บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 562

บทที่ 562 ลานดอกบัวหมื่นยุทธ์

บทที่ 562 ลานดอกบัวหมื่นยุทธ์

หญิงสาวซึ่งกลายเป็นที่โดดเด่นในหมู่ศิษย์ชั้นสูงเผยให้เห็นถึงพรสวรรค์และพละกำลังที่น่าตกใจยิ่ง คงไม่ใช่การกล่าวเกินจริงหากถือว่านางเป็นอัจฉริยะแห่งสวรรค์อันน่าภาคภูมิ

เฉินซีเคยเผชิญหน้ากับตู้เซวียนมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาทราบดีว่าพลังต่อสู้ของนางน่าเกรงขามเพียงใด!

…เมื่อดูจากเจตจำนงสังหารที่เย็นชาและดุดันของอีกฝ่าย ตู้เซวียนนับได้ว่าเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหมดที่ชายหนุ่มเคยพบมา

ทว่าอันดับของอันเวยกลับแซงหน้าตู้เซวียนไปแล้ว เช่นนั้นพละกำลังของนางจะมีมากขนาดไหนกัน?

‘ยอดศิษย์ชั้นสูงทั้งห้า… ข้าสงสัยนักว่าคนอื่น ๆ จะน่าเกรงขามเพียงใด หากข้าต้องการเข้าควบคุมยอดเขาจรัสตะวันตกอย่างราบรื่น บางทีอาจต้องผ่านพวกเขาไปก่อน’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ในใจ เท่าที่ทราบ เขาต้องผ่านอุปสรรคเพื่อก้าวไปสู่การเป็นศิษย์ชั้นยอดและตำแหน่งผู้อาวุโสเสียก่อน หากต้องการที่จะขึ้นเป็นปรมาจารย์สูงสุดแห่งยอดเขาจรัสตะวันตก

อย่างไรก็ตาม มีศิษย์ชั้นยอดในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองอยู่น้อยมาก พวกเขาเป็นเหมือนดั่งขนปักษาเขากิเลนที่หายาก ศิษย์ชั้นสูงนับไม่ถ้วนกำลังดิ้นรนเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ดังนั้นหากเฉินซีต้องการที่จะเป็นศิษย์ชั้นยอด แน่นอนว่าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแข่งขันกับศิษย์ชั้นสูงคนอื่น ๆ

นอกจากนั้น การเลื่อนขั้นจากศิษย์เป็นผู้อาวุโสนั้นก็ยังต้องเจอกับการแข่งขันสุดทรหดอีกหนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าความต้องการที่จะเป็นปรมาจารย์สูงสุดแห่งยอดเขาจรัสตะวันตกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ที่สำคัญที่สุด เฉินซีมีเวลาเพียงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น หากไม่สามารถทำทั้งหมดนี้ให้เสร็จภายในหนึ่งร้อยปี ตำแหน่งปรมาจารย์สูงสุดของยอดเขาจรัสตะวันตกก็จะตกอยู่ในมือของผู้อื่น!!

“ท่านอาจารย์ลุงหลิ่ว นี่คือศิษย์น้องเฉินซีใช่หรือไม่?” อันเคอถามด้วยความสงสัย เส้นผมสีดำขลับของนางดูราวกับน้ำตกที่ไหลอยู่ข้างหลัง หน้าตางดงาม รูปร่างสูงเพรียว เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของการเป็นหญิงสาว ใครที่เห็นก็ย่อมรู้สึกหวั่นไหว

“ใช่ เสี่ยวเคอเอ๋อร์ ต่อไปนี้เจ้าต้องรักและดูแลศิษย์น้องของเจ้าเป็นอย่างดี อย่าให้เขาถูกคนอื่นรังแกได้” วิปลาสหลิ่วยิ้มพลางเย้าหยอก

เฉินซีรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ สำหรับคนชราวัยอย่างวิปลาสหลิ่ว การกระทำนี้ดูหยาบช้ายิ่ง

“ท่านอาจารย์ลุงหลิ่ว ท่านช่างเลวทรามยิ่ง ข้าจะไม่เล่นกับท่านอีกต่อไป” หญิงสาวตำหนิอีกฝ่าย นางกลอกลูกตาพลางจ้องมองไปยังเฉินซีอีกครั้ง ก่อนจะมุ่ยปากอันแสนนุ่มนิ่มและชุ่มชื้น จากนั้นตัวคนพลันหายไปดั่งสายลม เหลือไว้เพียงเส้นผมที่สวยงามปลิวไสว และภาพของร่างกายเปล่งประกายมากด้วยพลังงานซึ่งทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกสุขใจเหลือล้น

