บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 660

บทที่ 660 ฝ่ามือพิภพอัคคี

บทที่ 660 ฝ่ามือพิภพอัคคี

ฝ่ามือที่บดบังไปทั้งท้องฟ้า จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นออกมาจากอากาศ!

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง มันเหมือนกับอสูรผู้ยิ่งใหญ่ได้จุติลงมายังโลก เมฆดำทะมึนต่างม้วนตัวและเปล่งแสงอสูรอันไร้ขอบเขตออกมา แรงกดดันและกลิ่นอายอันกว้างใหญ่ที่แผ่ซ่านออกมานั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

ครืนน!

เมื่อถูกสิ่งนี้ขัดขวางเอาไว้ ทำให้การโจมตีของเฉินซีมุ่งเป้าไปที่ฝ่ามือนี้แทน และมันเหมือนกับภูเขาไฟสองลูกปะทะกัน จึงทำให้เสียงดังกึกก้องที่สั่นสะท้านไปทั้งฟ้าดิน พร้อมกับเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างท่วมท้น

คลื่นกระแทกได้กวาดออกไปยังบริเวณโดยรอบ ทำให้พื้นดินและหินแตกเป็นเสี่ยง ๆ ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างหลบหนีเอาตัวรอด และพวกเขาต่างเผยสีหน้าอึ้งงันออกมา

“ฮ่า ๆๆ! วิเศษ! ไม่นึกเลยว่านิกายกระบี่เก้าเรืองรองจะมีคนเช่นเจ้าอยู่ เฉินซี เจ้าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นยอดที่หาได้ยากจริง ๆ ข้าจะประมือกับเจ้า เมื่อเราพบกันในครั้งหน้า!”

เสียงหัวเราะที่ดังออกมาราวกับเสียงคำรามของมังกร ซึ่งสั่นสะเทือนบริเวณโดยรอบ พร้อมกับแผ่กลิ่นอายที่หยิ่งยโสและอหังการอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมา

หลังจากนั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นร่างสูงสง่าที่พุ่งทะยานออกมาพร้อมกับประคองลำแสงสีดำสนิทเอาไว้ในมือ ขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย

“ฉิวจวินแห่งนิกายอสูรวสันต์ยมโลก! ”

“ไม่นึกเลยว่าผู้ลงมือจะเป็นเขา เขาช่างคู่ควรกับตำแหน่งศิษย์ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายอสูร ซึ่งครอบครองร่างมารพันเฉือน ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็เผยให้เห็นถึงพลังอหังการที่ไร้ขอบเขตเช่นนี้”

“ฉิวจวิน? หรือว่าเป็นเขาที่สั่งให้รัตติกาลไปลอบสังหารเฉินซี”

เมื่อจดจำฉิวจวินได้ พวกเขาต่างก็ตกตะลึงในใจ เพราะคนผู้นี้คือผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แข็งแกร่งของนิกายอสูร ซึ่งเป็นเหมือนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ายามเที่ยง และเขาก็ปรากฏตัวที่นี่จริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มควันบนท้องฟ้าในเวลานี้ได้กระจายตัวออกไป และร่างสูงโปร่งของเฉินซีก็ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคนอีกครั้ง

“ที่แท้ มือสังหารและชายคนนั้นคือพวกเดียวกัน แต่เหตุใดพวกมันถึงต้องการเป็นศัตรูกับข้า? เป้าหมายของพวกมันไม่มีทางที่จะเป็นเพียงชิ้นส่วนมหาเต๋า เพราะก่อนที่ข้าจะมาถึงเหวเงาทมิฬ รัตติกาลได้พยายามลอบสังหารข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง และในตอนนั้นข้าก็ยังไม่ได้ชิ้นส่วนมหาเต๋าเลยสักชิ้น…”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วขณะมองไปยังทิศทางที่ฉิวจวินหายตัวไป ซึ่งตัวเขาเองก็รู้ดีว่า แม้จะไล่ตามไปตอนนี้ แต่ตนเองก็คงไม่อาจตามทัน

“หึ! นี่เจ้าคิดจะหลบหนีเช่นกันหรือ?” ทันใดนั้น เฉินซีก็หันหลังกลับมาและจ้องเขม็งไปยังเฟิงเจี้ยนไป๋ที่อยู่ด้านข้าง คนผู้นี้ตั้งใจที่จะใช้ฉวยโอกาสนี้เพื่อหลบหนี และเมื่อชายหนุ่มเห็นสิ่งนี้เข้า เขาก็ฟันกระบี่ออกไปโดยตรง ทำให้ฝนเลือดสาดกระจายไปทั่วฟ้า และปลิดชีวิตของอีกฝ่ายจนสิ้น

หลังจากนั้น เฉินซีก็กวาดสายตาไปโดยรอบ ทว่าท่ามกลางบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์นับร้อยคนจากกองกำลังต่าง ๆ กลับไม่มีสักคนที่กล้าสบสายตากับเขา

