บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 578

บทที่ 578 คุกเข่าลง

บทที่ 578 คุกเข่าลง

“ในฐานะผู้อาวุโส ท่านไม่มีความเคารพกฎเลยสักนิด ถึงกับกล้าละเมิดกฎของนิกายและอนุญาตให้ศิษย์ของตัวเองนำพาหายนะมาให้แก่นิกายเช่นนี้! แล้วตอนนี้เจ้ายังไร้มารยาทถึงขนาดคิดรังแกผู้อื่นอีก! ผู้อาวุโสเยว่ เจ้านั่นแหละที่เป็นฝ่ายไร้ขื่อแป!” เสียงตะโกนดังสนั่นของเฉินซีฟังดูราวกับระฆังลั่นที่กึกก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ยิ่งไปกว่านั้น ความน่าเกรงขามยังแผ่กระจายออกมาจากคำพูดเหล่านั้นจนทุกคนต้องอ้าปากค้าง

เขาน่าเกรงขามเกินไปจริง ๆ!

ศิษย์หน้าใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาในนิกายกล้ากล่าววาจาโจมตีผู้อาวุโสจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพูดจาโผงผางและทุกคำพูดเป็นเหมือนกับใบมีดแหลมคมที่ทิ่มแทงจิตใจ!

ใครจะไปคาดคิดว่าเฉินซีจะกล้าหาญถึงเพียงนี้?

หากเป็นศิษย์คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะรู้สึกอยุติธรรมเพียงใด พวกเขาก็คงไม่กล้าทำอะไรทั้งสิ้น เพราะใครจะกล้าท้าทายผู้มีอำนาจของนิกายกันล่ะ?

ห่างไกลออกไป สีหน้าของเยว่ฉือบึ้งตึงขณะที่จ้องเขม็งไปยังเฉินซีอย่างเยือกเย็นราวกับว่ากำลังตั้งใจจะปลิดชีวิต

ตอนนี้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในฐานะผู้อาวุโสแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองและปรมาจารย์สูงสุดแห่งยอดเขาจรัสตะวันออก แม้แต่ในอาณาเขตทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ สถานะและตัวตนของเขาก็ถือว่าสูงส่งและเป็นที่เคารพที่สุด

แต่ตอนนี้กลับถูกยั่วยุโดยศิษย์หน้าใหม่ที่เป็นราวกับมดตัวหนึ่ง ถ้าไม่สำแดงพลังออกมาให้เห็น แล้วเขาจะสามารถอยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต่อไปได้อย่างไรกัน?

“กล้าดีนักนะ!”

“อยากตายงั้นรึ!”

ระหว่างที่เยว่ฉือกำลังคิดอยู่นั้น เหลิ่งชิวกับผางโจวก็แผดเสียงร้องดังลั่นอย่างโกรธเกรี้ยว ทั้งสองต่างเป็นศิษย์แห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองและเป็นศิษย์ของเยว่ฉือ ในเมื่ออาจารย์ถูกทำให้อับอายเช่นนี้ แล้วลูกศิษย์อย่างพวกเขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร?

“เฉินซี เจ้ากล้าเสียมารยาทและทำพฤติกรรมก้าวร้าวกับผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ? รีบคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้!”

“คุกเข่า!”

“คุกเข่า!”

เหล่าศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออกต่างตะโกนเสียงดังลั่นตาม ๆ กัน เสียงของพวกเขาเป็นราวกับกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำเข้าไปหาเฉินซี คนเหล่านั้นล้วนมองมาด้วยแววตาแฝงจิตสังหารราวกับว่าชายหนุ่มกระทำความผิดมาตลอดชั่วชีวิตและจำต้องคุกเข่าลงเพื่อรับการลงโทษที่สาสม

หากพูดถึงกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดภายในยอดเขาจรัสตะวันออก ยอดเขาจรัสตะวันตก ยอดเขาจรัสเหนือ และยอดเขาจรัสใต้ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง คงต้องยกตำแหน่งนั้นให้กับยอดเขาจรัสตะวันออก เพราะนอกจากจะมีศิษย์ชั้นสูงมากกว่าพันคนแล้ว พวกเขายังมีผู้โดดเด่นอย่างเหลิ่งชิว ผางโจว และตู้เซวียนผู้เป็นสามในห้าศิษย์ชั้นสูงอีกด้วย เรียกได้ว่ายอดเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่นและก่อเกิดเป็นกองกำลังขนาดมหึมา

ศิษย์แห่งยอดเขาจรัสตะวันออกทุกคนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ต่างตะโกนด่าทอเฉินซีอย่างพร้อมเพรียงกัน มันกระทั่งทำให้ศิษย์จากยอดเขาอื่น ๆ ต้องตกตะลึงจนหน้าซีดเผือดและไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรทั้งสิ้น

