ลมภูเขาโบกพัดเป็นเสียงหวีดหวิว ปราณอสูรหนาแน่นปะทุพุ่งสูงเสียดฟ้า!
‘เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?’
‘เวลาผ่านไปนานเหลือเกิน เหตุใดราชาวานรทมิฬถึงมาตอนนี้?’
‘พระเจ้า! มีราชาเหยี่ยวสายฟ้าด้วย…’
ที่ด้านข้างของเทือกเขาวงจันทรา มู่ขุยจ้องมองกองทัพสัตว์อสูร จากนั้นเขาก็เบนสายตามองไปที่ราชาวานรทมิฬกับราชาเหยี่ยวสายฟ้าที่ยืนอยู่บนอากาศ มันทำให้เขาหนาวไปถึงขั้วกระดูกและความหวาดกลัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ทำให้ทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
“ผู้อาวุโส… ผู้อาวุโสเฉินซี หายนะ… ภัยพิบัติใกล้เข้ามาแล้ว!” มู่ขุยที่หวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างกรีดร้องออกมา ขณะที่เขาพุ่งไปยังที่พำนักของเฉินซีอย่างเร่งร้อน ตอนนี้เขาทำได้เพียงมอบความหวังทั้งหมดให้กับเฉินซีแม้ว่าความหวังที่จะรอดนั้นน้อยนิดเหลือเกิน
ประตูที่พำนักถูกปิดอย่างแน่นหนา แต่มู่ขุยไม่สนใจมารยาทใด ๆ อีกต่อไปแล้ว เขาจึงผลักเปิดประตูและตะโกนอย่างกังวล “ผู้อาวุโสเฉินซี…” เสียงของเขาหยุดลงกลางคัน
ตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าที่พำนักนั้นว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของเฉินซีเลย…
ผู้อาวุโสเฉินซี… หรือว่าเขาจะหนีไปนานแล้ว?
มู่ขุยกลัวจนแทบสิ้นสติ ขาอ่อนพับลงบนพื้นด้วยเสียงดัง ใบหน้าของเขาซีดขาวขณะที่เขาพึมพำ “ถูกต้อง ผู้อาวุโสเฉินซีเป็นเพียงคนเดียว แต่เขาถูกห้อมล้อมด้วยราชาอสูรสองตนและกองทัพสัตว์อสูรอีกมากมาย นอกจากการหลบหนีจะยังมีทางรอดอื่นใดอีก?”
“เจ้าไม่ได้คิดที่จะหนีหรือ?”
“หนี? ใช่ ทำไมข้านึกไม่ถึง…?” มู่ขุยพูดครึ่งทางก่อนจะสะดุ้งตื่นจากความฝัน เขาจ้องมองไปยังร่างที่อยู่ข้างหน้าเขา ราวกับอีกฝ่ายปรากฏขึ้นจากอากาศและถามกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า “ผู้อาวุโส ท่านยังไม่จากไปหรือ?”
“ปล่อยให้ข้าจัดการเถิด แต่ถ้าเจ้าเห็นว่าท่าไม่ดี ก็ให้ออกไปโดยเร็วที่สุด” เฉินซีพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขากำลังฝึกฝนวิชารัศมีไร้ร่องรอย ซึ่งทำให้กลิ่นอายของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์และร่างของเขาก็โปร่งใส ดังนั้นมู่ขุยจึงไม่อาจสังเกตเห็นเขาได้
มู่ขุยสูดหายใจเข้าลึกแล้วกัดฟันพูด “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าจะติดตามท่านไปตลอดชีวิต!” แม้ว่าสีหน้าตอนนี้ของผู้พูดจะย่ำแย่เพราะความหวาดกลัว แต่มันกลับเผยให้เห็นถึงความแน่วแน่และตั้งใจ
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวเพราะเขาไม่เคยคิดว่ามู่ขุยจะพูดแบบนี้ แล้วชายหนุ่มก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที “ถ้าหลังจากนี้ข้าสั่งให้เจ้าหนีไป เจ้าก็จงรีบหนีไปซะ! ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ สิ่งนั้นสำคัญกว่าเรื่องอื่น!”
ขณะที่พูด เฉินซีก็ดึงกระเป๋าเก็บของและส่งไปให้มู่ขุย “มีทักษะการฝึกฝนปราณภายในของข้าอยู่ในนี้ รับไปสิ”
“ผู้อาวุโส…” มู่ขุยมองไปที่กระเป๋าเก็บของในมืออีกฝ่าย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง ความรู้สึกซาบซึ้งที่อธิบายไม่ได้เอ่อล้นออกมาจากหัวใจของเขา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เฉินซีก็ได้หายตัวไปจากตรงนั้นแล้ว
“ไม่ต้องกังวลผู้อาวุโส ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย!” ภายในที่พัก มู่ขุยพึมพำกับตัวเองและสีหน้าแน่วแน่ก็ปรากฏออกมาบนใบหน้าของเขา
…
“เขาออกมาแล้ว!”
