บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 662

บทที่ 662 เงาของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ

บทที่ 662 เงาของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ

เยี่ยนสือซานเป็นคนบ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในนิกายวิถีกระแสสวรรค์ เขาปรารถนาการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังมีพลังที่น่าเกรงขามอย่างไม่มีใครเทียบได้ ทำให้ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว แต่ตอนนี้เขาได้พบคู่ต่อสู้ของเขาแล้ว!

บนท้องฟ้า ศาสตร์เต๋าแขนงต่าง ๆ ที่สั่นสะเทือนสวรรค์และโลก ทะยานข้ามเหนือฟากฟ้าไปมา ระเบิดส่องประกายระยิบระยับออกมา ขณะที่ร่างทั้งสองเป็นราวกับมังกรสองตัวพุ่งรบกันไปมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่อสู้กันอย่างกล้าหาญและรุนแรง จากท้องฟ้าสู่พื้นดิน ก่อนที่จะกลับเข้าสู่กลีบเมฆ

การต่อสู้ในครั้งนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ของผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาระดับสูงสุด ซึ่งทำให้ทุกคนในอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬตื่นตระหนกยิ่ง!

ฟุ่บ! ขวับ!

ณ ที่ไกลมากจนแทบจะสุดขอบสนามรบ จู่ ๆ ร่างของชายและหญิงสองร่างก็ปรากฏขึ้น

“ไม่เคยคิดมาก่อนว่าในบรรดาชนพื้นเมืองของทั้งสามภพจะมีคนหนุ่มระดับนี้อยู่ด้วย” ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังที่ไกล ๆ ด้วยสายตาที่ตื่นเต้นและกระหายเลือด

เขามีรูปร่างสูง ผมด้านหลังศีรษะพลิ้วสยาย เขาสวมเสื้อคลุมสีทองที่ปักด้วยลวดลายแปลกประหลาดมากมาย ซึ่งดูเหมือนปีศาจแต่กลับไม่ใช่ปีศาจ ดูราวกับภูตผีแต่ก็ไม่ใช่ภูตผี ก่อเป็นลวดลายที่น่าสะพรึงกลัว น่าสยดสยอง และลึกลับอย่างมาก

เขาเป็นบุคคลลึกลับที่มีนามว่า เสวียนเฉิน

“เสวียนขุย เจ้าบอกว่าหากข้าเปลี่ยนมันทั้งสองให้เป็นโอสถวิญญาณโลหิต แล้วกลืนเข้าไป รสชาติของมันจะวิเศษมากใช่หรือไม่?” เสวียนเฉินแลบลิ้นสีแดงออกมาเลียริมฝีปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด

“ข้าได้ใช้เคล็ดวิชาสังเวยเหมันต์ดับแสง เพื่อคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่า ดินแดนรังสรรค์กระบี่จะปรากฏขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสามวัน และดินแดนรังสรรค์กระบี่นี้ก็นับเป็นหนึ่งในปราการที่ปกป้องด่านแห่งความลึกล้ำอยู่ ถ้าเราต้องการเข้าไปในนั้น เราจะต้องไปถึงดินแดนรังสรรค์กระบี่ให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น หากชาวพื้นเมืองจากสามภพได้รับวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นไปก่อน เจ้ากับข้าก็จะไม่อาจรายงานความสำเร็จของภารกิจให้แก่นายเหนือหัวได้”

เสวียนขุยขมวดคิ้วขณะที่นางกล่าว ความงดงามของนางนั้นมิอาจหาที่เปรียบได้ นางเองก็สวมชุดคลุมสีทองเช่นเดียวกัน ต้นขาที่เรียวและอวบของนางยาวกว่าผู้หญิงทั่วไปมาก มันจึงทำให้นางดูเพรียวบาง สง่างาม และสวยงามมากขึ้นไปอีก

“ดังนั้นข้าแนะนำอย่าทำเช่นนั้นจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนของเรา”

