บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 624

บทที่ 624 การต่อสู้ที่สะท้านทั้งยอดเขาจรัสเทวะ

บทที่ 624 การต่อสู้ที่สะท้านทั้งยอดเขาจรัสเทวะ

“ทลายซะ!” เมื่อเผชิญกับลูกธนูที่สามารถสะท้านท้องฟ้าได้ เฉินซีก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยอีกต่อไป แสงศักดิ์สิทธิ์พลันปะทุออกมาจากระหว่างนิ้วของเขา และก่อตัวเป็นมหาเต๋าแห่งการทำลายล้าง ซึ่งภายในอักขระยันต์ก็ควบแน่นเป็นสัญลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัว

นี่คือเพลงหมัดมหาทำลายล้างที่ได้รับคำสั่งจากเต๋าแห่งยันต์อักขระ และเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ลึกล้ำ ทำให้มันมีพลังมากขึ้น

ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ทำให้ฝุ่น แสง หรือแม้แต่กระแสลมในบรรยากาศก็ยังถูกกำจัดและกลายเป็นความว่างเปล่าในทันที

ปัง!

อักขระยันต์ทำลายล้างหมุนวนอย่างดุเดือดและต้านทานลูกธนูที่ทะลวงผ่านท้องฟ้ามายังเฉินซี ก่อนจะเปล่งแสงแห่งการทำลายล้างที่เจิดจรัสเพื่อต่อสู้กับมัน

เคร้ง!

ในที่สุด ลูกธนูนี้ก็สึกกร่อนและแตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่ท่ามกลางอากาศ จากนั้นมันก็กลายเป็นคลื่นแสงห้าสีที่ส่องแสงแพรวพราวไปทั่วฟ้าดิน

ซึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งและไม่ขยับเลยสักก้าว

ดวงตาของหวังจ้งฮ่วนหรี่ลง จากนั้นก็ครุ่นคิดในใจว่า ‘เขาสามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้จริง ๆ ความแข็งแกร่งของเขาถือว่าไม่เลวเลย อย่างน้อยบนยอดเขาจรัสเทวะนี้ก็มีไม่กี่คนที่สามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย’

“เท่าที่ข้ารู้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเพิ่งบรรลุขอบเขตสถิตกายากระมัง?” เขาถามอย่างสงสัย

“แล้วมันแตกต่างหรือไม่?” อีกฝ่ายตอบอย่างเฉยเมย

หัวใจของหวังจ้งฮ่วนสั่นไหว เขาบรรลุขอบเขตสถิตกายามาหลายปีแล้ว แต่เฉินซีกลับสามารถต่อสู้กับเขาได้หลังจากที่เพิ่งบรรลุขอบเขตสถิตกายาได้ไม่นาน …จึงอาจกล่าวได้ว่าพรสวรรค์ของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!

“ฮ่า ๆ อย่าได้กังวลไป การที่สามารถต้านทานพลังโจมตีสามส่วนของข้าได้นั้น มันไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไร และเจ้าสามารถเพลิดเพลินไปอย่างช้า ๆ ได้ตั้งแต่จากนี้เป็นต้นไป”

หวังจ้งฮ่วนกลับสู่ความเย็นชาเหมือนเก่า ดวงตาของเขาเป็นประกาย เผยให้เห็นถึงความชั่วร้ายที่ทอประกายแวววาว

พรึ่บ!

สายธนูสั่นสะเทือนดั่งเสียงระฆังขนาดใหญ่ ก่อนที่ลูกธนูแสงอีกดอกที่ก่อตัวขึ้นจากพลังสวรรค์จะพุ่งออกไปจากสายธนู มันเขย่าสายลมและเมฆที่อยู่โดยรอบ ในขณะที่แสงห้าสีอันสว่างไสวก็ขดตัวอยู่รอบ ๆ มันและสร้างพลังทะลุทะลวงเป็นเกลียวแหลมคม ซึ่งเพียงแค่มองมันจากระยะไกล ความรุนแรงของมันก็บันดาลให้ผู้คนรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

นี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหวังจ้งฮ่วน แม้ว่าเขาจะดูถูกเฉินซี แต่ในการต่อสู้ เขาก็ไม่กล้าประเมินอีกฝ่ายต่ำไปเลย และอานุภาพของลูกธนูนี้ก็น่ากลัวกว่าครั้งก่อน ๆ เป็นอย่างมาก