“ผู้บ่มเพาะมนุษย์ออกมาแล้ว!”
เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นในฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ห่างไกล สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่จุดเดียวกันพร้อม ๆ กัน และที่นั่น ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินออกมาด้วยย่างก้าวสม่ำเสมอ
ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงผอม รูปลักษณ์ของเขาหล่อเหลา ทุกการเคลื่อนไหวดูผ่อนคลายและอยู่เหนือโลกมนุษย์ จึงทำให้เขาดูไม่ธรรมดา
“เจ้าคือเฉินซี?” บนอากาศ ราชาวานรทมิฬตะโกนถามด้วยเสียงดังกังวานราวกับฟ้าร้องทำให้สัตว์อสูรที่อยู่ใกล้เคียงตกใจจนร่างกายสั่นสะท้าน
“เจ้าคิดอย่างไร?” เฉินซีถามกลับอย่างเย็นชา ทว่าในใจของเขาเองก็รู้สึกตึงเครียดเช่นกัน ‘เหตุใดราชาเหยี่ยวสายฟ้าถึงมาด้วย?’
ราชาวานรทมิฬสวมชุดสีเขียวและผมสีขาว ส่วนราชาเหยี่ยวสายฟ้าสวมเสื้อคลุมสีม่วงและมีดวงตาที่เย็นชา ยามนี้ทั้งคู่กำลังยืนอยู่กลางอากาศ เขาจึงสังเกตเห็นทั้งสองคนทันทีที่ตนเองเดินออกจากที่พำนักและสามารถคาดเดาตัวตนของทั้งสองได้อย่างรวดเร็ว
ราชาสัตว์อสูรสองตนมีการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตตำหนักอินทนิล… ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะรับมือได้ยาก เฉินซีลอบระวังตัวมากขึ้น ขณะที่ญาณตระหนักรู้อันน่าเกรงขามของเขาก็แผ่ปกคลุมบริเวณโดยรอบ เวลานี้เขาไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย
“ฮึ่ม! เจ้าอยู่ในอาณาเขตของข้าแล้วยังกล้าเล่นลิ้นกับข้าอีกหรือ? เจ้าประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไปแล้ว จงดูซะว่านี่คืออะไร!” หยวนถงเยาะเย้ยก่อนยกมือขวาขึ้นและมีศีรษะปรากฏอยู่ในมือของเขา
ศีรษะนั้นกำลังแสดงสีหน้าบิดเบี้ยว ดูเหมือนว่าก่อนตายจะเขาเต็มไปด้วยอารมณ์เคียดแค้น และเมื่ออยู่ในมือของหยวนถงก็ยังคงมีเลือดหยดออกมา ซึ่งยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก
“สยงผี!” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ความประทับใจของเขาที่มีต่อสยงผีนั้นไม่ถือว่าดี แต่เขาชื่นชมความกล้าหาญและความตั้งใจที่จะแก้แค้นให้น้องชายของอีกฝ่ายอย่างมาก
ดังนั้น เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่โกรธแค้นและไม่เต็มใจบนใบหน้าของสยงผี เฉินซีจึงรู้สึกผิดและโกรธแค้นในใจเพราะตอนที่รับกระบี่ไผ่ทองคำนิลมานั้น เขาสัญญากับสยงผีว่าจะฆ่าราชาวานรทมิฬในวันหนึ่งและแก้แค้นให้น้องชายของสยงผี แต่ใครจะคาดคิดว่าสยงผีจะตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของราชาวานรทมิฬ?
บ้าที่สุด!
กระแสแห่งเจตนาฆ่าที่ร้อนแรงราวกับลาวาพุ่งปะทุขึ้นในหัวใจของเฉินซี และสีหน้าของเขาก็เย็นชาอย่างยิ่ง
ปัง!
ราชาวานรทมิฬระเบิดศีรษะของสยงผีแหลกคามือ เลือดสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า “ฮ่า ๆๆๆ! เจ้าโกรธอย่างนั้นหรือ? ช่วยไม่ได้หรอก ใครใช้ให้ไอ้โง่นี่โอหังถึงขนาดกล้าแอบวางแผนจะฆ่าข้า! ในเมื่อมันต่ำช้านัก ก็ควรลงไปอยู่ในนรกแบบเดียวกับน้องชายของมัน!”
