บทที่ 931 กำจัดให้สิ้น
บทที่ 931 กำจัดให้สิ้น
อำนาจของปิงซื่อเทียนพลุ่งพล่านขึ้นสูง เขาต้องใช้เคล็ดวิชาลับใดเป็นแน่ ซึ่งวิชานี้ได้รบกวนฝนฟ้าอากาศ จนดึงเอาอำนาจของเต๋าแห่งสวรรค์ให้มาเพ่งความสนใจ ดังนั้นมันต้องน่ากลัวยิ่งเป็นแน่!
ทว่าเมื่อเจอเช่นนี้เข้า เฉินซีกลับตาเป็นประกาย ทั้งยังไม่หลบเลี่ยง ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเพลิงลุกโชน ผิวกายใสกระจ่างดั่งผลึกแก้ว เผยแสงแห่งอักขระยันต์ออกมา คล้ายประสงค์จะแผดเผาสวรรค์ทั้งเก้า!
ชั่วพริบตานั้น กลิ่นอายน่าเกรงขามของเฉินซีได้เปลี่ยนไปเช่นกัน!
ผมหนาสีดำสนิทของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว ทั่วร่างแผดเผาดั่งเตาศักดิ์สิทธิ์ ปราณโลหิตพุ่งขึ้นสู่ชั้นฟ้า กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกจากร่างแข็งแกร่งขึ้นทบทวีคูณ!
“นี่มัน…” หลายคนร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“เคล็ดวิชาโดยกำเนิดของเผ่าหยาจื้อ ระเบิดสังหารเทวะ!” มีคนหนึ่งโพล่งคำตอบขึ้นมาด้วยสายตาตกตะลึง
ผู้ชมคนอื่นที่ได้ยินก็เข้าใจในพลัน พวกเขาต่างพากันตกตะลึง ตอนนี้พวกเขาจึงสังเกตว่าไม่เพียงปิงซื่อเทียนที่มีไพ่ตาย แม้กระทั่งเฉินซีเองก็ปิดบังความสามารถด้วยเช่นกัน
“ระเบิดสังหารเทวะ? หึ! น่าขันนัก!”
ตู้ม!
ชั่วพริบตาต่อมา ปิงซื่อเทียนได้ระเบิดพลังออกมา เขาพุ่งขึ้นฟ้าแล้วซัดหมัดออกมาอย่างรวดเร็ว โดยหมัดนี้ได้แผ่อำนาจแห่งกาลเวลา คละเคล้าไปด้วยกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม
พลังของหมัดนี้เต็มไปด้วยปราณเซียนร้อนระอุและพลังแห่งกฎ ทำให้มีอำนาจมหาศาลนัก
ฟ้าว!
เฉินซียังคงสีหน้าเดิมไว้ไม่เปลี่ยน ผมสีขาวราวหิมะพลิ้วไหวไปตามแรงลม ก่อนที่ร่างเขาจะกระโจนขึ้นฟ้า ส่งยันต์ศัสตรากรีดแผ่นนภา เข้าปะทะกับหมัดของปิงซื่อเทียน!
สุดท้ายทั้งสองก็เสมอกันในการโจมตีครั้งนี้
“อีกรอบ!” พลังชีวิตของเฉินซีเดือดพล่านเมื่อใจสู้กำลังลุกไหม้ เริ่มเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่ปิงซื่อเทียนก่อน
“หึ!” ปิงซื่อเทียนส่งเสียงเยาะเย็นชา นัยน์ตาเหมือนตะวันเดือดวาวโรจน์เสียจนน่ากลัวสองดวง คล้ายกับสามารถแผดเผาทุกสิ่งอย่างด้วยพลังอันน่าเกรงขามได้
ศึกครั้งนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์โลกแห่งการบ่มเพาะ คนทั้งสองพุ่งเข้าใส่กัน กลิ่นอายพลังยิ่งน่าหวาดกลัวขึ้นกว่าเก่า คล้ายมังกรสองตัวกำลังสู้กันกลางอากาศอย่างดุเดือด
ชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ได้ปะทะกันไม่ต่ำกว่าพันกระบวนท่า จนท้องฟ้าเกิดหลุมดำและรอยแยกขึ้นมากมาย
ตู้ม!
