เมื่อได้ยินคำพูดของพี่เสี่ยวหลาง มุมปากของจี้ซิงก็ยกขึ้น และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ปลื้มปีติยินดี
เขาหันหน้ากลับมา แล้วกล่าวเย้ยหยันว่า "พี่เสี่ยวหลาง ฉันรู้สึกว่าคุณอย่าทำให้ต้องลำบากใจเลย ทำธุรกิจด้วยกันไม่ได้ แต่บางทีอนาคตพวกเราอาจจะยังเป็นเพื่อนกันได้"
"หรือว่า หากคุณไม่มีขอบเขตของอำนาจแล้ว ก็ไปเรียกให้คนที่อยู่เบื้องหลังคุณออกมาคุยกับฉันเองเถอะ"
“อย่าให้ตัวเองต้องลำบากเลย”
พี่เสี่ยวหลางถูกยั่วให้เกิดความโมโห เขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า "มีหรือไม่มีอำนาจ นายจะรู้ได้อีกไม่นานนี้แล้ว!"
“ขึ้นรถ!”
ในอีกด้านหนึ่ง เขาก็เป็นหนุ่มเลือดร้อนอายุน้อยที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองกับจี้ซิง
นอกจากนี้ ลูกค้าที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็พบเห็นได้ไม่มากอีกด้วย พี่เสี่ยวหลางแอบสาบานไว้ว่า จะต้องคว้ามาอยู่ในมือให้ได้
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถเอาความมั่งคั่งมหาศาลจากมันได้
มิฉะนั้น หากตกไปอยู่ในมือของคนอื่นแล้วละก็ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ?
"หวังว่าครั้งนี้ คุณคงจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังอีกนะ"
จี้ซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย แล้วขึ้นรถออฟโรดที่ขึ้นมาเมื่อคืนวาน
เสียงรถยนต์คำรามร้อง และขับมุ่งออกไปนอกเมือง เพียงไม่นาน ก็ออกไปจากถนนใหญ่ แล้วเลี้ยวเข้าไปในเส้นทางที่มืดมิด
ทันทีที่เข้าไปในเส้นทางเล็กแล้ว เหล่าคนเหนื่อยล้าที่อยู่ในรถ จึงต้องรีบตื่นตัวขึ้นมาในทันที
มันสั่นสะเทือนมากเกินไปแล้ว!
เป็นเส้นทางที่คับแคบและมืดมิด ไฟหน้ารถที่ส่องสว่าง ทำให้เห็นสภาพถนนที่น่าเวทนายิ่งนัก
มีหลุมกระสุนปืนใหญ่ มีหลุมที่ตัดสลับกัน มีหลุมใหญ่เชื่อมต่อกับหลุมขนาดกลาง และมีหลุมขนาดกลางที่ติดกันกับหลุมเล็ก
แทนที่จะบอกว่าเป็นถนน สู้บอกว่ามันคือเส้นทางของหลุมน้อยใหญ่เสียดีกว่า
ตามเหตุผลแล้วมันเป็นเส้นทางบนภูเขาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเส้นหนึ่ง แต่ทว่าจี้ซิงกลับมองเห็น ร่องรอยที่ปูไว้แล้วตลอดทั้งสองข้างทาง
ทุกข้อบ่งชี้ว่า ถนนเส้นนี้ก่อสร้างปูเส้นทางด้วยแรงงานของมนุษย์ เพียงแต่ว่ามีสภาพทรุดโทรมมานานหลายปี ถึงได้กลายมาเป็นเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าเขาขมวดเคิ้ว พี่เสี่ยวหลงจึงได้อธิบายพร้อมหัวเราะเล็กน้อยว่า "นายน้อยหลง คุณอย่าดูถูกถนนที่ทรุดโทรมเส้นนี้เชียว"
"ก่อนหน้านี้ นี่คือเส้นทางในฝันสู่สวรรค์แห่งความมั่งคั่งเลยนะ"
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากเขา จี้ซิงจึงปล่อยวาง
ข้างหน้านี้ก็คือเหมืองแร่ เมื่อตอนที่บนภูเขายังมีทองคำอยู่ในตอนแรก มันก็ได้ดึงดูดเหล่านักขุดทองทั้งในและต่างประเทศนับไม่ถ้วน ถนนเส้นนี้ ก็ใช้สำหรับให้รถเหล่านั้นได้ใช้ผ่านไปมา
ถนนที่ถูกปูไว้เล็ก ๆ เส้นนี้ จะสามารถทนต่อการบดอัดของรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่บรรทุกสินค้าหลายสิบตันหลายร้อยตันซ้ำไปซ้ำมาได้ที่ไหนกัน เมื่อก่อนตอนที่ยังมีทองอยู่ เมื่อถนนถูกบีบอัดจนเสียหาย ก็จะมีคนมาซ่อมแซมในทันที
ตอนนี้ไม่มีทองอยู่แล้ว และแม้แต่หินแร่ที่มีค่าเพียงน้อยนิด ต่างก็ถูกขุดออกไปจนว่างเปล่าหมดแล้ว
คลื่นมนุษย์จางหายไป ทั่วทุกหนทุกแห่งเริ่มเปล่าเปลี่ยว เหล่านักขุดทองต่างโยกย้ายไปยังสถานที่แห่งอื่น แล้วใครจะมาสนใจถนนที่ทรุดโทรมเส้นนี้กัน
จี้ซิงมีความรู้สึกที่เบาบางอย่างหนึ่ง ฐานทัพลับของหมาป่านั้น น่าจะอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนี้ เขารู้ว่า พวกของพี่เสี่ยวหลางไม่ซ่อมแซมถนนเส้นนี้ เนื่องจากยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง
นั่นก็คือ ต้องการที่จะปิดกั้นไม่ให้คนอื่นเข้าไปได้
สภาพถนนเช่นนี้ นอกเหนือจากรถออฟโรดที่ผ่านการดัดแปลงมาโดยเฉพาะที่พวกเขานั่งอยู่นี้แล้ว รถคันอื่นก็คงทำได้เพียงแต่ถอยกลับไปเท่านั้น
ดังนั้น จึงลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นไปได้มากเลยทีเดียว
หลังจากที่กระแทกกระทั้นอยู่ตลอดมามากกว่าหนึ่งชั่วโมง เส้นทางข้างหน้าก็ยิ่งมืดมิดมากขึ้นอีก ทันใดนั้น ท่ามกลางความมืดมิดในม่านราตรีจี้ซิงมองเห็นเงาดำทะมึนเงาหนึ่งอยู่เบื้องหน้า ราวกับเป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่เฝ้ารออย่างเงียบงัน
"นั่นคือภูเขาหรือ?"เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
ดวงตาของพี่เสี่ยวหลางเป็นประกายขึ้นมา แล้วกระซิบกล่าวด้วยเสียงที่ค่อนข้างตื่นเต้นว่า "ไม่ใช่ นั่นคือต้นไม้เขย่าเงิน!"
