บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 63

บทที่ 63 ความประหลาดใจยังคงดำเนินต่อไป
บทที่ 63 ความประหลาดใจยังคงดำเนินต่อไป

เคหาของมู่ขุยมีขนาดไม่เกินสิบสองจั้งครึ่ง สภาพแวดล้อมในที่พักค่อนข้างแห้งทว่าสงบ ภายในประดับด้วยโต๊ะกับเก้าอี้ที่ทำจากผลึกเกลือ โดยรวมแล้วนับว่าที่แห่งนี้ค่อนข้างเรียบง่าย

ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปข้างใน เฉินซีสัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนของปราณวิญญาณอันหนาแน่น จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือกวาดดวงวิญญาณออกไปและพบต้นตอความปั่นป่วนในทันที

ที่มุมหนึ่งของที่พัก มีเบาะรองนั่งวางไว้อยู่ เฉินซียกเบาะรองนั่งขึ้นมา จากนั้นเขาก็เห็นก้อนหยกที่ซ่อนอยู่ภายในรอยแยกของหิน มันมีขนาดประมาณสิบสองชุ่น หนาเท่าแขนของทารก ปราณวิญญาณที่ปล่อยออกมาบริสุทธ์และหนาแน่น ยามสูดลมหายใจเข้าไปเพียงเล็กน้อยทำให้จิตใจรู้สึกเบิกบานสดชื่น

“นี่คือเส้นชีพจรวิญญาณชั้นยอดที่เจ้ากล่าวถึง? ไม่น่าแปลกใจที่อสูรพยัคฆ์ตนนั้นต้องการแย่งชิงเคหาของเจ้า ปราณวิญญาณของที่นี่หนาแน่นกว่าโลกภายนอกถึงสิบเท่า อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการบ่มเพาะ” เฉินซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปร่างของเส้นชีพจรวิญญาณ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำพุวิญญาณที่เขาเคยเห็นในที่พำนักของเซียนกระบี่ เส้นชีพจรวิญญาณชิ้นนี้ยังด้อยกว่ามาก

มู่ขุยที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา การเข่นฆ่าและช่วงชิงสมบัติเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เขาพบเห็นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงกังวลว่าความโลภจะก่อตัวขึ้นในหัวใจของเฉินซี เขาจึงต้องหาทางกำจัดมันออกไป

ตุ้บ!

เขายิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว มู่ขุยจึงไม่อาจลังเลอีกต่อไป จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น ก่อนจะกล่าวเสียงดังว่า “ข้าน้อยเต็มใจรับผู้อาวุโสเป็นเจ้านาย ข้าขอยืนเคียงข้างรับใช้ท่าน มู่ขุยผู้นี้จะรับใช้ผู้อาวุโสเพียงผู้เดียวตลอดชีวิตของข้าเท่านั้น หากข้าฝ่าฝืนคำสาบานนี้ ขอให้เต๋าแห่งสวรรค์ลงทัณฑ์ข้า และไม่อาจเวียนว่ายตายเกิดได้อีกตลอดกาล!”

เฉินซีรู้ดีว่าอสูรผู้นี้เกรงกลัวที่จะถูกฆ่าและถูกแย่งชิงสมบัติไป หากเขาปฏิเสธมู่ขุยในตอนนี้ มันจะทำให้มู่ขุยไม่สบายใจตลอดไป และอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในภายภาคหน้า

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับและกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้ายอมรับคำขอของเจ้า แต่ให้ข้ากล่าวถึงบางสิ่งก่อน ตัวข้านั้นจะไม่พาเจ้าออกไปจากที่แห่งนี่”

“ท่านผู้อาวุโส มู่ขุยต้องการติดตามรับใช้ท่านด้วยความจริงใจ ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยคนนี้จะไม่รบกวนให้ผู้อาวุโสมาคอยดูแลข้าโดยเด็ดขาด โปรดยอมรับคำขอของข้าเถิดท่านผู้อาวุโส” มู่ขุยรู้สึกปลอดภัยเล็กน้อย แต่เมื่อเขานึกถึงถ้อยคำครึ่งหลังที่เฉินซีกล่าว เขาก็ต่อต้านขึ้นมา และพูดกับตัวเอง “หรือท่านผู้อาวุโสกลัวว่าข้าจะสร้างปัญหาให้? “

