บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 977

บทที่ 977 เข่นฆ่า

บทที่ 977 เข่นฆ่า

ณ หมู่เกาะหมื่นดารา

หลังจากพวกเขามาถึงที่นี่ สภาพอากาศในทะเลทุกข์ก็สงบลงมาก แม้ว่าพายุจะยังคงโหมกระหน่ำและคลื่นโคลนยังคงซัดสาด แต่กลิ่นอายที่กดดันก่อนหน้านี้ก็สลายหายไปแล้ว

ในขณะนี้ อาคารสีดำสนิทมากมายได้ตั้งตระหง่านอยู่บนหมู่เกาะที่อยู่ตรงหน้า และเฉินซีก็สังเกตเห็นบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์เคลื่อนไหวผ่านอาคารเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง

ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของเฉินซี เขาจึงพบว่าหมู่เกาะนั่นก่อตัวเป็นรูปพัด และเกาะเหล่านี้ร่วมกันปกป้องเส้นทางด้านหลัง ซึ่งตามที่เหริ่นฉางเฟิงกล่าว นี่อาจเป็น ‘เส้นทางหมื่นดารา’!

มีเพียงผ่านทางหมื่นดาราเท่านั้นที่จะนำไปสู่อีกฟากของทะเลทุกข์ได้ และมันก็มีเพียงเส้นทางเดียว อีกทั้งยังตกอยู่ในมือของมหาอำนาจต่าง ๆ ในยมโลกจนถึงปัจจุบัน

บางทีอาจมีเส้นทางอื่นที่นำไปสู่อีกฟากหนึ่งของทะเลทุกข์ในบริเวณอื่น ๆ ของท้องทะเล แต่ส่วนใหญ่เป็นแดนนิรนามซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายและพายุห้วงมิติ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงชีวิต

เส้นทางหมื่นดาราเป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อมต่อกับเขตภูมิภาคราชหกวิถีและภูมิภาคราชานรก ดังนั้นมันจึงถูกควบคุมอย่างแน่นหนาภายใต้ราชานรกองค์ที่สอง ราชาฉู่เจียง

ในอดีต หากใครตั้งใจจะเข้าสู่เส้นทางหมื่นดารา จะต้องจ่ายผลึกใต้พิภพจำนวนมากตามจำนวนคนที่จะผ่านทาง ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ทหารองครักษ์วิญญาณเจียงซึ่งคุ้มกันอยู่ที่ด้านข้างของเส้นทางหมื่นดาราจะอนุญาตให้ผ่านเส้นทางไปได้

ทหารองครักษ์วิญญาณเจียง เป็นกลุ่มกองกำลังภายใต้คำสั่งของราชาฉู่เจียง ทหารองครักษ์วิญญาณเจียงทุกคนมีการบ่มเพาะที่เทียบเท่ากับขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้า และทหารองครักษ์วิญญาณที่แข็งแกร่งบางคนยังเป็นยอดราชันในขอบเขตเซียนปฐพี

ถึงอย่างไร ที่นี่ก็คือศูนย์กลางของทะเลทุกข์ ดังนั้นการที่บุคคลหนึ่งสามารถยืนคุ้มกันที่นี่ ในขณะที่ยังคงอยู่รอดปลอดภัย ก็เป็นข้อบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง เนื่องจากตัวตนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่สามารถอยู่รอดได้อย่างแน่นอน

“ไม่! ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเว่ยของเจ้าหรือตระกูลอื่น ๆ ก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป!”

“นายท่าน ทำไมเป็นเช่นนั้น? เมื่อก่อนต้องใช้ผลึกใต้พิภพเพียงหนึ่งร้อยชิ้นต่อคนในการผ่านเส้นทางไม่ใช่หรือ?”

“นี่เป็นคำสั่งจากราชาของข้า สถานที่แห่งนี้ถูกปิดตั้งแต่เจ็ดวันก่อน และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปในเส้นทาง ถ้าใครกล้ารุกล้ำ เราจะฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”

“ราชาฉู่เจียง!?”

“ถูกต้อง”

เสียงโห่ร้องดังมาจากที่ไกล ๆ ปรากฏว่ากองเรือตั้งใจจะผ่านเส้นทางหมื่นดารา แต่พวกเขากลับถูกขัดขวางโดยกลุ่มทหารองครักษ์วิญญาณเจียง

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็หยุดเรือเหาะสมบัติในขณะที่กล่าวว่า “สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดี เราสังเกตสถานการณ์กันก่อนเถอะ”

กองเรือมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีเรือเหาะสมบัติสิบแปดลำอยู่ท่ามกลางพวกมัน เรือทั้งหมดนี้หรูหรา สง่างาม และเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งสมบัติอันน่าตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังธรรมดาจะมีได้

อย่างไรก็ตาม กองเรือจากกองกำลังดังกล่าวกลับถูกขัดขวางอยู่ที่นอกเส้นทางหมื่นดาราในตอนนี้ และนี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก

เป้ยหลิงพยักหน้า นางก็ได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายเช่นกัน และดูเหมือนว่าราชาฉู่เจียงจะสั่งให้ปิดเส้นทางหมื่นดาราโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติเล็กน้อย

เพราะถึงอย่างไร เส้นทางหมื่นดาราก็มีเพียงเส้นทางเดียว อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคราชหกวิถีกับภูมิภาคราชานรก แต่ราชาฉู่เจียงกลับปิดตายไว้เช่นนั้น หรือเขาจะไม่กังวลต่อการล่วงเกินกลุ่มมหาอำนาจอื่น?