แม้ว่าสถานะของพวกเขาจะสูงกว่าศิษย์สายในและศิษย์สายนอกมาก พวกเขาก็ยังต้องระมัดระวังตัวให้ดีเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นฝ่ายที่ถูกจับจ้องแทน

สีหน้าของเยว่ฉือผู้กำลังจะระเบิดเป็นไฟเพราะความโกรธแค้นเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนี้ หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะร่วนออกมา แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นเพียงแค่มดตัวจ้อย เหตุใดเขาจึงต้องลงมือจัดการเองกัน? ผู้มีตำแหน่งเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเอง และหากฉุนเฉียวขึ้นมาก็จะอับอายขายหน้าแทน

ทว่าสีหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากที่ถูกผู้คนมากมายก่นด่า เขาไม่สนใจคนเหล่านั้นแต่กลับหันไปมองยังเวินหัวถิงก่อนจะประสานมือพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “ขออนุญาตเรียนถามประมุขนิกาย สมาชิกของยอดเขาจรัสตะวันออกสามารถเป็นตัวแทนของทั่วทั้งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้หรือไม่?”

“แน่นอนว่าไม่ได้” เวินหัวถิงตะลึงงัน แล้วจึงตอบพร้อมส่ายหน้า

“ขอบคุณขอรับท่านประมุขนิกาย” เฉินซีประสานมือทำความเคารพอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับมา แล้วเขาก็กวาดสายตามองศิษย์แห่งยอดเขาจรัสตะวันออกด้วยสายตาอันเยือกเย็นขณะที่กล่าว “ดูเหมือนว่ายอดเขาจรัสตะวันออกจะมีผู้มีพรสวรรค์มากมายจริง ๆ นอกจากจะเข้ามายุ่มย่ามเรื่องภายในของยอดเขาจรัสตะวันตกแล้ว พวกเจ้ายังออกคำสั่งให้ข้าคุกเข่าลงต่อหน้าประมุขนิกายและเหล่าผู้อาวุโสโดยที่ตัวเองไม่มีอำนาจ ข้าขอถามหน่อยว่าใครเป็นคนมอบอำนาจให้พวกเจ้ากัน?!”

สีหน้าของเหลิ่งชิวกับศิษย์ยอดเขาจรัสตะวันออกต่างก็ตกตะลึง และรัศมีของทุกคนอ่อนแอลงมหาศาล

ในฐานะหนึ่งในสิบนิกายเซียนแห่งแดนภวังค์ทมิฬ นิกายแห่งนี้ก็มีจำนวนศิษย์นับไม่ถ้วน รวมไปถึงปรมาจารย์จำนวนมหาศาลราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น กฎเกณฑ์และระบบอาวุโสยังเข้มงวดอย่างมาก ผู้ใดที่กล้าละเมิดกฎแม้แต่น้อยจะต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถอย่างแน่นอน

คำพูดของเฉินซีถูกต้องตามกฎบัญญัติของนิกาย และเขากระทั่งได้รับคำตอบจากท่านประมุขนิกายเอง หากพวกเขายังกล้าดึงดันต่อไป มันก็อาจนับว่าละเมิดกฎของนิกายได้!

“หรือว่าพวกเจ้าทุกคนถือตัวเป็นผู้ปกครองนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเองเสียแล้ว?” เมื่อเห็นว่าพวกเขายังคงเงียบสนิท เฉินซีก็ไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาไปง่ายดายนัก ชายหนุ่มพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ข้าแค่อยากจะรู้ว่ากฎของนิกายยังอยู่ในสายตาของพวกเจ้าบ้างหรือไม่?! แล้วประมุขนิกายกับผู้อาวุโสเล่า?! แล้วศิษย์พี่ศิษย์น้องที่อยู่ที่นี่เล่า?”

เหลิ่งชิวกับศิษย์คนอื่น ๆ จากยอดเขาจรัสตะวันออกต่างพูดไม่ออก พวกเขาอยากจะตะโกนกลับไป แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้จนความโกรธทำให้สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวและส่งสายตาชั่วร้ายออกมา

ในขณะเดียวกัน ศิษย์คนอื่น ๆ โดยรอบล้วนอึ้งงัน พวกเขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่านอกจากเฉินซีจะครอบครองพละกำลังเหนือมนุษย์แล้ว แม้แต่ความสามารถในการโต้เถียงของเขาก็ไร้เทียมทานด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มสั่งสอนศิษย์แห่งยอดเขาจรัสตะวันออกทุกคนอย่างง่ายดายราวกับฝึกสุนัข…