เฉินซีส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของข้า หากเจ้ายังยืนกรานเช่นนี้ เห็นที…” ก่อนที่เฉินซีจะกล่าวจบ มู่ขุยก็รีบชิงกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส โปรดระงับความโกรธของท่าน ข้าจะทำตามที่ท่านกล่าว”

เฉินซีพยักหน้ารับ

มู่ขุยยังคงสนทนากับเฉินซีต่อ แรกเริ่มนั้นเขาเพียงต้องการทราบภูมิหลังของเฉินซี แต่เมื่อเขาเห็นอีกฝ่ายดูหมกมุ่นอยู่กับสิ่งอื่น เขาจึงขอตัวลาในทันที

เคหาแห่งนี้ถูกเฉินซียึดครอง แต่มู่ขุยไม่ได้คิดถึงสิ่งใดอีก เพราะเขายังคงซาบซึ้งที่เฉินซีไม่ได้ลงมือฆ่าเขา

“ฮู่!”

เฉินซีนั่งลงบนเบาะรองนั่งแล้วถอนหายใจ ปราณวิญญาณอันบริสุทธิ์และหนาแน่นที่หลั่งไหลออกมาจากเส้นชีพจรวิญญาณชั้นยอดที่อยู่เบื้องล่าง ทำให้เขาไม่อาจผ่อนลมหายใจได้อย่างสบาย

“ที่แห่งนี่นับว่าไม่เลวนัก” จี้อวี๋ที่อุ้มลูกปี่เซียะไว้ในอ้อมแขนปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ

เฉินซีคุ้นเคยกับการที่จี้อวี๋หายไปหายมาดั่งภูตพราย และเขารู้ดีว่า จี้อวี๋มักจะปรากฏกายออกมาเมื่อไม่มีผู้คนโดยรอบ

“โฮก!”

ดวงตาของปี่เซียะมีสีขาวเหมือนเกล็ดหิมะ ตัวของมันมีขนาดเท่ากำปั้นเล็ก ๆ มันคำรามไปยังเฉินซีที่นั่งสมาธิอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันสังเกตเห็นเศษเสี้ยวของเส้นชีพจรวิญญาณชั้นยอด

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กมีรูปลักษณ์น่าเอ็นดูและต้องการโอบกอดมัน แต่เขากลับถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาดจากจี้อวี๋ “ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้ายังคงไม่เพียงพอที่จะปราบไป๋คุย และอาจปล่อยให้มันหลบหนีไปได้”

“ไป๋คุย?” เฉินซีตกตะลึง

“ถูกต้อง มันมีนามว่าไป๋คุย มันเกิดมาพร้อมร่างวิญญาณและมีสติปัญญาล้ำเลิศ แต่ในฐานะสัตว์มงคลที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มันจึงไม่อาจแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ตลอดชีวิต”

ชายชรากล่าวต่อว่า “นี่คือเต๋าแห่งสวรรค์ ซึ่งจะตัดทอนผู้ที่มีมากเกินไป และส่งเสริมผู้ที่ขาดแคลน หากปี่เซียะสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์และฝึกฝนโดยอาศัยโชคที่ติดตัวมา ไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายเป็นตัวตนไร้เทียมทาน ซึ่งส่งผลร้ายต่อสมดุลของทั้งสามโลก”

“ตัดทอนผู้ที่มีมากเกินไปและส่งเสริมผู้ที่ขาดแคลน?” เฉินซีสับสนยิ่งนัก เต๋าแห่งสวรรค์นั้นลึกซึ้งและเข้าถึงได้ยาก แล้วตัวเขาจะเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในเต๋าแห่งสวรรค์ด้วยทัศนวิสัยในปัจจุบันได้อย่างไร?