ย่อมมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้อย่างแน่นอน!

“นายท่าน นายน้อยและคุณหนูของข้าต้องไปถึงภูมิภาคราชานรกภายในสิบวัน เพื่อเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกศิษย์ของราชานรกองค์ที่หก ราชาเปี้ยนเฉิง ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ หนึ่งร้อยปี โอกาสแบบนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในวันที่พระจันทร์เป็นสีน้ำเงินและมันไม่อาจพลาดได้ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถยกเว้นได้ และตระกูลเว่ยของข้าจะตอบแทนท่านอย่างสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอนในอนาคต” ชายชราในชุดคลุมปักยืนอยู่ตรงหน้ากองเรือขณะที่เขากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

ในขณะที่กล่าว เขาก็ดึงกระเป๋าเก็บของออกมาและลอบส่งต่อมันไป

ผู้ยืนอยู่ตรงข้ามกับชายชรา คือชายวัยกลางคนที่มีลักษณะโหดเหี้ยมและหยาบกระด้าง เขาสวมผ้าคลุมสีแดงสดและเปล่งกลิ่นอายดุร้ายที่แฝงไปด้วยแรงกดดัน

“สิ่งนี้หมายถึงอันใด?” ชายวัยกลางคนผู้โหดเหี้ยมขมวดคิ้วขณะที่ผลักมือของชายชราออกไป และแค่นเสียงเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าคราวนี้ราชาของข้าได้ออกคำสั่งเด็ดขาด และทหารองครักษ์ทุกคนถูกส่งไปสร้างด่านตรวจชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่ว่าทรัพย์สมบัติที่เจ้าครอบครองจะมากมายเพียงใด แต่จะติดสินบนได้สักกี่คนเชียว?”

แม้ว่าเขาจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แต่มันก็ถือเป็นการเตือนทางอ้อมด้วยเช่นกัน

ท่าทางของชายชราเปลี่ยนไปอย่างตกใจ ในขณะที่เขากล่าวว่า “ข้าขอถามได้หรือไม่ ผู้ใดทำให้ราชาฉู่เจียงขุ่นเคืองถึงขนาดระดมกำลังดังกล่าวจริง ๆ”

ขณะที่กล่าว ชายชราก็ส่งกระเป๋าเก็บของเป็นครั้งที่สอง

คราวนี้ชายวัยกลางคนผู้โหดเหี้ยมไม่ปฏิเสธ และยกมือขึ้นรับ ก่อนที่สีหน้าจะผ่อนคลายลงมาก แล้วจึงกล่าวว่า “ด้วยความเคารพต่อตระกูลเว่ยของเจ้า คงไม่มีอะไรเสียหายที่จะบอก เมื่อไม่นานมานี้ ราชาของข้าได้จับผู้หญิงคนหนึ่งมาจากภพมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือสหายของท่านจากภพเซียน แต่ข้าได้ยินมาว่าจะมีคนมาช่วยผู้หญิงคนนั้นในไม่ช้า…”

ชายชราเข้าใจทันทีเมื่อเขาได้ยินคำอธิบายดังกล่าว และอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้หรือไม่ว่าคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งมาก? เส้นทางหมื่นดาราต้องถูกปิดเพื่อจัดการกับเขาจริง ๆ เหรอ?”

“ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งหรือไม่ แต่คำสั่งของข้าคือปิดกั้นสถานที่นี้และห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามา” เมื่อเขากล่าวมาถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนผู้โหดเหี้ยมก็โบกมือและกล่าวว่า “พวกเจ้าออกไปได้แล้ว บางทีเจ้าอาจจะผ่านไปได้หลังจากที่เราจับศัตรูได้แล้ว แต่ในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”

ชายชราจ้องมองอย่างว่างเปล่าในขณะที่เขาดำดิ่งในห้วงความคิดชั่วขณะ จากนั้นจึงหันหลังกลับและเดินเข้าไปในเรือ ดูเหมือนว่าตั้งใจจะรายงานเรื่องนี้ต่อนายน้อยและคุณหนูของตระกูลเว่ย

เว่ยเซียวเฟิงเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “มันก็แค่เรือเหาะสมบัติธรรมดา ๆ มันจะเทียบกับตระกูลเว่ยของเราได้อย่างไร? แม้แต่พวกเราก็ยังต้องหยุดนิ่ง แล้วพวกมันจะกล้าก้าวไปข้างหน้าอย่างบุ่มบ่ามได้อย่างไร? พี่หญิง ไม่ใช่ว่าข้าตั้งใจกล่าวไม่ดีต่อท่าน แต่อย่าเปรียบเทียบตระกูลเว่ยของเรากับขยะเช่นนี้ เพราะนั่นจะเป็นการยกย่องพวกมันมากเกินไป”