“ราชาพูดถูก คนทรยศแบบนี้สมควรตาย!”
“สยงผีสมควรตาย มิเช่นนั้นราชาจะรักษาศักดิ์ศรีของเขาได้อย่างไร”
การได้รับบาดเจ็บจากการปะทะครั้งแรกต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากทำให้ราชาวานรทมิฬโกรธจนแทบคลั่ง แผลที่เอวของเขาหายเป็นปกติแทบจะในพริบตา!
‘อสูรตัวนี้ขัดเกลากายาเหมือนกัน!’
หลังจากการขัดเกลากายาถึงขอบเขตตำหนักอินทนิล ร่างกายและเลือดจะแข็งแกร่งขึ้นและช่วยให้สามารถฟื้นฟูแขนขาได้ หากใครต้องการฆ่าคู่ต่อสู้เช่นนั้น วิธีเดียวคือตัดคอหรือแทงทะลุหัวใจ!
“ตาย!” ปราณอสูรบนร่างของหยวนถงพวยพุ่งขึ้นและแรงกดดันที่เขาปลดปล่อยก็หนาแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นเงาดำขณะที่เขายกกระบองเหล็กหนักเกือบหมื่นจินในมือขึ้น ก่อนที่จะทุบไปที่เฉินซีอีกครั้ง!
เฉินซีตวัดกระบี่ไผ่ทองคำนิลในมือขึ้นต้านรับ
เคร้ง!
เสียงดังกึกก้องกระจายไปทั่วทุกทิศ เฉินซีกระเด็นถอยไปด้านหลังหลายจั้ง โชคดีที่เขาอยู่กลางอากาศจึงทำให้เขาสามารถสลายพลังโจมตีของอีกฝ่ายไปได้มากกว่าครึ่ง ทว่ามือของเขาก็ยังชาดิกเพราะแรงปะทะ
‘ความแข็งแกร่งของร่างกายขอบเขตตำหนักอินทนิลนั้นน่ากลัวอย่างที่คาดไว้ หากข้าสำเร็จเพียงการขัดเกลากายาอย่างเดียว มันคงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะเอาชนะราชาอสูรตนนี้ได้ สมควรแล้วที่มันจะเป็นหนึ่งในเจ็ดราชาสัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่’
ราชาวานรทมิฬเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามที่สุดที่เขาเคยเผชิญมาจนถึงตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“แข่งกับข้าด้วยความแข็งแกร่ง? ฮ่า ๆๆ แสดงให้ข้าดูว่าเจ้าจะรับกระบองของข้าได้กี่รอบ!” ราชาวานรทมิฬคำรามด้วยเสียงหัวเราะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและโหดเหี้ยม จากนั้นมันก็พุ่งเข้าหาเฉินซีอีกครั้ง ขณะที่กระบองในมือยกขึ้นสูงเหนือหัวก่อนจะทุบเข้าใส่เฉินซีอย่างดุดัน ความรุนแรงของกระบองเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฟิ้ว!
เฉินซีจะยอมต้านรับตรง ๆ อีกได้อย่างไร? เขาเหินหลบวิถีกระบอกด้วยเคล็ดวาตะเหินทะยาน ประหนึ่งว่าแผ่นหลังของเขาปรากฏปีกวายุคู่หนึ่งออกมา ความเร็วของเขาจึงเพิ่มขึ้นและเคลื่อนไหวว่องไวดั่งอสนี ชายหนุ่มบินหักหลบอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่เขาใช้กระบี่ไผ่ทองคำนิลโจมตีใส่หยวนถงอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ภายใต้การผสมผสานของทักษะกระบี่และทักษะการเคลื่อนไหวที่บรรลุถึงขั้นเต๋ารู้แจ้ง บาดแผลนับพันจึงปรากฏขึ้นบนร่างของหยวนถงภายในอึดใจเดียว และทำให้ราชาอสูรตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชอย่างยิ่ง
‘เป็นไปได้อย่างไรกัน!?’
‘ราชาไม่สามารถป้องกันกระบี่ของมนุษย์ผู้นี้ได้จริงหรือ?’
เหล่าสัตว์อสูรที่รับชมอยู่โดยรอบต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“เต๋ารู้แจ้งแห่งกระบี่! เต๋ารู้แจ้งแห่งการเคลื่อนไหว! ไม่ดีแน่! การบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ของเด็กนี่ได้บรรลุระดับเต๋ารู้แจ้งแล้ว!” ราชาเหยี่ยวสายฟ้าที่กำลังสังเกตการต่อสู้อยู่ ไม่อาจรักษาความสงบได้อีกต่อไป และสีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...