“เจ้าวางแผนที่จะทำสิ่งใดต่อ? หรือจะรั้งอยู่ที่นี่ตลอดไป?” จี้อวี๋เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ท่าทีของเฉินซีดูจริงจังมากขึ้น ยามที่เขาพยักหน้ารับและกล่าวว่า “ขอรับ ข้าได้ยินจากมู่ขุยมาว่า ราชาสัตว์อสูรทั้งเจ็ดมีกองกำลังอันน่าสะพรึงกลัวอยู่ใต้อาณัติของพวกมัน อีกทั้งยังครอบครองพื้นที่ส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ ที่เป็นเหมือนกำแพงที่คอยปกปักรักษาและมิอาจข้ามผ่านไปยังโลกภายนอก ดังนั้นข้าอยากจะอยู่ที่นี่ชั่วคราวและค่อยจากไปเมื่อการบ่มเพาะของข้าได้บรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลแล้ว”

ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาพูดคุยกัน มู่ขุยต้องการทราบถึงตัวตนของเฉินซี แต่เฉินซีได้เปลี่ยนหัวข้อด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ และทำให้มู่ขุยยอมเปิดเผยความลับต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ชายหนุ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่แถบนี้ได้ดีขึ้น

เทือกเขาป่าเถื่อนตอนใต้มีอาณาเขตสองพันห้าร้อยลี้ และพื้นที่ศูนย์กลางครอบคลุมถึงหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบลี้

สัตว์อสูรเตร็ดเตร่ไปมาอย่างอิสระและอาละวาดทำลายล้างในพื้นที่ศูนย์กลางนี้ บรรดาสัตว์อสูรเหล่านี้มีราชาสัตว์อสูรทั้งเจ็ดที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ

วิชากระบี่นี้รวดเร็วราวกับสายฟ้า และเป็นดั่งสายลมที่เสียดทะลุไปยังสวรรค์และโลก เมื่อกระบี่ฟาดฟันออกไปก็เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำด้วยความเกรี้ยวกราด และกวาดล้างอุปสรรคที่กีดขวาง ยามที่มันถูกใช้เพื่อปัดป้อง แม้แต่สายลมก็ไม่อาจเล็ดลอด…

และเมื่อเคล็ดวิชากระบี่ได้รับการบ่มเพาะจนถึงขั้นสูงสุด ยามที่วาดกระบี่ก็ว่องไวราวกับลมแรง อ่อนโยนดั่งสายลม รุนแรงดุจพายุ และแหลมคมประหนึ่งลมกระโชก การพลิกแพลงของเคล็ดวิชากระบี่ทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจปัดป้องมันได้

ตามลักษณะของวิชากระบี่วาตะลอยละล่อง แบ่งออกเป็นหกกระบวนท่า อันได้แก่ เงาวายุพริบตา สายฝนโปรยปราย วายุทมิฬ วารีคลั่ง ทลายคลื่นวายุ และวายุทลายสุญญะ

“ช่างน่าสะพรึงกลัว! สี่กระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชากระบี่หยั่งรู้วาตะลอยละล่องอยู่ที่ระดับเอกภาพ และไม่น่าเชื่อว่ากระบวนท่าทลายคลื่นวายุและวายุทลายสุญญะต่างก็ครอบครองแก่นอันลึกซึ้งของเต๋าอีกด้วย!”

ดวงตาของเฉินซีก็ส่องประกายความยินดีขณะที่เขากำลังอ่านแผ่นหยก

อย่างที่ผู้คนทราบ ระดับของเคล็ดวิชาถูกแบ่งออกเป็นขั้นพื้นฐาน ขั้นสูง และขั้นเอกภาพ ในขณะที่เหนือกว่านั้นคือเต๋าแห่งการรู้แจ้ง

เมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชากระบี่ วิชาดาบ วิชาหอก วิชาลูกเตะ วิชาหมัด หรือแม้แต่การจัดดอกไม้ การวาดภาพ ดนตรี และทักษะอื่น ๆ ผู้ที่บ่มเพาะถึงขั้นมหาเต๋าล้วนเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้ดี ยามเมื่อใช้เคล็ดวิชา อานุภาพของเคล็ดวิชานั้นจะแข็งแกร่งกว่าขั้นเอกภาพมากกว่าหนึ่งร้อยเท่า แม้ว่าทั้งสองจะห่างกันเพียงขั้นเดียว แต่ความแตกต่างนั้นยิ่งใหญ่ราวกับสวรรค์และโลก!

