บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 892

บทที่ 892 แท่นบูชาลึกลับ

บทที่ 892 แท่นบูชาลึกลับ

เผ่าช่างฝีมือวิญญาณ!

หุ่นวิญญาณศึก!

สิ่งเหล่านี้ทำให้เฉินซีตระหนักถึงความพิเศษของสถานที่แห่งนี้

“ไปกันเถอะ ห้องโถงใหญ่นี้น่าจะมีหุ่นวิญญาณศึกมากกว่าหนึ่งตัว พลังต่อสู้ของเจ้านี่อ่อนแอเกินไป ไม่มีอะไรให้สนใจนัก” อาซิ่วยืนขึ้น เริ่มก้าวเดินออกไป ตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับมองว่าสถานที่นี้คือเขาวงกตล่าสมบัติ

เฉินซีครุ่นคิดสักพัก แต่ยังคงเดินตามไป พร้อมถามไถ่เกี่ยวกับหุ่นวิญญาณศึกไปด้วย

อาซิ่วรู้เรื่องทั้งหมดนี้ดังที่คาดไว้ เพราะนางได้อธิบายทุกสิ่งที่เขาสงสัยออกมา

ตามที่นางว่ามา เผ่าช่างฝีมือวิญญาณคือเผ่าลึกลับ วิถีบ่มเพาะของพวกเขาแตกต่างจากผู้บ่มเพาะธรรมดาอย่างสิ้นเชิง

เผ่าช่างฝีมือวิญญาณจะสร้างหุ่นวิญญาณศึกขึ้น ทว่าไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นใช้ แต่เพื่อให้ตัวเองใช้ ส่วนคนหนุ่มสาวของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ ก่อนที่พวกเขาจะเกิดขึ้นมา จะมีหุ่นวิญญาณศึกที่ถูกหลอมโดยผู้อาวุโสประจำเผ่าเป็นของตัวเอง

เมื่อทารกกำเนิดขึ้นมา พวกเขาจะร่ายกฎเพื่อดึงวิญญาณของทารกออกมา ก่อนประทับเข้าไปในหุ่นวิญญาณศึก ส่วนร่างเดิมก็จะถูกทิ้ง

ทารกจะได้รับการสนับสนุนจากหุ่นวิญญาณศึก เพื่อบ่มเพาะร่างกายจนเติบใหญ่

แม้กระทั่งในเผ่าช่างฝีมือวิญญาณเอง ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้รับหุ่นวิญญาณศึก มีเพียงสมาชิกกลุ่มน้อยที่มีวิญญาณแก่กล้า กับสถานะสูงส่งเท่านั้นที่จะได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้

เดิมทีเผ่าช่างฝีมือวิญญาณต้องการหุ่นวิญญาณศึก แต่เมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาจะหลอมหุ่นวิญญาณศึกเพื่อตัวเอง แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ก็จะสายเกินกว่าจะทำการบ่มเพาะร่วมกับหุ่นวิญญาณศึกเช่นกัน พวกเขาจึงมิอาจประสบความสำเร็จครั้งใหญ่บนวิถีแห่งการบ่มเพาะได้

การหลอมหุ่นวิญญาณศึกเป็นขั้นตอนที่เข้มงวดและลึกล้ำนัก มันถูกแบ่งออกเป็นเก้าขั้นตอน ประกอบด้วยการแกะสลักไม้ ประทับลวดลาย ใส่กลไก ใส่อวัยวะเทียม สร้างรูปลักษณ์จริง ดึงวิญญาณ ประทับวิญญาณ สร้างหัวใจและควบคุมวิญญาณ

แต่ละขั้นตอนเข้มงวดมาก อย่างการแกะสลักไม้ ต้องเลือกใช้วัสดุชั้นเลิศนานาชนิด เพื่อหลอมร่างของหุ่นวิญญาณศึก

อย่างประทับลวดลาย ก็ต้องใช้เคล็ดลับพิเศษเพื่อหลอมเส้นลมปราณ จุดชีพจร และกระดูกของหุ่นวิญญาณศึก… อีกทั้งยังมีอวัยวะภายในอีก

จนกระทั่งถึงขั้นตอนควบคุมวิญญาณ ซึ่งต้องใช้วิญญาณเพื่อหลอมหุ่นวิญญาณศึก …เมื่อถึงขั้นตอนนี้ จึงจะนับว่าเป็นหุ่นวิญญาณศึกที่แท้จริง

ด้วยเก้าขั้นตอนนี้ มันก็ชัดเจนแล้วว่าหุ่นวิญญาณศึกแตกต่างจากหุ่นเชิดธรรมดา

วิถีการบ่มเพาะหุ่นวิญญาณศึกนั้นพิเศษมาก เพียงต้องใช้สมบัติอย่างผลึกวิญญาณกับวารีวิญญาณกักเก็บไว้ในร่างกาย เส้นลมปราณในร่างกายจะถูกหลอมด้วยลักษณะของการเปลี่ยนแปลงตามกลไก จากนั้นก็รวมกันเป็นแก่นแท้ในทะเลลมปราณของจุดตันเถียน