“น่าผิดหวัง! น่าผิดหวังจริง ๆ!” เสวียนเฉินถอนหายใจเฮือกใหญ่และรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่ความโหดเหี้ยมและดุร้ายในแววตาของเขากลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“หืม การแต่งตัวของสองคนนั้นดูแปลกเสียจริง” ชั่วพริบตาต่อมา ผู้บ่มเพาะกลุ่มหนึ่งที่กำลังตรงมาจากที่ไกล ๆ ก็เป็นต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นเสวียนเฉินและเสวียนขุย

“เป็นแค่ชาวพื้นเมืองชาวบ้านตัวเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งกล้าชี้นิ้วมาที่ข้าอย่างนั้นรึ? ตายเสียเถอะ!”

ดวงตาของเสวียนเฉินฉายแสงสีเลือดวาบขึ้น ขณะยื่นมือออกไป ทันใดนั้นลำแสงพร่างพรายก็แผ่กระจายออกมาและพุ่งไปปกคลุมกลุ่มคนเหล่านั้นเอาไว้

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ก่อนที่คนกลุ่มนั้นจะทันได้ตอบโต้ ร่างของพวกเขาก็ระเบิดออก กลายเป็นม่านหมอกสีเลือดหนาทึบ โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องเลย

ฟิ้ว!

เสวียนเฉินยื่นมือออกไปคว้าอีกครั้ง ชั่วอึดใจถัดมา หมอกเลือดก็ควบแน่นเป็นเม็ดเลือดทรงกลมเล็ก ๆ จำนวนมากอย่างรวดเร็ว และตกไปอยู่ในมือของเขา จากนั้นก็ถูกเจ้าตัวกลืนเข้าไปภายในอึกเดียว

“อืม น่าเสียดายที่โอสถวิญญาณโลหิตขอบเขตสถิตกายานี้รสชาติเข้มข้นไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย” เสวียนเฉินถอนหายใจด้วยความสบายใจขณะเคี้ยวโอสถไปด้วย ดวงตาสีเลือดที่ทอแสงแหลมคมเช่นเดียวกับฟัน รวมกับเลือดที่ไหลลงมาจากมุมปากของเขา ทำให้คนคนนี้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

“ไปกันเถอะ!” เสวียนขุยขมวดคิ้ว มองคนบ้ากระหายเลือด ก่อนจะหันหลังและจากไป

“อืม ข้าลืมเหลือไว้เผื่อให้เจ้าได้ลิ้มลองไปเลย เมื่อออกมาจากด่านแห่งความลึกล้ำแล้ว ไว้ข้าจะเปลี่ยนผู้บ่มเพาะที่นี่ทั้งหมดเป็นโอสถวิญญาณโลหิตให้เจ้าได้ลองบ้าง เอาแบบนี้เป็นอย่างไร?” เสวียนเฉินส่ายหัวและหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาตามนางไป

ในชั่วพริบตา ทั้งสองคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าจะสามารถต่อกรกับข้าได้นานขนาดนี้ เจ้าเป็นคนยอดเยี่ยมที่หาได้ยากจริง ๆ แต่ยิ่งเจ้าทำเช่นนี้ ข้ายิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เพราะการสังหารอัจฉริยะ ย่อมดีกว่าสังหารพวกขยะทิ้งเสียอีก! เฉินซี เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”

บนท้องฟ้า เยี่ยนสือซานเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เปลวไฟลุกโชนขึ้นจากร่างกายของเขา ตัวคนก้าวไปข้างหน้าดุจเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิง เขาดูดุดันยิ่ง ดวงดาว ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์โคจรขึ้นรอบในฝ่ามือขณะที่พุ่งเข้าใส่เฉินซี

ทุกคนตกตะลึง ความสามารถในการคุมจักรวาลเอาไว้ในมือของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวและทรงพลังจริง ๆ ถึงกับสร้างดวงอาทิตย์ ดวงดาว และดวงจันทร์ขึ้นมาได้เลยเชียวหรือ!?