เช่นเดียวกับเคล็ดวิชากระบี่ เมื่อเข้าใจในเต๋าแห่งการรู้แจ้ง จะสามารถควบแน่นญาณกระบี่และพลังของเคล็ดวิชากระบี่จะแตกต่างจากเคล็ดวิชากระบี่ทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด

“เต๋าแห่งการรู้แจ้ง! วิชากระบี่หยั่งรู้วาตะลอยละล่องนี้นับเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่ง ผู้อาวุโสจี้อวี๋ช่างดีกับข้านัก…” เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก และรีบระงับความตื่นเต้นที่ก่อขึ้นในใจเขา ก่อนที่จะเหลือบมองดูแผ่นหยกแผ่นต่อไป

เคล็ดวิชาตัวเบา เคล็ดวิชาวาตะเหินทะยาน ใช้กระแสลมเป็นดั่งปีกเพื่อท่องไปท่ามกลางสวรรค์ทั้งเก้า!

เคล็ดวาตะเหินทะยานนี้ก็มีความลึกซึ้งอย่างไร้ขอบเขตเช่นกัน หลังจากพานพบกับเรื่องน่ายินดีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินซีก็รู้สึกด้านชา เมื่อเขาเห็นเคล็ดวิชาตัวเบาที่ล้ำลึกและสามารถทำให้ผู้บ่มเพาะเหินบินไปยังหมู่เมฆและสายหมอก ท่องทะยานไปบนท้องฟ้าอย่างอิสระ เขาก็ยิ่งไม่อาจห้ามตัวเองจากการยินดี จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งเขาถึงสงบใจลงได้บ้าง

เทพมายา สะท้านทวยเทพ สังหารเทวา แผ่นหยกสามแผ่นนี้บันทึกเคล็ดวิชาการโจมตีด้วยจิตวิญญาณ นอกจากนี้ ตามการคาดเดาของเฉินซี แผ่นหยกทั้งสามนี้ย่อมเกี่ยวข้องกัน เริ่มจากเคล็ดวิชาเทพมายาที่ระดับต่ำสุดไปจนถึงสังหารเทวาที่อยู่ระดับสูงสุด

ในทำนองเดียวกัน เคล็ดวิชาการโจมตีจิตวิญญาณทั้งสามนี้ เป็นเคล็ดวิชาที่เฉินซีต้องการอย่างยิ่ง เท่าที่เขาทราบมาเคล็ดวิชาจินตภาพเพื่อบ่มเพาะวิญญาณนั้นหายากมาก แม้ว่าเคล็ดวิชาโจมตีด้วยจิตวิญญาณเหล่านี้จะไม่อาจมีค่าเทียบเคียงเคล็ดวิชาจินตภาพ แต่พวกมันก็ยังล้ำค่ายิ่งนัก อีกทั้งยังมีอานุภาพที่ไม่ธรรมดา

เมื่อเฉินซีเหลือบมองลงไปยังแผ่นหยกแผ่นสุดท้าย เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง สิ่งนี้คือเคล็ดวิชารัศมีไร้ร่องรอย?

เป็นไปได้ไหมว่ามันเป็นเคล็ดวิชาที่ใช้ประโยชน์จากปราณแท้?

เฉินซีหยิบมันขึ้นมาและอ่านมันอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็รู้สึกชาดิก หลังจากถูกคลื่นแห่งความประหลาดใจซัดใส่ และทำให้หัวใจของเขาพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]