ต้นไม้เขย่าเงินหรือ?
ดูเหมือนว่าจี้ซิงจะเข้าใจความหมายของเขาแล้ว ในที่สุดก็ถึงแล้วใช่ไหม? ในขณะนี้ เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ
ถึงแม้ว่าตามสัญญาณต่าง ๆ ในขณะนี้ เขาจะมองไม่เห็นเครื่องหมายของ"วิหารเทพสังหาร"บนร่างกายของพี่เสี่ยวหลางเลย ดังนั้นเขาจึงคาดคะเนว่า พี่เสี่ยวหลางและพ่อของเขานั้น ต่างก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดทำงานแทนคนอื่นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หมาป่าหอนกับวิหารเทพสังหารมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ก็เป็นเรื่องจริงที่ถกเถียงไม่ได้อยู่แล้ว
เช่นนั้น สมาชิกวิหารเทพสังหารที่ลึกลับและน่ากลัวเหล่านั้น หลบซ่อนอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?
จี้ซิงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วพวกเราจะข้ามไปได้อย่างไรล่ะ?”
แต่กลับอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งอยู่ภายในใจ ด้วยการป้องกันจากธรรมชาติเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาที่อยากจะลอบขโมย เช่นนั้นควรจะเข้าไปได้อย่างไรล่ะ?
พี่เทียน ยุ่งยากแล้วล่ะ!
"ดูฉันนะ!"พี่เสี่ยวหลางยืนโทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็โทรออก และกล่าวพึมพำเพียงไม่กี่ประโยค
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีแสงสลัวสีเหลืองจำนวนหนึ่งก็สว่างขึ้นบนผิวน้ำของทะเลสาบจากที่ไกล ๆ
เมื่อแสงไฟเคลื่อนที่มาอย่างเชื่องช้า และหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงน้ำบางเบาดังมาให้ได้ยิน
"นายน้อย มันคือเรือ!"หวงฟานกระซิบกล่าว
ในเวลาเดียวกันนั้น เขากับจี้ตูยืนแยกกันอยู่ที่ด้านหลังของจี้ซิงทั้งสองข้าง และแอบถอนหายใจออกมา พร้อมทั้งยกระดับความระแวดระวังให้สูงขึ้น
ในที่สุด ก็ใกล้ที่จะได้เห็นคนที่อยู่ข้างในฐานทัพแล้ว
ในขณะนี้ จี้ซิงก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว เขายืนเอามือไพล่หลัง สายลมกลางคืนที่พัดมาจากผิวน้ำ ได้พัดเส้นผมของเขาด้วย
มีอำนาจเหนือโลกชนิดหนึ่ง คือความกล้าหาญในสถานการณ์ที่อันตราย
จี้ตูอดไม่ได้ที่จะคิดว่า หลังจากที่นายน้อยได้แต่งงานแล้ว ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ
เขากับหวงฟานสบตากัน เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ภายในรอยยิ้มนั้น มีความปลื้มใจ มีความใจกว้าง และยังมีการตัดสินใจที่เห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ
ในขณะนี้ ทั้งคู่ต่างก็เตรียมตัวที่จะเสียสละ แม้ว่าจะต้องตาย ก็ต้องปกป้องนายน้อยไว้ให้ได้ เพื่อตระกูลจี้ จึงต้องปกป้องกล้าต้นนี้ไว้
พวกเขายังเชื่ออย่างแน่วแน่ ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ต้นกล้าต้นนี้ จะต้องเติบโตมาเป็นต้นไม้ใหญ่ และปกคลุมลูกหลานของตระกูลจี้ต่อไป
“วู้!”
“วู้ ๆ!”
“วู้ ๆๆ!”
นี่คือ เหนือผิวน้ำ มีเสียงแปลก ๆ ที่ยาวแตกต่างกัน แต่สม่ำเสมอมากเหมือนเสียงนกกลางคืนร้องขับขานอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...