คิ้วงามของเว่ยหลานขมวดเข้าหากัน และก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ น้องชายคนเล็กคนนี้ของนางถูกปรนเปรอและเอาอกเอาใจมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขามีนิสัยไม่ดีบางอย่าง แต่ลึก ๆ เขามีจิตใจที่ดีมาก และเขาแค่ขาดการหักห้ามใจ

เมื่อเห็นเว่ยหลานเงียบ เว่ยเซียวเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวแทน “ฮ่า ๆ! ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าข้าจะคิดผิดที่ดูถูกพวกมัน พี่ใหญ่ ดูนั่นสิ เรือเหาะสมบัติลำนั้นกำลังพุ่งตรงไปยังเส้นทางหมื่นดารา หรือว่าคนบนเรือคิดจะรนหาที่ตาย?”

ชายชรากับเว่ยหลานต่างเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาย่อมเห็นว่าเรือลำนั้นกำลังพุ่งตรงไปยังเส้นทางหมื่นดารา และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วในเวลาเดียวกัน

“หรือคนบนเรือจะเป็นคนโง่เขลา?”

“จะเกิดอะไรขึ้น หากพวกเขาทำให้เหล่าทหารองครักษ์วิญญาณเจียงขุ่นเคือง? พวกเขาจะไม่ถูกฆ่าล้างในทันทีหรือ?”

แต่ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขากลับจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พร้อมกับเผยสีหน้าที่ไม่เชื่อออกมา ในขณะที่ร่างกายของทุกคนก็แข็งทื่อและรู้สึกงุนงงสับสน

ตู้ม!

ทันใดนั้น ร่างสองร่างได้ปรากฎตัวขึ้นในระยะไกล มันเป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง ชายหนุ่มนั้นหล่อเหลาและมีรูปร่างสูงใหญ่ ในขณะที่หญิงสาวนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง พวกเขาไม่ได้กล่าวอันใดสักคำ และไม่เปิดโอกาสให้ทหารองครักษ์วิญญาณเจียงได้ขัดขวาง ก่อนที่คนทั้งสองจะเริ่มต้นเข่นฆ่าอย่างดุเดือด!

“พวกเขา…เสียสติไปแล้วหรือ?”

คนทั้งสองทั้งรู้สึกประหลาดใจและงุนงง จึงไม่รีรอที่จะเดินไปที่หัวเรือทันที และคอยเฝ้าดูอย่างไม่วางตา

พวกเขาเห็นชายหนุ่มเป็นเหมือนเทพเจ้าที่จุติลงมายังโลก ซึ่งเพียงแค่โบกมือก็เปล่งประกายแสงแวววาวที่สาดส่องไปทั้งฟ้าดิน และมันได้ทำลายล้างทหารองครักษ์วิญญาณเจียงกว่าสิบคนในทันที ทำให้เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า ในขณะที่เสียงโหยหวนก็ดังก้องไปทั่วสวรรค์

นั่นคือกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี และผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็อยู่ที่ขอบเขตเซียนระดับห้าปฐพี อย่างไรก็ตาม ด้วยน้ำมือของชายหนุ่มผู้นั้น ทหารองครักษ์วิญญาณเจียงกลับถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย และมันง่ายยิ่งกว่าการบดขยี้ฝูงมดเสียด้วยซ้ำ!

ส่วนหญิงสาวคนนั่นก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เพียงนางโบกมือก็ทำให้เปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มกลายเป็นดาบอันคมกริบฉีกผ่านฟ้าดิน และเปล่งประกายแสงที่คมกริบออกมา ทำให้เลือดสาดกระเซ็นไปในอากาศ

เลือดทุกสายเป็นตัวแทนแห่งความตายของทหารองครักษ์วิญญาณเจียง!

ในขณะนี้ ชายชราในชุดคลุมปักและเว่ยหลานตกตะลึง พวกเขาแลดูเหมือนรูปปั้นดินเผา เพราะผู้คนที่อยู่ในเรือนั้นไม่ได้เสียสติแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์สองคนที่มีพลังที่น่าสะพรึงกลัว!

“พี่หญิง ลุงอวิ๋น พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกัน? ก็แค่เรือเหาะสมบัติที่ประเมินความสามารถของมันสูงเกินไปและรนหาที่ตาย! มันมีอะไรให้แปลกใจ…?” เด็กหนุ่มเว่ยเซียวเฟิงพุ่งออกไป และพึมพำด้วยน้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม เขายังกล่าวไม่ทันจบ แต่เว่ยเซียวเฟิงก็ต้องตกตะลึงไป และดวงตาของเจ้าตัวก็เบิกกว้าง ในขณะที่กรามของเขาเกือบจะตกลงไปที่พื้นจากความตกตะลึง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]