่มเพาะได้เลย และมันก็ไม่เหมือนกับยอดเขาจรัสตะวันตกที่เต็มไปด้วยสรวงสวรรค์

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครสามารถยับยั้งพวกเขาบนยอดเขาจรัสตะวันตกได้ พวกเขาสามารถเลือกและรวบรวมสมุนไพรวิญญาณและสมบัติต่าง ๆ ที่อยู่บนภูเขา อีกทั้งยังไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง มันเป็นชีวิตที่อิสระและมีความสุขมาก! ดังนั้นเมื่อถูกสั่งให้ออกไปเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะเต็มใจจากไปได้อย่างไร?

“ศิษย์พี่ใหญ่ เราขอสัญญาว่า เราจะไม่ประพฤติผิดอย่างแน่นอน ดังนั้นโปรดอนุญาตให้พวกเราบ่มเพาะอยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือไม่” มีคนเอ่ยถามพร้อมกับมองไปที่เฉินซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

“ช่างน่าขันยิ่งนัก! พวกเจ้าทุกคนยึดครองยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งวัตถุวิญญาณและสมุนไพรวิญญาณก็ถูกพวกเจ้าแย่งชิงโดยปราศจากการยั้บยั้งชั่งใจไปมากเพียงใด? ข้าอุตส่าห์ปล่อยพวกเจ้าให้จากไปได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าปรานีพอแล้ว แต่พวกเจ้ายังกล้าต่อรองอย่างไร้ยางอายเช่นนี้อีก? หรือว่าพวกเจ้ารู้สึกว่าตัวเองหยิ่งยโสยิ่งกว่าตู้กวนหรือ?” เฉินซีพูดอย่างเย็นชา

สีหน้าของคนผู้นั้นกลายเป็นกังวลและเปลี่ยนไปมาทันที และแม้เจ้าตัวจะรู้สึกขุ่นเคือง หากแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

“ตกลง เราจะไปจากทันที” คนอื่น ๆ ต่างดับความคิดที่จะอยู่ต่อเมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนดุร้ายที่กล้าแม้แต่จะทุบตู้กวนอย่างเฉินซี พวกเขาก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม

“ช้าก่อน! หากใครกล้าเอาของบางอย่างไปจากยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าละก็ เขาคือตัวอย่าง!” เฉินซีชี้ไปที่ตงฉี่ที่อยู่ไกลออกไปขณะที่กล่าว

ตงฉี่ตะลึงงัน เขาจับแขนที่ขาดของตนไว้ในขณะที่อับอายจนไม่คิดจะทำสิ่งใด นอกจากจะเอาซุกลงไปในดิน

‘ไอ้สารเลว! นี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!’ แม้ตงฉี่จะโกรธสุดขีด แต่เขาก็ทำได้เพียงสาปแช่งอีกฝ่ายในใจเท่านั้น

“พวกข้าพอจะกลับไปที่พำนักเพื่อเก็บข้าวของได้หรือไม่?” มีคนรวบรวมความกล้าและถามออกไป มันช่วยไม่ได้ สมบัติที่เขาได้รวบรวมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถูกเก็บไว้ในที่พำนักทั้งหมด และถ้าไม่ได้นำมันไปด้วย การสูญเสียเช่นนั้นก็จะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถฟื้นตัวในไม่กีปีได้อย่างแน่นอน

“ใช่แล้ว พวกเราจะจากไปทันทีหลังจากเก็บข้าวของแล้ว และจะไม่เข้ามาที่ยอดเขาจรัสตะวันตกอีกต่อไป” คนอื่น ๆ ก็ทยอยกล่าวออกมาเช่นกัน และน้ำเสียงของพวกเขาก็เต็มไปด้วยการอ้อนวอน

“ภายในสามลมหายใจ ถ้าพวกเจ้ายังไม่หายไปจากยอดเขาจรัสตะวันตก ก็จงอยู่ที่นี่ตลอดไปซะ ยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าบังเอิญขาดทาสในการขุดแร่พอดี” เฉินซีแสร้งเป็นหูหนวกราวกับไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา และแสดงท่าทีเย็นชาไร้ความปรานีออกมา

ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างมากเมื่อเห็นคนผู้นี้ยังยืนกราน ทำให้พวกเขาไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากอยากร่วมมือกันโจมตีและสับเฉินซีเป็นชิ้น ๆ ทว่าเมื่อนึกถึงฉากที่แผ่นหยกเงาได้ฉายมาก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่กัดฟันและกลืนความขุ่นเคืองใจนี้เข้าไป

“หนึ่งลมหายใจ” เสียงของเฉินซีดังก้องออกไป และมันก็เหมือนกับเสียงระฆังที่กระตุ้นวิญญาณเมื่อมันลอดผ่านหูของพวกเขา ทำให้ทุกคนไม่กล้าอยู่อีกต่อไป พวกเขาหันหลังกลับและทะยานไกลออกไป ซึ่งแต่ละคนก็พยายามเร่งความเร็วเท่าที่จะทำได้

“พวกเจ้าที่ยังรั้งอยู่ อยากเป็นทาสหรือ?” เฉินซีหันกลับไปมองตงฉี่และคนอื่น ๆ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว จากนั้นคนกลุ่มนี้จึงหนีไปอย่างเร่งรีบและกระวนกระวายเช่นเดียวกับฝูงสุนัขจรจัดที่ตื่นตระหนก

หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ต่างตกใจสุดขีดเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ และพวกเขาก็ไม่สามารถหาคำมาอธิบายความรู้สึกของพวกเขาได้

แต่ทั้งหมดที่พวกเขารู้ก็คือ หลังจากที่ยอดเขาจรัสตะวันตกได้รับศิษย์น้องคนใหม่เข้ามาแล้ว มันจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]