บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 582

บทที่ 582 ปิดม่าน

บทที่ 582 ปิดม่าน

ในที่สุด ม่านของเรื่องนี้ก็จบลงด้วยการที่ประมุขนิกายเวินหัวถิงเป็นหนี้บุญคุณเฉินซี

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น มันได้แพร่กระจายไปทั่วนิกายกระบี่เก้าเรืองรองดุจไฟลามทุ่ง

ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสหรือศิษย์ชั้นสูง แม้แต่ศิษย์สายในและศิษย์สายนอกต่างก็รู้ว่า มีคนที่ร้ายกาจอย่างเฉินซีได้ปรากฏตัวขึ้นในนิกาย

ในวันแรกที่เขาเพิ่งเข้าร่วมนิกาย เฉินซีได้ทุบตีตู้กวน ผู้เป็นน้องชายของตู้เซวียน บังคับสหายของตู้กวนให้ขอโทษและขับไล่ศิษย์จากยอดเขาอื่น ๆ ทั้งหมดให้ออกไปจากอาณาเขตของยอดเขาจรัสตะวันตก

เขาได้ขึ้นไปบนแท่นดอกบัวและกลายเป็นคนแรกในรอบหลายพันปี ที่ได้รับศาสตร์เต๋าที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งทิ้งเอาไว้

เขาต่อสู้และเอาชนะตู้เซวียน หนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ ในที่สุดชายหนุ่มยังบังคับให้อีกฝ่ายคุกเข่าลงและต้องทรมานกับความอัปยศอดสูอย่างไร้ขอบเขต

เขาเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเยว่ฉือโดยตรง ด้วยท่าทางที่ก้าวร้าวและไร้ซึ่งความเกรงกลัว

เขามอบศาสตร์เต๋าทั้งสี่สิบเก้าเคล็ดซึ่งมีพลังอันน่าอัศจรรย์ให้แก่ประมุขนิกาย และทำให้ผู้อาวุโสระดับสูงต้องตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขา…

สรุปแล้ว เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนมาจากน้ำมือของเฉินซีทั้งหมด ทำให้ชื่อของเขาดังก้องอยู่ในหูของทุกคนราวกับเสียงฟ้าร้อง และมันดังก้องอยู่ในท้องฟ้าของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง จนถึงจุดที่ทุกคนต่างล่วงรู้

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง อาจเป็นไปไม่ได้ที่จะหาศิษย์ใหม่เช่นเฉินซี ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ หลังจากที่เข้าร่วมนิกายได้เพียงวันเดียว!

ผู้อาวุโสทั้งหมดได้จากไปพร้อมกับเวินหัวถิง ในขณะที่มีความพึงพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้า ส่วนเหล่าศิษย์ของยอดเขาอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพแวดล้อมของยอดเขาจรัสตะวันตกกลับมาสงบลงอย่างสมบูรณ์

เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งจิตใจและร่างกายของเขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพบเจอในวันนี้มีมากมายเหลือเกิน เขาเข้าร่วมนิกาย พบกับเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมด วิปลาสหลิ่วได้จากไป ขึ้นสู่แท่นดอกบัว พบกับเต๋าบงกชโดยบังเอิญ…

อาจกล่าวได้ว่านอกเหนือจากการต่อสู้แล้ว เขาไม่ได้ว่างเลยในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ดังนั้นการใช้พลังกายและพลังจิตใจของเขานั้นมากมายถึงเพียงใด ก็สามารถเห็นได้ชัดจากสิ่งนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ เผยรอยยิ้มแห่งความสุขจากใจจริง เฉินซีก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาทำนั้นคุ้มค่า!

อันที่จริง หากกล่าวในลักษณะที่เกินจริงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับตู้เซวียน การปะทะวาจากับเยว่ฉือ การร้องขอต่อประมุขนิกายครั้งแล้วครั้งเล่า หรือมรดกศาสตร์เต๋าทั้งสี่สิบเก้าเคล็ดที่เขามอบให้กับท่านประมุขนิกาย ทุกสิ่งที่ชายหนุ่มทำในวันนี้ก็เพื่อยอดเขาจรัสตะวันตกและบรรดาศิษย์พี่ของเขาอย่างแท้จริง!

หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เขาจะไม่ต่อสู้อย่างสิ้นหวังถึงเพียงนี้ อีกทั้งจะไม่แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวและกระทำตามอำเภอใจเช่นนี้

แต่ก็นับว่าโชคดีที่เขาทำทุกอย่างได้สำเร็จ

หลังจากเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะทำให้เหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกและผู้อาวุโสเยว่ฉือขุ่นเคืองใจ แต่เขาก็ได้สร้างชื่อเสียงที่ยอดเยี่ยมให้กับยอดเขาจรัสตะวันตกอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้าใครก็ตามที่กล้าวางแผนร้ายต่อยอดเขาจรัสตะวันตกในภายภาคหน้า พวกเขาจะต้องผ่านเฉินซีไปให้ได้ก่อน ทว่าชายหนุ่มได้มอบมรดกศาสตร์เต๋าทั้งสี่สิบเก้าเคล็ดให้แก่เวินหัวถิง ทำให้ได้รับความโปรดปรานจากประมุขนิกายและผู้อาวุโสทุกคน …ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงไม่มีใครกล้ายั่วยุเขา

แม้ว่าใครจะล่าถอยเพื่อจัดการกับเขาอีกครั้งในภายหลัง อีกฝ่ายก็ต้องรอจนกว่าทุกอย่างจะสงบลงเสียก่อน

จึงสรุปได้ว่า เฉินซีไม่ต้องกังวลว่าตัวเขาหรือยอดเขาจรัสตะวันตกจะเจอกับปัญหาใด ๆ ในอนาคตอันใกล้ และเขาสามารถคว้าช่วงเวลานี้เพื่อเพิ่มการบ่มเพาะของตนได้อย่างเหมาะสม

เพราะอีกสามเดือนนับจากนี้คือ การทดสอบยอดเขาจรัสของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่จัดขึ้นในทุก ๆ สิบปี ในเวลานั้น ศิษย์ชั้นสูงของยอดเขาจรัสตะวันออก ยอดเขาจรัสตะวันตก ยอดเขาจรัสใต้ และยอดเขาจรัสเหนือ ผู้ได้บรรลุขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์จะเข้าร่วมกัน

ในแง่หนึ่ง วัตถุประสงค์ของการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสนั้น ก็เพื่อทดสอบความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของเหล่าศิษย์ และเพื่อประโยชน์ในการคัดเลือกศิษย์ชั้นยอด

ซึ่งไม่เพียงแต่สถานะหรือตัวตนในนิกายจะเพิ่มขึ้นจากการเป็นศิษย์ชั้นยอดอย่างมากเท่านั้น แต่คนผู้นั้นยังสามารถเข้าสู่ยอดเขาจรัสเทวะเพื่อบ่มเพาะได้!

ยอดเขาจรัสเทวะเป็นสถานที่ที่พวกตัวประหลาดเฒ่าซึ่งมีความอาวุโสในนิกายสูงมาก ต่างอาศัยอยู่กันอย่างสันโดษและเป็นหนึ่งในสถานที่ชั้นนำภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ในระหว่างที่ได้บ่มเพาะอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่จะสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรต่าง ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังสามารถได้รับคำชี้แนะส่วนตัวจากตัวประหลาดเฒ่าที่อยู่ที่นี่อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ผลประโยชน์ดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีในยอดเขาอื่น ๆ

ศิษย์ชั้นสูงทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต่างยึดถือตำแหน่งศิษย์ชั้นยอดเป็นเป้าหมายของพวกเขา เนื่องจากเป็นเกียรติและเป็นแรงดึงดูดที่ยิ่งใหญ่นัก

ในทางกลับกัน เฉินซีก็จำเป็นต้องเป็นศิษย์ชั้นยอดอย่างเร่งด่วน

แต่เหตุผลนั้นไม่ใช่เพื่อเข้าสู่ยอดเขาจรัสเทวะหรือเพื่อบ่มเพาะ แต่เพราะเขาต้องการรับตำแหน่งปรมาจารย์สูงสุดของยอดเขาจรัสตะวันตกอย่างราบรื่น ซึ่งเงื่อนไขเบื้องต้นก็คือ เขาต้องเป็นศิษย์ชั้นยอดและเลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโส หลังจากนั้น เขาจึงจะนั่งตำแหน่งปรมจารย์สูงสุดของยอดเขาจรัสตะวันตกได้อย่างมั่นคง

สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฉินซีก็จะเข้าร่วมในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในอีกสามเดือนนับจากนี้

ยอดเขาจรัสตะวันตกในเวลานี้ ตกอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงและร่องรอยของการถูกปล้นชิงก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ รู้สึกปวดใจหลังจากเห็นสิ่งนี้ พวกเขาต่างรู้สึกราวกับว่าบ้านเกิดของพวกเขาได้รับความเดือดร้อนจากการปล้นสะดมของเหล่าโจรชั่ว