“ตราบใดที่วันข้างหน้าเจ้าเล่นกับศิษย์ของข้า ก็ไม่เป็นไร” วิปลาสหลิ่วตะโกนสุดเสียง ทำให้ร่างสีแดงเพลิงอันสวยงามที่อยู่ไกลห่างหยุดชะงัก จากนั้นก็จากไปราวกับกำลังหลบหนี

เฉินซีหงุดหงิดจนหาคำพูดไม่ได้ เพราะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าศิษย์ที่อยู่รอบข้างทุกคนมองไปยังวิปลาสหลิ่วด้วยสีหน้าโกรธเคือง เผยให้เห็นถึงความเกลียดชังและขุ่นเคืองใจเนื่องจากเทพธิดาในใจของพวกเขากำลังถูกเหยียดหยาม!

แม้กระทั่งสายตาของเฉินซีเองยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!

“ฮ่า ๆ! สาวน้อยคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว แถมตัวพี่สาวยังดียิ่งกว่าเสียอีก” วิปลาสหลิ่วเพิกเฉยต่อสายตาแฝงเจตจำนงสังหารที่มาจากรอบข้าง ซ้ำยังชมเชยไม่รู้จบ

ทว่าเฉินซีทนไม่ได้อีกต่อไป เขาเดินจากไป ด้วยกังวลว่าจะถูกฝูงชนรุมกระทืบหากยังคงอยู่ที่นี่ต่อ

ที่ด้านข้างกองหนังสือมากมาย มีเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังยอดเขาเปิดกว้างออก

วิปลาสหลิ่วพาเฉินซีขึ้นไปตามทาง ข้างทางมีชั้นหนังสือซึ่งเต็มไปด้วยกองหนังสือล้ำค่าเรียงรายเป็นแถวสูงตระหง่านไปถึงชั้นเมฆ ให้รู้สึกเหมือนกำลังท่องโลกหนังสือ ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง

มีคนมากมายยืนอยู่บนเส้นทางหุบเขา พวกเขาเงียบงันและจดจ่ออยู่กับคัมภีร์ มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษกรอบแกรบที่ดังก้อง ให้ความรู้สึกที่เงียบสงบออกมา

เฉินซีตามหลังชายชราเพื่อขึ้นไปตามทางอย่างเงียบ ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะกวาดตามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างทาง

กระบวนยุทธ์ขั้นเต๋าสมบูรณ์ รุ้งจันทร์ทอง

กระบวนยุทธ์ขั้นเต๋าสมบูรณ์ กระบี่แสงสยบไตรสมบัติ

กระบวนยุทธ์ขั้นเต๋าสมบูรณ์แบบ ย่างก้าวสยบสวรรค์เลื่อนมังกร

ยิ่งสำรวจมากเท่าไร เฉินซีก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น กระบวนยุทธ์ที่เก็บไว้บนกองหนังสือเหล่านี้มีมากเสียจนน่าสะพรึงกลัว และแทบทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ ซึ่งแค่กระบวนยุทธ์เดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดฝนเลือดชโลมไปทั่วทั้งราชวงศ์ซ่ง ทว่า ณ ที่แห่งนี้ คัมภีร์เหล่านี้กลับถูกวางไว้กระจัดกระจาย และเหล่าศิษย์ก็ยังสามารถศึกษาได้ตามต้องการ

เมื่อเห็นเช่นนั้น มันก็แน่ชัดแล้วว่าความรู้และทรัพยากรภายในแดนภวังค์ทมิฬแห่งนี้ …ลึกซึ้งจนเรียกได้ว่าต้องทำให้โลกสั่นสะท้าน!