เห็นได้ชัดว่า จิตใจของคนเหล่านี้ถูกสะกดด้วยพลังอันอหังการของเขาแล้ว และอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในตอนนี้

หลังจากนั้นไม่นาน สายตาของเฉินซีก็จดจ้องไปยังพื้นที่เบื้องหน้าภูเขาลูกยักษ์

ณ ที่แห่งนั้น หลงเจิ้นเป่ยกับอันเวยถูกขังอยู่ในกรงแปดเซียนจำแลง ส่วนบนโขดหินที่ด้านข้างของพวกเขาก็มีร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ หลังของคนผู้นี้ตั้งตรงดุจหอก ไหล่ของเขากว้าง เขายังคงอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อนเหมือนภูเขา และดูเหมือนตัวคนจะหลอมรวมเข้ากับฟ้าดิน ซึ่งกลิ่นอายที่เขาแผ่ออกมาก็มีเอกลักษณ์และทรงพลังอย่างแท้จริง!

ฟุ่บ!

เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของเฉินซี จู่ ๆ ร่างนั้นก็ลืมตาขึ้น มันสว่างวาบด้วยประกายไฟที่ลุกโชนซึ่งรวมตัวกันและสร้างปรากฏการณ์แปลกประหลาดออกมามากมาย

“เยี่ยนสือซาน?” เฉินซีเพ่งสายตามอง และเห็นว่าคนผู้นี้มีร่างกายที่พิเศษ ซึ่งดูราวกับว่ามันสร้างขึ้นมาจากหยกเพลิง ทำให้เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าที่ควบคุมธาตุไฟโดยกำเนิดและมีแรงกดดันเป็นอย่างมาก

นี่คือกายาดาราเพลิง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีมาแต่กำเนิด ว่ากันว่า บุคคลที่มีร่างกายนี้ตั้งแต่กำเนิดจะสามารถหยั่งรู้มหาเต๋าแห่งอัคคี และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเปลวเพลิงในฟ้าดิน เมื่อบ่มเพาะจนถึงระดับสูง ผู้ครอบครองร่างกายนี้ก็ยังสามารถสื่อสารกับปราณไฟในธรรมชาติเพื่อหยิบยืมพลังมาใช้ได้ และมันก็ทรงพลังอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้

เห็นได้ชัดว่า ผู้มีร่างกายเช่นนี้ย่อมเป็นผู้บ่มเพาะอัจฉริยะจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ซึ่งเป็นคนบ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของสิบนิกายเซียนอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังปรารถนาการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว” เยี่ยนสือซานลุกยืนขึ้น เขามีร่างที่สูงโปร่งและมีใบหน้าที่หล่อเหลา ทุกย่างก้าวของคนผู้นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เย่อหยิ่งและอหังการ ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน

บางคนสามารถทำให้คนอื่นประทับใจได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนพิเศษและจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในไม่ช้าก็เร็ว เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนสือซานก็เป็นคนเช่นนั้น

“ความแข็งแกร่งของเจ้าก่อนหน้านี้ เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าแล้ว ซึ่งในตอนนี้ ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ เจ้าก็สามารถพาสองคนนี้ออกไปได้อย่างอิสระ หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็จงทิ้งชีวิตไว้ซะ!” เขาชี้ไปที่อันเวยกับหลงเจิ้นเป่ยที่ติดอยู่ในกรงแปดเซียนจำแลง

ในขณะที่กล่าว เยี่ยนสือซานก็ยืดหลังตรง ทันใดนั้น ตัวคนดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคน ผมยาวของเขาพลิ้วไหว ในขณะที่ดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเขาก็ดูเหมือนสายฟ้าอันร้อนแรง ร่างกายที่ผอมสูงและสง่างามของเขาท่วมท้นไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ตัวคนเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่แผดเผา เอาแต่ใจ เย่อหยิ่งและอหังการอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้

นี่คือเยี่ยนสือซาน ผู้คลั่งไคล้การต่อสู้เหมือนคนบ้า นอกจากการต่อสู้แล้ว ไม่มีอะไรในโลกที่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้ โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ชายหนุ่มจะดูเหมือนกับได้รับสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก และท่าทางของเขาจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“เขาแข็งแกร่งจริง ๆ ข้าได้ยินมาว่าเยี่ยนสือซานได้บรรลุพลังต่อสู้ถึงหกเท่าเมื่อนานมาแล้ว และเขายังครอบครองสมบัติล้ำค่า …เขานับเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ศิษย์ของนิกายวิถีกระแสสวรรค์เลยทีเดียว”

“จริงแท้แน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ประสบการณ์การต่อสู้ของเขานั้นโชกโชนเป็นอย่างมาก เพราะเขาผ่านการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมมานับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ได้”

“เฉินซีควรภูมิใจที่ได้รับเลือกให้เป็นคู่ต่อสู้ของคนบ้าที่มีชื่อเสียงก้องโลกคนนี้ เพราะคนธรรมดาทั่วไปคงมิอาจจะอยู่ในสายตาของเยี่ยนสือซานได้”

“คิดจะดิ้นรนหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก!” เยี่ยนสือซานตะโกน

โอม!

ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง นิ้วทั้งห้าของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างดุเดือด ทุกนิ้วถูกขดเป็นวงด้วยเปลวไฟและลุกวาบด้วยหินหลอมเหลวหรือเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งดูเหมือนเสาศักดิ์สิทธิ์ห้าต้นที่ทั้งหนาและใหญ่ ฝ่ามือกดลงมาอย่างดุเดือด ก่อนจะค่อย ๆ หุบลง โดยหมายจะกักขังชายหนุ่มเอาไว้

ปีกกำราบผกผันของเฉินซีกระพืออย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากระโจนไปมา แต่มือขนาดมหึมาก็ขยายออกและไล่ตามเหมือนเงาตามติด อีกทั้งยังพยายามคุกคามชายหนุ่มตลอดเวลา ราวกับมันต้องการกักขังสิ่งรอบข้างและเปลี่ยนให้เป็นโลกแห่งเปลวเพลิง

ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นที่ระหว่างนิ้วของฝ่ามือ และพวกมันก็ส่งเสียงดังกึกก้องขณะที่เปลวไฟลุกโชน จากนั้นเปลวไฟที่ว่าก็โหมกระหน่ำและพุ่งไปรอบ ๆ นิ้วมหึมาทั้งห้า ทำให้พวกมันดูเหมือนปราศจากการควบคุมและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ไหนเลยที่ทุกคนจะเคยเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวมาก่อนในชีวิต?

โลกแห่งเปลวเพลิงอันกว้างใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นภายในฝ่ามือนั้น เป็นสิ่งที่ยากจะบรรลุเกินจินตนาการของศาสตร์เต๋า!

ตู้ม!

กระบี่เปื้อนเลือดของเฉินซีพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันระเบิดจิตสังหารและอาบไปด้วยเจตจำนงกระบี่ที่กลายเป็นตัวอักษร ‘乂’ นับไม่ถ้วน ซึ่งหมายจะทำลายโลกแห่งเปลวเพลิงในฝ่ามือ เพื่อที่จะหลบหนีออกไป

อย่างไรก็ตาม เยี่ยนสือซานก็แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เพราะหลังจากทุ่มเทบ่มเพาะฝ่ามือพิภพอัคคีซึ่งเป็นศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดมาอย่างยาวนาน และในที่สุดเจ้าตัวก็บรรลุถึงระดับสมบูรณ์แล้ว!

และทันใดนั้น นิ้วยักษ์ทั้งห้าที่เป็นเหมือนกับเสาศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเปลวเพลิงปกคลุม จู่ ๆ ก็รวบเข้าหากัน และระเบิดกระแสเปลวเพลิงออกมา มันไม่เพียงทำลายการโจมตีทั้งหมดของเฉินซีเท่านั้น แต่พวกมันยังกลืนกินอีกฝ่ายท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้องทันที!

“เจ้าสามารถใช้พลังต่อสู้ได้เพียงห้าเท่า แต่กลับกล้าอวดดีต่อหน้าพลังต่อสู้เจ็ดเท่าของข้า ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังฝึกฝนฝ่ามือพิภพอัคคีมานานกว่าสามสิบปี ถึงแม้เจ้าจะรู้ศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดมากมาย แต่ก็ไม่มีศาสตร์ใดที่บรรลุถึงระดับสมบูรณ์ แล้วเจ้าจะสู้ข้าได้อย่างไร?”

“จงถูกหลอมไปซะดี ๆ!” เยี่ยนสือซานตะโกนออกมา ขณะที่เปลวไฟรอบกายเขาก็ยิ่งโหมกระหน่ำ เขาในยามนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิง เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมาจากนิ้วทั้งห้า ก่อนจะพุ่งตรงไปยังเฉินซีที่อยู่ตรงกลางฝ่ามือ โดยหมายจะเปลี่ยนให้ชายหนุ่มกลายเป็นเถ้าถ่าน

ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงสิ่งอื่น เพียงแค่พลังมหาศาลของศาสตร์เต๋าก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจ และถ้าเป็นพวกเขาที่ติดอยู่ในกำมือนี้ พวกเขาก็จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังไม่เหลือแม้แต่เศษซาก

ทว่าสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าสำหรับพวกเขาก็คือ เฉินซีที่ทำลายอุปสรรคและเข่นฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า ราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามที่อยู่ยงคงกระพัน กลับถูกสยบทันทีที่เขาเริ่มต่อสู้กับเยี่ยนสือซาน!

สิ่งนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน

“เฉินซี!” ภายในกรงแปดเซียนจำแลง อันเวยและหลงเจิ้นเป่ยอุทานด้วยความตกใจอย่างพร้อมเพรียงกัน และพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าเฉินซีจะถูกเยี่ยนสือซานสยบอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจของคนทั้งคู่เต้นไม่เป็นจังหวะ ซึ่งผสมผสานไปด้วยความรู้สึกเดือดดาลและความกังวล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]