ทว่าสีหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงเสียงเต๋าคำรามก้องไปทั่วร่างกายของเขา ในขณะที่วงแหวนศักดิ์สิทธิ์หลายสิบวงได้ล้อมรอบตัวชายหนุ่ม พวกมันเป็นอักขระยันต์ที่สร้างขึ้นจากเต๋ารู้แจ้งมากมาย และพวกมันก็กลายเป็นดั่งพระอาทิตย์แผดเผา ซึ่งแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้กลิ่นอายอันองอาจของชายหนุ่มยิ่งใหญ่กว่าเดิม

นี่คือทักษะการควบคุมเต๋ารู้แจ้งด้วยเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขา และเพียงแค่สะบัดมือ มันก็ทำให้เขามีกลิ่นอายที่ทรงพลัง เสมือนกับควบคุมทุกสิ่งในสวรรค์และปกครองโลกใบนี้ได้!

แดนฮุ่นตุ้นในร่างกายของเขาในเวลานี้กำลังโคจรอย่างดุเดือด ในขณะที่ปราณแท้ พลังงาน และวิญญาณของเขาก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมเสมือนกับพระจันทร์เต็มดวง ร่างกายทั้งหมดของเขาดูจะกลายเป็นทะเลแห่งอักขระยันต์ ซึ่งกำลังบรรยายถึงความลึกล้ำไร้ขอบเขตของมหาเต๋าในฟ้าดิน อีกทั้งยังเป็นภาพที่น่าสยดสยองนัก

“นี่มัน…”

หวังจ้งฮ่วนตกตะลึง ฝีมือของเฉินซีนั้นเกินความคาดหมายของเขา เนื่องจากทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่มมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวและน่าเกรงขามอย่างน่าประหลาดใจ จนทำให้แม้แต่หวังจ้งฮ่วนก็ยังรู้สึกถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย

“นี่มันพลังอันใดกัน?”

ตู้ม!

สวรรค์สั่นสะเทือนจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วหล้า ในขณะที่ลำแสงระเบิดออกไปอย่างไร้ขอบเขต มันหมุนเป็นวงกลมแล้วกลายเป็นคลื่นถาโถมออกจากร่างของเฉินซี ราวกับว่าเขาเป็นตาพายุในมหาสมุทร ซึ่งทำให้เกิดพายุนับไม่ถ้วนกระจายออกไปและยับยั้งลูกธนูแสงเอาไว้

ในที่สุด ลูกธนูแสงก็ยังมาไม่ถึงเฉินซี ปลายศรเริ่มสลายไปทีละนิด จากนั้นมันก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ และกลายเป็นผงห้าสีที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า ก่อนที่จะสลายหายไปในความว่างเปล่า!!

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ชมที่อยู่ในระยะไกลต่างก็ตกตะลึง เพราะที่จริงแล้ว เฉินซีสามารถต้านทานการโจมตีขั้นสูงของธนูเบญจธาตุได้ โดยอาศัยเต๋ารู้แจ้งที่ดังก้องและพลังชีวิตในร่างกายของเขา ซึ่งท่าทางที่อหังการดังกล่าวก็ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง!!!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!? เจ้าเด็กคนนี้เพิ่งบรรลุขอบเขตสถิตกายา แต่มันกลับสามารถควบคุมเต๋ารู้แจ้งในการต่อสู้ได้แล้ว!?” ดวงตาของหวังจ้งฮ่วนหรี่ลงและสว่างวาบด้วยแสงเจิดจ้า

เนื่องจากการบ่มเพาะของเขาได้บรรลุถึงขอบเขตสถิตกายาขั้นสูงในปัจจุบัน ความสามารถในการแยกแยะของเขาจึงแม่นยำมาก และเขาสังเกตได้ทันทีว่า การโจมตีของเฉินซีนั้นแฝงไปด้วยทักษะในการควบคุมเต๋ารู้แจ้ง! ยิ่งกว่านั้น เฉินซีในตอนนี้ดูจะเริ่มเข้าใจวิธีการต่อสู้เช่นนี้…

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

แต่ไม่ว่าจะตกตะลึงสักแค่ไหน แต่ปฏิกิริยาของหวังจ้งฮ่วนก็รวดเร็วยิ่งนัก เขาง้างคันธนูและยิงลูกธนูแสงห้าสีที่พร่างพรายออกไปอีกครั้ง พวกมันกลายเป็นลำแสงที่ยาวถึงหนึ่งร้อยยี่สิบจั้ง ดูคล้ายสายรุ้งพุ่งผ่านท้องนภา!

ฟิ้ว!