พืชน้ำในทะเลสาบแกว่งไกวเบา ๆ ขณะที่ดอกไม้ริมทะเลสาบก็ส่งเสียงกรอบแกรบ ปลาวิญญาณและเต่าวิญญาณบางตัวโผล่หัวขึ้นมาจากผิวน้ำ เพื่อหายใจเอาปราณวิญญาณ ยิ่งกว่านั้น สัตว์วิญญาณที่อยู่ริมทะเลสาบต่างนอนหลับใหลอย่างเงียบงันภายใต้แสงที่ส่องประกายริบหรี่…

ทุกอย่างเงียบสงบและสวยงามมาก

“เฉินซี ข้าจะฆ่าเจ้า! นี่มันกี่ปีแล้ว? ไอ้สารเลวนี่! เจ้าบังอาจโยนข้าเข้าไปในเคหาและทิ้งข้าไว้คนเดียวโดยไม่สนใจ!”

“นายท่าน ข้าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ได้พบท่านอีกครั้ง!”

“บรู้ววว~” อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเงียบสงบนี้ เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายก็ดังก้องจากในบ้านไม้ริมทะเลสาบทันที และเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ปะปนอยู่ในเสียงเหล่านี้

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายตัวนั้นก็ทำให้ปลาวิญญาณกับเต่าวิญญาณที่อยู่ในทะเลสาบตกใจ พวกมันต่างหดหัวและดำดิ่งลงไปที่ก้นทะเลสาบ ในขณะที่สัตว์วิญญาณที่อยู่ริมทะเลสาบก็ตัวสั่น ก่อนที่พวกมันจะลุกขึ้นและกระโจนเข้าสู่ราตรีอันมืดมิด

ภายในบ้านไม้

เฉินซีมีสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก…

คนตัวเล็กในชุดขาวยืนอยู่บนไหล่ซ้ายของเขา คนตัวเล็กนี่มีความสูงเพียงสี่ชุ่น มีดวงตาสีดำสนิทและใสกระจ่างคู่หนึ่ง เขามีรูปโฉมหล่อเหลาซึ่งไม่มีใครเทียบได้ และเจ้าตัวกำลังบ่นอยู่ที่ข้างหูของเฉินซีอย่างโกรธเคืองโดยไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด

ส่วนบนไหล่ขวามีสัตว์ร้ายตัวเล็กที่มีรูปร่างเหมือนก้อนหิมะยืนอยู่ ขนของมันเป็นสีขาวราวหิมะและอ่อนนุ่ม ดวงตาของมันใสบริสุทธิ์ ในขณะนี้ มันกำลังกลิ้งอยู่บนไหล่ของเขาพร้อมกับคำรามซ้ำ ๆ เพื่อระบายความไม่พอใจ

ฝั่งตรงข้ามกับเฉินซี มีชายหนุ่มร่างสูงกำยำที่มีผมยาวหนา มีใบหน้ากร้านและเย็นชา ดวงตาของคนคนนี้เผยให้เห็นสีเขียวอ่อนแปลกประหลาด เขากำลังเกาศีรษะขณะที่มองเฉินซีด้วยด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ บนใบหน้า

ทั้งสามคนนี้คือหลิงไป๋ ไป๋คุย และมู่ขุย

หลิงไป๋ถูกโยนเข้าไปในเคหาที่อยู่ภายในจี้หยกเช่นเดียวกับไป๋คุย หลังจากที่เฉินซีออกจากเมืองหมอกสนและเข้าสู่เมืองเมืองเฟิงเย่ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบตอนกลาง ในขณะที่มู่ขุยถูกส่งเข้าไปยังเคหาบ่มเพาะหลังจากที่เขาออกจากนครหลวงธารสายไหมและกำลังมุ่งหน้าสู่สมรภูมิบรรพกาล

ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงปล่อยพวกเขาออกมาจากเคหาในตอนนี้ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าทันทีที่ปรากฏตัว ไป๋คุยกับหลิงไป๋จะไม่พอใจเหมือนภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งยังเอาแต่พร่ำบ่นใส่เขาอย่างไม่รู้จบ

แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เพราะตนทำผิดจริง ๆ และชายหนุ่มก็ทำได้เพียงตอบด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้

แต่เขายังคงมีความสุขมากในใจ เมื่อได้ฟังคำบ่นของหลิงไป๋ ดูไป๋คุยกลิ้งไปมาพร้อมกับคำราม และมีมู่ขุยผู้ภักดีอย่างยิ่งติดตามมาด้วย ความรู้สึกแบบนี้ที่สูญเสียไปนานทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ

ดูเหมือนว่าเขาได้ย้อนกลับไปยังช่วงเวลานั้นในอดีต เมื่อเขาคิดถึงมัน ทุกอย่างรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำให้เขามึนงงเป็นอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]