“พวกเรามาถึงแล้ว นี่คือลานดอกบัวหมื่นยุทธ์ที่สร้างขึ้นจากคัมภีร์เก้าเรืองรอง!” เสียงของวิปลาสหลิ่วพลันดังขึ้นข้างหู ทำให้ชายหนุ่มตื่นจากการครุ่นคิด เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ที่ยอดเขาหนังสือแล้ว และเขาก็ต้องตกใจตาค้างเมื่อมองไปยังฉากตรงหน้า

กระบวนยุทธ์เป็นเคล็ดวิชาพื้นฐานที่ผู้บ่มเพาะจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเต๋ารู้แจ้งและพละกำลังของพวกเขา ในทางกลับกัน ศาสตร์เต๋านั้นกำเนิดมาจากกระบวนยุทธ์และมีความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามยิ่งกว่า เป็นพลังที่จำเป็นในการก้าวสู่ความเป็นอมตะ

นอกจากนั้น กฎที่มาพร้อมกับศาสตร์เต๋ายังเป็นพลังและความแข็งแกร่งที่เซียนสวรรค์ครอบครองอยู่!

“เชิญเลย มีความล้ำลึกมากมายภายในลานดอกบัวหมื่นยุทธ์ เพียงแค่เจ้าต้องสงบจิตและทำความเข้าใจ ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจของเจ้าแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้ศาสตร์เต๋าที่น่าเกรงขามกลับมา” วิปลาสหลิ่วตบบ่าของเฉินซีพลางกล่าว

“ทราบแล้ว” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้า ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในใจก่อนจะเดินไปยังแท่นดอกบัวที่เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์มหาศาล

ด้านนอกหอหมื่นคัมภีร์ วิปลาสหลิ่วเดินลงบันได ทว่ายังไม่ได้ออกไปทันที เขาหยุดอยู่ข้างชายชราที่พิงอยู่บนเก้าอี้โยก และพูดเสียงเบาว่า “ท่านอาจารย์ลุง ข้าหวังว่าท่านจะดูแลสหายน้อยคนนั้นได้เมื่อข้าจากไป”

ดวงตาของชายชรายังคงหรี่ลงในขณะที่รอยย่นบนใบหน้าของอีกฝ่ายลึกเหมือนหุบเหว สีหน้าสงบนิ่งราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

ชายชราอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเมื่อเห็นดังนี้ จากนั้นเขาก็เดินจากไป

“เจี้ยนเหิง เจ้าไม่เคยยอมร้องขอสิ่งใดจากใครเลยในตลอดชีวิตของเจ้า เหตุใดถึงเปลี่ยนใจเช่นนี้?” เสียงถอนหายใจแผ่วเบาแว่วมาจากด้านหลัง ทำให้วิปลาสหลิ่วแข็งทื่อจนไม่อาจอ่านอารมณ์บนใบหน้าได้

ทันใดนั้นชายชราที่พิงอยู่บนเก้าอี้โยกก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาดำสนิท ชัดใส บริสุทธิ์ และไร้ที่ติกว่าดวงตาของทารกเสียอีก ทว่าแววตากลับให้ความรู้สึกกว้างใหญ่ดั่งจักรวาลดารา ทำให้ใจของทุกคนเต้นแรงด้วยความตกตะลึงยามจับจ้อง

“เจ้าขอให้ประมุขนิกายอนุญาตให้เขาสืบทอดตำแหน่งปรมาจารย์สูงสุดแห่งยอดเขาจรัสตะวันตก ต่อจากนั้นจึงเปิดหอหมื่นคัมภีร์ให้เขาใช้อย่างเต็มที่ ตอนนี้เจ้ายังมอบให้ข้าดูแลเขาอีก นี่มันไม่เหมือนเจ้าเลย” ชายชราถอนหายใจอีกครั้ง

“เมื่อหลายปีก่อน ข้าเป็นหนี้ชีวิตคนผู้นั้น มันถึงเวลาที่ต้องชดใช้แล้ว…” หลังจากเงียบไปนาน วิปลาสหลิ่วก็กล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นความโศกเศร้าอย่างสุดจะพรรณนา

“ไม่แปลกใจเลย!” ชายชราตกตะลึงขณะที่คิ้วสีเทายาวขมวดเข้าหากัน เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะโบกมือพลางกล่าว “สบายใจได้”

“ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ลุง” วิปลาสหลิ่วพยักหน้าก่อนจะก้าวยาวออกไป เขารู้สึกเบาใจ แต่ก็เผยให้เห็นความรู้สึกอ้างว้างเช่นกัน

ตั้งแต่ที่คนนั้นจากไปเมื่อหลายปีก่อน หลิ่วเจี้ยนเหิงก็ไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว มีเพียงแต่คนวิปลาสผู้หนึ่ง…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]