ทันทีที่หวังจ้งฮ่วนโจมตี ร่างของเฉินซีก็หายไปทันที และในชั่วพริบตาต่อมา เขาก็อยู่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงหนึ่งร้อยยี่สิบจั้ง

“สมบัติอมตะ? ฮ่า ๆ ทั้งหมดที่ข้าเห็นก็คือ เฉินซีนั้นมือเปล่าและไม่ได้ใช้สมบัติวิเศษใด ๆ แต่กลับต่อสู้กับหวังจ้งฮ่วนที่ถือสมบัติกึ่งอมตะได้อย่างเท่าเทียม ด้วยเหตุนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพียงพอที่จะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของศิษย์ชั้นยอดแล้ว!”

ผู้ชมในระยะไกลต่างสนทนากันอย่างมีชีวิตชีวา และทุกคนต่างตกตะลึงกับการต่อสู้อันน่าหวาดหวั่นที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขา

“ข้าสงสัยนักว่าใครจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด!”

“แต่ดูเหมือนเฉินซีจะด้อยกว่าเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไร ศิษย์พี่ใหญ่หวังก็มีความสามารถมากมายและมีการบ่มเพาะที่น่าอัศจรรย์อย่างมากเช่นกัน ไม่นานมานี้เขาได้ต่อสู้กับหลงเจิ้นเป่ย ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้”

“ใช่ หลงเจิ้นเป่ยเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานจากเผ่ามังกรอสรพิษและค่อนข้างมีชื่อเสียงในแดนภวังค์ทมิฬ ถึงแม้หวังจ้งฮ่วนจะเพิ่งเข้าร่วมกับนิกายได้เพียงสิบกว่าปี แต่เขาสามารถต่อสู้กับหลงเจิ้นเป่ยได้อย่างสูสี ดังนั้นจึงไม่อาจประเมินเขาต่ำไปได้เลย”

“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่านิกายเซียนทั้งสิบจะจัดงานชุมนุมกันในไม่ช้า และอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดจะได้รับเลือกจากพวกเราศิษย์ชั้นยอด ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ได้รับชัยชนะก็จะได้รับความโปรดปรานจากเซียนสวรรค์ อีกทั้งยังได้รับเคล็ดวิชาการบ่มเพาะและสมบัติอมตะ!”

“งานชุมนุมวิถีเซียน? เคล็ดวิชาที่เซียนสวรรค์ถ่ายทอดให้? ช่างเป็นเกียรติอะไรเช่นนี้!?”

ภายในที่พำนักบนยอดเขาจรัสเทวะที่ห่างไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ผู้เยี่ยมยุทธ์สองคนในหมู่ศิษย์ชั้นยอดกำลังจิบชา ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการต่อสู้ที่สูสีของทั้งสองคน

“หืม? เจ้าศิษย์ใหม่ที่หยิ่งยโสคนนั้นกลับเกิดความขัดแย้งกับหวังจ้งฮ่วนอย่างรวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ?”

อวิ๋นเยี่ยผู้ครอบครองเนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธ์กำลังปิดด่านบ่มเพาะภายในที่พำนักของเขา แต่จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง ทำให้เจ้าตัวลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วและกวาดสายตาออกไป ก่อนจะมองเห็นการต่อสู้ในระยะไกลได้อย่างชัดเจน

“ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้ากล่าวเรื่องต่อสู้กับข้า ที่แท้เขาก็มีความสามารถพอจริง ๆ หวังจ้งฮ่วนผู้ดุร้ายคนนั้นกลับไม่สามารถสยบเขาได้ ดูเหมือนว่าข้าต้องประเมินความสามารถของคนผู้นี้อีกครั้ง…”

โอม!

ในขณะที่ผู้คนต่างกำลังพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาทั่วยอดเขาจรัสเทวะ จู่ ๆ ความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัว เย็นยะเยือกและลึกลับอย่างสุดขั้วพลันถาโถมและแผ่ออกจากสนามรบในท้องฟ้าเหนือเส้นชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดสีชาด

ทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างรู้สึกหายใจไม่ออกทันที ในขณะที่ปราณแท้และเลือดภายในร่างกายของพวกเขาก็แสดงอาการผิดปกติและกำลังไหลย้อนกลับ!

หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นว่า มีปีกคู่หนึ่งซึ่งปกคลุมด้วยเงาสีเทาและหมอกได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ อยู่ที่ด้านหลังของเฉินซีซึ่งอยู่กลางอากาศ และมันก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีเทาที่ทำให้ดูเหมือนว่ามันกำลังแผ่กระจายปราณโกลาหลออกมา!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]