หลังจากผ่านไปเกือบเค่อหนึ่ง พวกเขาก็เข้าปะทะกันแล้วดีดกระเด็นออกมา ด้วยความที่การปะทะพลังนั้นรุนแรงมาก ทั้งสองจึงถูกพลังผลักออกมาจนเลือดซึมมุมปาก ถอยหลังออกมาไม่หยุด
“บัดซบ!” ปิงซื่อเทียนสบถเสียงต่ำ นัยน์ตาทอประกายขึ้นมา เผยแววแห่งกฎออกมาบดบังความสว่างของทุกแสงแห่งใต้หล้า
“ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เจ้ามันก็แค่ร่างอวตารเท่านั้น!” เฉินซีเอ่ยเสียงเบา มุมปากเหยียดยิ้มดูเยียบเย็น
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็อันตราย ใครได้เห็นย่อมรู้สึกหวาดกลัวภายในหัวใจ
ฆ่ามัน!
ทันใดนั้นคนทั้งสองก็พุ่งเข้าใส่กันอีกครั้ง สงครามปะทุขึ้นอีกหน
ตอนนี้ฝนโลหิตเริ่มโปรยลงมา บาดแผลปรากฏขึ้นบนร่างของคนทั้งคู่ บางบาดแผลบ้างถึงขนาดแยกเนื้อออกจากกันจนเห็นกระดูกขาว เป็นภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
“คงจะไม่บาดเจ็บแล้วแพ้ไปพร้อมกันกระมัง?” หลายคนคาดเดาว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนั้น เป็นความรู้สึกที่ทั้งกังขาและกังวล
“แม่นางชิง เจ้าอ่านการต่อสู้ออกหรือไม่?” เลี่ยเผิงถามขึ้นอย่างสุภาพ
“ไม่แพ้ไปพร้อมกันหรอก สงบจิตใจแล้วรอชมเถิด” ชิงซิ่วอี้ตอบเสียงเรียบ นัยน์ตาเผยความสงบมั่นใจออกมา
และก็เป็นอย่างที่ชิงซิ่วอี้ว่า ร่างเฉินซีพลันสั่นสะท้าน ข้อต่อในร่างบิดเบี้ยว ก่อนจะได้ยินเสียงมังกรคำรามลั่นออกมาทั่วร่างกายของชายหนุ่ม
ตรงกลางฝ่ามือขวา ยันต์เทวะกลืนกินก่อรูปขึ้นมา นิ้วมือเขาถือยันต์เทวะห้าธาตุไว้ จากนั้นก็ใช้ยันต์ศัสตราเพื่อสร้างปรากฏการณ์ขึ้นทีละขั้นคือตะวัน จันทรา ดารา และหยินหยางสลับหมุนเวียนกันไป สายลมและหมู่เมฆร้องรับไปพร้อมกัน เป็นภาพที่งดงามสายตายิ่ง
“นั่นมันอะไรกัน?” ทุกคนเห็นแล้วก็ตกตะลึง ไม่อาจระงับความหวาดกลัวภายในเอาไว้ได้ ทว่าคิดยังไม่ทันจบเฉินซีก็ได้ปลดปล่อยการโจมตีออกมาแล้ว
ฟ้าว!
กระแสปราณกระบี่ซัดลงมา มันทั้งเรียบง่ายและกระจ่างใสยิ่ง แต่กลับมีความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าอันหลากหลายอยู่ภายใน
ทุกคนรู้สึกเสียดสะท้านตั้งแต่ลูกตาไปถึงจิตวิญญาณ ทั้งยังไม่อาจเห็นภาพใดได้ชัดเจนอีกต่อไป
ตู้ม!
เสียงตู้มครั้งใหญ่ดังขึ้นฟ้า สะเทือนไปทั้งสวรรค์และโลก
“เป็นไปได้อย่างไร! เหตุใดเจ้าจึงไม่อ่อนแอลงเลย!? หรือว่าเจ้าจะมีถ้วยศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ หรือจะเป็นขวดศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์? ไม่ ๆ! ในหมู่สมบัติศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ หนึ่งชิ้นเป็นสมบัติสุดยอดล้ำค่าในแดนพุทธภูมิ อีกชิ้นก็เป็นของราชันเซียนอวี้หลินแห่งภพเซียน! เจ้าจะได้มันมาได้อย่างไร!?”
เมื่อทุกคนมองเห็นภาพทุกอย่างได้ชัดเจนอีกครั้ง ก็สังเกตเห็นว่าปิงซื่อเทียนมีผมเผ้ายุ่งเหยิง อาภรณ์เต็มไปด้วยสีเลือด ทั้งยังตะโกนเหมือนคนบ้า ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวไปหมด ทั้งยังเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
“ถอยไป!” เฉินซีรีบเงยหน้าขึ้น ส่งสายตาดั่งสายฟ้าฟาดให้อีกฝ่าย แล้วตวัดยันต์ศัสตราในมือ ปล่อยกระแสปราณกระบี่สว่างจ้าซัดร่างอวี้เจินจนกระเด็นไปพันลี้ก่อนสำลักเลือดออกมาไม่หยุด
ทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ?