“ข้าว่าเด็กคนนี้คงจะเป็นสายสืบที่เข้ามาเพื่อสร้างความขัดแย้งในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้า และเขาจะไม่หยุดจนกว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างแน่นอน!” ตู้เซวียนตะโกนขัดในทันใด

“ตู้เซวียน เจ้ายังกล้าใส่ร้ายป้ายสีข้าในเวลาแบบนี้อีกหรือ? เจ้าคิดว่าจะหนีความรับผิดชอบไปได้อย่างนั้นหรือ?” เมื่อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ร่างของเฉินซีก็วูบไหวหายไป หลังจากนั้นจึงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าตู้เซวียน แล้วเนตรเทวะแห่งความจริงก็แทรกตัวออกมาระหว่างคิ้วของเขาก่อนจะยิงลำแสงแห่งการทำลายล้างออกมา

ตู้เซวียนตกตะลึง และเคล็ดสังหารฉับพลันที่เขาเพิ่งเชี่ยวชาญก็ถูกลำแสงนี้ทำลาย ในขณะที่ลำคอของเขาก็ถูกอีกฝ่ายคว้าไว้และยกขึ้นมาราวกับลูกไก่ตัวน้อยในทันที

นอกจากนี้ เหล่าศิษย์โดยรอบเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน แม้แต่ประมุขนิกายและเหล่าผู้อาวุโสก็ต้องตะลึงงันเพราะการโจมตีกะทันหันนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินซีจะกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าพวกตนจริง ๆ!

นี่มันกลิ่นอายแบบใดกัน? มันทั้งน่าเกรงขามและทรงพลังอย่างถึงที่สุด!

“คุกเข่าลง!” เสียงตะโกนดังกึกก้องขณะที่เฉินซียกมือขึ้นและฟาดลงไป แล้วปราณแท้ในฝ่ามือของเขาก็กดลงมาราวกับภูผา

ทันใดนั้น เสื้อผ้าและชุดเกราะของตู้เซวียนก็ฉีกขาดขณะที่เขาได้แต่ส่งเสียงคำรามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เข่าของเขาก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดันไหวจนต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเฉินซี

“เขา…เขาบังคับให้ตู้เซวียนคุกเข่าลงจริง ๆ!”

“ตู้เซวียน หนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงที่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ไร้ที่ติและทรงพลังมาตลอด กลับถูกศิษย์ใหม่อย่างเฉินซีบังคับให้คุกเข่าลงต่อหน้าทุกคนเสียอย่างนั้น เขาคงไม่กล้าสู้หน้าใครอีกต่อไปแล้ว!”

“สวรรค์! เฉินซีแข็งแกร่งเกินไปแล้ว เขาทำให้ผู้แข็งแกร่งอย่างตู้เซวียนคุกเข่าลงได้จริง ๆ นั่นคือการโจมตีไร้เทียมทานที่รับมือยากยิ่งกว่าการยอมรับความตาย!”

ภาพนี้ทำให้เกิดเสียงลุกฮืกขึ้น เพราะทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเฉินซียกมือขึ้นและทำให้ตู้เซวียนต้องคุกเข่าลง

“ไอ้บัดซบ…” ใบหน้าของตู้เซวียนกลายเป็นสีแดงขณะที่ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอับอายขายหน้า ดวงตาของเขาแทบจะแยกออกกันขณะที่เริ่มบ้าคลั่ง “เฉินซี ข้อขัดแย้งของพวกเราไม่มีทางไกล่เกลี่ยกันได้! เมื่อเวลามาถึง ข้าจะฟันเจ้าเป็นชิ้น ๆ แยกวิญญาณออกมา และสกัดกระดูกของเจ้า เจ้าไม่มีทางได้ตายดีแน่!”

ขณะที่พูด เขาก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาเพื่อต้านทานแรงกดดัน แต่เฉินซีก็ก้าวมาข้างหน้าและฟาดฝ่ามือลงไปเพื่อผนึกปราณแท้ในร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้ ทำให้ร่างกายของตู้เซวียนเริ่มโซเซ และไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนอีกแม้แต่น้อย เขาโกรธแค้นกระทั่งส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะกระอักเลือดมหาศาลอย่างรุนแรง

“ผู้อาวุโสเยว่ฉือ ถ้าท่านเคลื่อนไหว ข้าจะสังหารเขาทันที!” ตอนนั้นเอง เฉินซีก็หันไปมองเยว่ฉือที่ยืนอยู่ไกลออกไป อารมณ์ของอีกฝ่ายขณะนี้เดือดพล่าน และไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วยเหลือตู้เซวียน!

หัวใจของทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อได้เห็นภาพนี้ พวกเขาต้องตกตะลึงสุดขีด หรือว่าชายคนนี้จะไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วจริง ๆ!?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]