เทียบกับผู้บ่มเพาะแล้ว วิถีการบ่มเพาะนี้รัดกุมกว่าและง่ายกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันแทบไม่จำเป็นต้องศึกษาเคล็ดวิชาบ่มเพาะลมปราณแต่อย่างใด แม้กระทั่งเคล็ดขัดเกลากายาก็หาจำเป็นไม่ มันช่างวิเศษนัก

ทว่าตามที่อาซิ่วว่า มันมีความแตกต่างในการบ่มเพาะของหุ่นวิญญาณศึกอยู่ กุญแจสำคัญมีอยู่สองขั้นคือ ‘การแกะสลักไม้’ ของหุ่นวิญญาณศึก กับ ‘ประทับลวดลาย’

การแกะสลักไม้คือพื้นฐานของการหลอมร่างกาย คุณภาพของวัสดุที่ใช้จะเป็นตัวตัดสินความสำเร็จในอนาคตของหุ่นวิญญาณศึก

ประทับลวดลายคือโครงสร้างเส้นลมปราณกับจุดชีพจร มันคือเส้นทางการเคลื่อนไหวที่จำเป็นต่อการควบแน่นลมปราณ ซึ่งส่งผลโดยตรงว่าหุ่นวิญญาณศึกจะแข็งแกร่งหรือไม่

แน่นอนว่าขั้นตอนอื่น ๆ ย่อมมีผลต่อความแข็งแกร่งของหุ่นวิญญาณศึกแตกต่างกัน แต่หากกล่าวถึงขั้นตอนสำคัญ ก็ต้องเป็นสองขั้นตอนแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

กระบวนการทั้งหมดนี้ได้ย้ำเตือนเฉินซีตอนเขาอยู่ในนรกขุมที่เก้า ซึ่งชายหนุ่มได้ใช้ยันต์อักขระสลักลงในจุดชีพจรและเส้นลมปราณ มันมีความคล้ายคลึงกับขั้นตอน ‘ประทับลวดลาย’ นี้อย่างน่าประหลาด

“แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันโหดเหี้ยมก็คือ ถึงแม้หุ่นวิญญาณศึกจะมีสติปัญญา แต่มันก็คือเครื่องมือสังหารอันโหดเหี้ยม”

ริมฝีปากของอาซิ่วยกขึ้น กล่าวว่า “เหตุผลอยู่ที่ขั้นตอนสุดท้ายอย่างการควบคุมวิญญาณนั่นล่ะ หลังจากหลอมรวมกับหุ่นวิญญาณศึกแล้ว สติของมันจะไม่มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาอีกต่อไป นอกจากการบ่มเพาะแล้ว มันจะทำเพียงปล่นฆ่า นับว่าโหดเหี้ยมยิ่งนัก”

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวในใจอย่างไม่มีสาเหตุ เพราะแบบนี้…ยังเรียกว่ามนุษย์ได้อีกหรือ?

เผ่าช่างฝีมือวิญญาณทำการบ่มเพาะด้วยความช่วยเหลือของหุ่นวิญญาณศึก ปฏิบัติกับพวกมันในฐานะร่างของตัวเอง ถึงแม้วิธีนี้จะอ่อนโยนกว่าการเกิดใหม่ด้วยการยึดร่าง แต่พวกเขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์หรือภูตผี …แค่คิดก็ทำเอาขนลุกซู่แล้ว!

นี่ทำให้เฉินซีรู้สึกราง ๆ เช่นกันว่า มันอาจเป็นเพราะมรดกเต๋าบ่มเพาะนี้น่ารังเกียจ จึงทำให้ผู้บ่มเพาะต่างพิภพถูกคนทั้งสามภพกดขี่ ก่อนจะถูกขับไล่ออกจากสามภพในฐานะกบฏ

แน่นอนว่า เผ่าช่างฝีมือวิญญาณเป็นเพียงกลุ่มย่อยของชาวต่างพิภพ

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเห็นว่า ยามเผชิญกับศีลธรรมที่ขัดต่อจริยธรรมของทั้งสามภพนี้ แม้กระทั่งทวยเทพของสามภพก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้ ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะบ่มเพาะปราณแท้หรือร่างกาย ล้วนต้องให้ความเคารพต่อธรรมชาติ

ทันทีที่ตัวตนอย่างหุ่นวิญญาณศึกได้บ่มเพาะจนกลายเป็นเซียน มันจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกัน?

อีกทั้งพวกมันยังไม่ต้องบ่มเพาะเพื่อกลายเป็นเซียน เนื่องจากสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่มีร่างกาย ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตาย ไม่สามารถเข้าสู่ยมโลกได้ นอกเสียจากต้องถูกฆ่า หรือพละกำลังสูญสิ้น ไม่เช่นนั้น ชีวิตพวกมันก็ราวกับเป็นอมตะ!

เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ เฉินซีเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้ยินชื่อหุ่นวิญญาณศึก

กองทัพแนวหลังสุดของหุ่นวิญญาณศึกจำนวนมากนี้มีแท่นบูชาโบราณตั้งอยู่ ความสูงราวหนึ่งพันจั้ง ทั่วทั้งแท่นสูงเป็นสีดำสนิท มีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่บนนั้น ราวกับเปลวเพลิงนิรันดร์สาดส่องทั่วทุกหนแห่ง

อาซิ่วพลันกระซิบว่า “นี่ ดูข้าแสดงกลสิ”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น ก่อนที่เฉินซีจะทันตอบสนอง นางก็ก้าวไปข้างหน้า ชี้ไปยังหุ่นวิญญาณศึกไร้ที่สิ้นสุดที่อยู่ไกลออกไป ส่งเสียงเรียกแจ่มชัดสามครั้งว่า “ล้ม ๆๆ!”

เมื่อเห็นว่านางกำลังเล่นเป็นเด็ก มุมปากของเฉินซีอดกระตุกไม่ได้ แต่อึดใจต่อมา ชายหนุ่มก็ได้เห็นฉากอันน่าตกตะลึง

โครม! โครม! โครม!

หุ่นวิญญาณศึกจำนวนมากที่เรียงแถวกันอยู่ พลันล้มลงไป ส่งเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ควันธุลีตลบฟุ้ง เศษซากปลิวว่อน กระจายไปทั่วพื้นที่

ความรู้สึกนั้นเหมือนกับกองทัพนับพันถูกกวาดล้างในพริบตา ช่างน่าตื่นตายิ่งนัก

หลังจากเสียงดังไปได้ครึ่งเดียว ควันก็ได้หายไป

เศษซากจำนวนมากกองรวมกันบนพื้น มันคือโครงกระดูกของหุ่นวิญญาณศึก ซึ่งมิอาจระบุได้ว่าอัตลักษณ์นั้นเป็นของผู้ใด

จากนั้นเฉินซีจึงเข้าใจคร่าว ๆ หลังจากผ่านมานานแสนนาน หุ่นวิญญาณศึกเหล่านี้อาจจะใช้พละกำลังไปจนหมดสิ้น จนในที่สุดก็กลายเป็นรูปปั้นที่เปราะบางยามอยู่ตรงหน้า

เสียงของอาซิ่วเหมือนกับถังแป้งที่เผาไหม้ ทำลายสมดุลของที่นี่ ส่งผลให้หุ่นวิญญาณศึกเหล่านี้เสียกำลังที่จะยืนหยัด จนในที่สุดก็ถูกกำจัด

“สมบัติตกทอดอยู่บนแท่นบูชา รีบไปเร็ว!”

อาซิ่วกวักมือเรียกเฉินซี ก่อนกลายเป็นสายแสง แล้วพุ่งตรงไปยังแท่นบูชาสูงพันจั้งซึ่งอยู่ภายในห้องโถง

เฉินซีตามหลังติด ๆ เมื่อมาถึงแท่นสูง เขาก็พบว่าอาซิ่วกำลังถือกล่องที่ดูเหมือนหยกแต่ไม่ใช่หยกเอาไว้ นางดูมีความสุขไม่น้อย

แท่นนี้กินบริเวณราวสิบจั้ง เปลวเพลิงคู่หนึ่งถูกจุดตรงกลาง พวกมันดูเหมือนกับคงอยู่ชั่วนิรันดร์ นอกจากนี้ ยังมีแท่นหินสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงิน ซึ่งกล่องในมือของอาซิ่วได้รับมาจากแท่นหินสีน้ำเงินดังกล่าว

แต่ที่ด้านหนึ่งของแท่นหินสีน้ำเงินยังคงมีหุ่นวิญญาณศึกอยู่ มันสูงเจ็ดฉื่อ สวมชุดเกราะสีดำ เกล็ดสีดำละเอียดปกคลุมทั่วร่างกาย มันสวมหมวกสีดำเรียบง่ายไว้บนศีรษะ เผยเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่ปิดอยู่

ในมือถือหอกยาวสองจั้ง ชายหนุ่มมองออกว่า แม้อีกฝ่ายจะมีฝ่ามือเรียวยาวสีขาว แต่กลับให้ความรู้สึกที่ทั้งสงบและทรงพลัง …แค่ยืนอยู่ที่นี่เพียงอย่างเดียวก็แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกและรุนแรงออกมา!

เมื่อเห็นหุ่นวิญญาณศึกตัวนี้เป็นครั้งแรก ในใจของเฉินซีกลับรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ราวกับอึดใจต่อมา หุ่นวิญญาณศึกในชุดเกราะสีดำและหมวกสีดำจะลืมตาขึ้น ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]