คนอื่นที่มองอยู่ได้แต่ส่ายหัว ความแข็งแกร่งของเฉินซีถึงกับสามารถสยบร่างอวตารของเซียนทองคำได้ แล้วจะมีใครมีความสามารถทัดเทียมกับเขาได้อีก?
ผู้ละทิ้งสวรรค์หรือ?
ผู้อาวุโสที่เร้นกายบ่มเพาะหรือ?
ถ้าพวกเขาเหล่านั้นไม่เกรงกลัวถูกเต๋าแห่งสวรรค์จับจ้อง ก็คงสามารถต่อสู้กับเฉินซีและสยบอีกฝ่ายได้ แต่จะมีใครกันที่กล้าทำเช่นนั้น?
ถ้าพวกเขาถูกดึงเข้าภพเซียนเมื่อไรก็จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าผู้ละทิ้งสวรรค์และผู้อาวุโสที่เร้นกายอาศัยอยู่ที่นี่คือเสาหลักที่คอยค้ำจุนสิบนิกายเซียนอยู่ หากนิกายไม่ถึงคราวล่มสลาย พวกเขาก็คงไม่ลงมือทำอะไรโดยพลการ
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเมื่อใดที่ถูกดึงกลับภพเซียน นิกายที่อยู่เบื้องหลังก็จะสูญเสียเสาหลักสำคัญไป และคงรั้งอยู่ในโลกแห่งการบ่มเพาะต่อได้ยาก
“นี่เจ้าคิด…ว่าตัวเองชนะแล้วหรือ? ข้าเคยบอก…ไว้นานแล้วว่าหากข้าไม่ได้…ซิ่วอี้ ก็จะไม่มีใคร…ได้นางไป!” ปิงซื่อเทียนพยายามเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก สีหน้าฟกช้ำดำเขียว จับจ้องเฉินซีด้วยความเกลียดชังและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันออกมา “มดตัวจ้อย วันหนึ่งเจ้าก็ต้องขึ้นภพเซียน… ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้เจ้าตายเสียดีกว่าอยู่!!”
ประโยคสุดท้ายนั้นเขาร้องโหยหวนออกมาด้วยแรงที่หลงเหลืออยู่ มันทั้งอาฆาตแค้นและทำให้ทุกคนตกตะลึงจนหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
การถูกเซียนทองคำเกลียดชังมากถึงขนาดนี้ แค่คิดก็รู้สึกชาไปถึงหนังศีรษะแล้ว
“เมื่อข้าถึงภพเซียน ความแข็งแกร่งก็คงมีมากกว่านี้อีก” ทว่าเฉินซีกลับไร้อารมณ์ เหมือนไม่สนใจคำอีกฝ่ายพลางก้าวเข้าไปด้วยจิตสังหาร จากนั้นตวัดยันต์ศัสตราเข้าใส่ปิงซื่อเทียน ชายหนุ่มอยากรีบจัดการอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาดอันใดขึ้น
“เอาเลยสิ!” ในจังหวะเป็นตายนั้นเอง ปิงซื่อเทียนไม่ได้ร้องขอความเมตตาหรือเอ่ยคำขู่อะไรออกมาอีก แต่กลับร้องคำที่ฟังดูแล้วน่าประหลาดขึ้นมาในจังหวะนั้น
ฉัวะ!
ศีรษะของปิงซื่อเทียนร่วงลงกับพื้น วิญญาณแตกสลายโดยสิ้นเชิง ก่อนจะหายไปพร้อมกับร่าง …ร่างอวตารนี้ไม่อาจรักษาไว้ได้อีกแล้ว!
ครืน!
ทว่าในตอนที่เฉินซีกำจัดปิงซื่อเทียนนั้นเอง บนฟากฟ้าพลันเกิดแรงผันผวน ทันใดนั้นฟ้าดินก็ถูกกลิ่นอายเยือกเย็นลึกลับและน่าเกรงขามปกคลุมไปทั่ว
คนที่รับชมอยู่รอบข้างต่างพากันหวาดกลัว พวกเขายังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็เห็นหลุมสีดำขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือร่างของชิงซิ่วอี้เหมือนประตูสู่นรก มีแผ่นทรงกลมลอยอยู่ข้างในนั้น
แผ่นกลมใบนี้แบ่งออกได้เป็นหกส่วน เผยภาพประกายเซียน ธารเลือด อสูร ภูตผี และกรงขังออกมา แท้จริงแล้วมันคือหกวิถีแห่งสังสารวัฏ ซึ่งก็คือสวรรค์ อสุรา มนุษย์ อสูร ภูตผี และนรกนั่นเอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...