สุริยัน จันทรา ดาราจำนวนมากมายลุกโชนดุจเปลวเพลิงปรากฏอยู่บนท้องฟ้า สร้างร่มเงาปกคลุมโลก ทำให้ท้องฟ้าดูราวกับทะเลเพลิงดารา

ตู้ม!

ความว่างเปล่าแตกเป็นเสี่ยง ๆ ฝ่ามือของเยี่ยนสือซานที่บรรจุจักรวาลเอาไว้และแปรสภาพกลายเป็นดวงดาวนี้น่ากลัวเกินไป ราวกับพายุที่พัดพาคลื่นปั่นป่วนซัดเข้าหาฝั่ง ด้วยพลังที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้!

“นั่นอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป คนที่ตายในวันนี้อาจเป็นเจ้า… เยี่ยนสือซาน!”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบยิ่ง ปีกกำราบผกผันกระพือและพาเขาพุ่งไปข้างหน้าเพื่อรับการโจมตีของอีกฝ่าย

การโจมตีของชายหนุ่มไม่มีแสงระยิบระยับหรือดวงดาวพุ่งพาดผ่านท้องฟ้าแต่อย่างใด ทว่ามันกลับมีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่เขย่าดวงดาว ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์เหล่านั้นจนแตกสลายไปทีละดวง สร้างปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวราวกับมันคือการดับสูญของจักรวาล

แม้ว่าดวงดาวเหล่านั้นจะแฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้าง แต่ก็ยังถูกเฉินซีกำจัดด้วยศาสตร์เต๋า ทำให้พลังที่ชายหนุ่มใช้ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า ตะวัน จันทรา และดาราทั้งหมดที่เยี่ยนสือซานสร้างขึ้นได้ถูกทำลายและระเบิดอย่างต่อเนื่อง

ชายหนุ่มซัดหมัดของเขาออกมาไม่หยุด ขณะตรงไปข้างหน้าและเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

แม้ว่าพลังต่อสู้ของเขาจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายถึงสองเท่า แต่แดนฮุ่นตุ้นของเขานั้นแข็งแกร่งและกว้างใหญ่ยิ่งกว่า เมื่อรวมกับต้นอ่อนเงาทมิฬ พลังที่อยู่ทั่วทั้งร่างกายและปราณแท้ของชายหนุ่มจึงมักจะอยู่ในสภาวะสูงสุดตลอดเวลา

แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเยี่ยนสือซานแบบตัวต่อตัว เขาก็ไม่กลัวเลย

ครืน!

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นกลับไม่สามารถหันไปสนใจเรื่องนี้ได้เลย พวกเขาทั้งหมดต่างเฝ้าดูการต่อสู้บนท้องฟ้าโดยไม่กะพริบตา ด้วยกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป

เพราะพวกเขารู้ว่า ผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนกำลังจะถูกตัดสินแล้ว! ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ใครจะไปสนใจเรื่องอื่นได้กัน?

ผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายที่กำลังจ้องมองชิ้นส่วนมหาเต๋าที่โผล่ออกมาด้วยความโลภอยู่รอบ ๆ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวในตอนนี้ เพราะหากพวกเขากลายเป็นเป้าหมายของคนทั้งหมด ชีวิตของพวกเขาก็จะตกอยู่ในความเสี่ยงทันที

เฉินซีกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย!

เมื่อมองไปยังชายหนุ่มผู้ถูกเยี่ยนสือซานไล่โจมตีคราแล้วคราเล่าอยู่บนท้องฟ้า ยังคงไอเป็นเลือดไม่หยุด หัวใจของหลงเจิ้นเป่ยกับอันเวยก็บีบรัดแน่นขึ้นทันที พวกเขาทั้งกระวนกระวาย วิตกกังวล กระสับกระส่าย และไม่สบายใจยิ่ง

เหตุใดมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกเขาแข็งแกร่งพอ ๆ กัน แล้วทำไมจู่ ๆ เฉินซีถึงได้ถูกกดดันจนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนี้?

พวกเขาไม่สามารถคาดเดาเหตุผลได้เลย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คนทั้งสองรู้สึกกังวลแทนเฉินซีมากขึ้น

เยี่ยนสือซานได้กล่าวด้วยความมั่นใจไว้ว่า ในครานี้เขาจะกำจัดเฉินซี กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากเฉินซีพ่ายแพ้ เขาจะต้องตายโดยไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน!

“พูดตามตรง ข้าทนไม่ได้ที่จะต้องฆ่าคู่ต่อสู้อย่างเจ้าทิ้งจริง ๆ ช่างน่าเสียดายนักที่เจ้าเป็นศัตรูของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ของข้า และประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปจนคิดที่จะแข่งขันกับปรมาจารย์ชิงและใต้เท้าปิงซื่อเทียน ข้าจึงทำได้เพียงฆ่าเจ้าเพื่อขจัดปัญหาในอนาคต!”

เยี่ยนสือซานตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด จิตสังหารพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ในขณะที่การเคลื่อนไหวของเจ้าตัวไม่ได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อย เขาแบกทะเลเพลิง คลื่นยักษ์ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ไว้แล้วตบไปที่ชายหนุ่มซ้ำ ๆ ด้วยความตั้งใจที่จะทำลายล้างอีกฝ่าย

เฉินซีถูกการโจมตีเหล่านี้ทำให้สะเทือนจนกระอักเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่ได้ถอยหนี จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชายหนุ่มไม่เคยอ่อนแอลง เขายังคงต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมด ซึ่งเผยให้เห็นความดื้อรั้นที่น่าตกตะลึง

“เจ้าก็เหมือนมดที่พยายามโค่นต้นไม้ยักษ์ การดิ้นรนนี้เปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง!”

ฝ่ามือที่ฟาดลงมาของเยี่ยนสือซานหนักราวกับมีภูเขานับแสนลูกกำลังกดทับลงมาจากด้านบน แรงดันมหาศาลส่งเสียงระเบิดดังกึกก้อง ส่งร่างของเฉินซีส่งลอยออกไปอีกครั้งราวกับว่าวที่ถูกตัดสาย จนพ่นเลือดออกมาเต็มปากอีกครา

ทุกคนตกตะลึงจนดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม ขณะจ้องไปที่สนามรบจนแทบลืมหายใจ ม่านของการต่อสู้ในครั้งนี้กำลังจะถูกปิดลง ความเป็นความตายกำลังจะเกิดขึ้นในอีกชั่วพริบตา!

ทว่าในเวลานี้เอง เยี่ยนสือซานก็สังเกตเห็นว่าในช่วงเวลาวิกฤตอย่างยิ่งนี้ เฉินซีกลับโบกมือและฉีกยิ้มน้อยขึ้นมาอย่างกะทันหัน

การกระทำนี้…ออกจะดูคุ้น ๆ อยู่สักหน่อย?

ฟุ่บ!

แสงสีเหลืองนวลจาง ๆ ที่ไหลออกมาผ่านช่องว่างขนาดเล็กพุ่งเข้าหาเฉินซีที่โบกมือเรียก มันคือชิ้นส่วนที่มีมหาเต๋าแห่งปฐพีแฝงอยู่

“ให้ตายเถอะ ไม่แปลกใจเลยที่สถานการณ์นี้จะดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด สหายผู้นี้ใช้วิธีการที่แม่นยำนี้เพื่อยึดชิ้นส่วนมหาเต๋าของพวกเราไปอีกแล้ว!” ลูกตาของทุกคนแทบจะถลนออกมาด้วยความตกตะลึงจนถึงขีดสุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]