บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 148

บทที่ 148 เพราะรักจึงกลืนยาพิษ

“ซ่านจินจื๋อได้นำคนไล่ตามมาแล้ว”

จูเซกำลังบังคับรถม้าท่ามกลางสายฝน บอกกับจูเย่นที่อยู่ในรถม้า

เมื่อมองดูกว่างเสียนในรถม้าที่หมดสติไปนานแล้ว จูเย่นก็เหลือบมองม้าที่พวกเขาเหลืออยู่ โชคดีตอนที่กำลังจะออกจากเมืองยังเหลือม้าถึงสองตัว พลันหรี่ตามองกู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงกันข้าม สีหน้าแดงก่ำเป็นเพราะกำลังทรมานจากอาการป่วย

จูเย่นพลันโบกมือ “หยุดรถ!”

ม้าบริเวณรอบๆทยอยหยุด จูเซก็ยังกล้าที่จะจอดรถม้าบนถนนสายเล็กๆ

“กริ๊ก------”

เครื่องพันธนาการทั้งหมดที่อยู่บนแขนขาของกู้อ้าวเวยถูกปลดออก และคนที่เพิ่งจะหรี่ตามองใส่ก็เผ่นลงจากรถม้าอย่างเฉียบไว ออกเดินแค่ไม่กี่ก้าวจูเย่นก็จับตัวนางไว้อย่างเหนียวแน่นแล้วในขณะเดียวกันก็โยนขึ้นบนหลังม้าโดยไม่ลืมที่จะบีบบาดแผลบนไหล่ของนางอย่างดุร้าย “เจ้าไม่รู้จักการยอมแพ้บ้างเลยสินะ!”

ใบหน้ากู้อ้าวเวยซีดเผือด สายฝนกระทบที่ใบหน้าของนางและความเจ็บปวดที่ซึมซาบเข้าไปในบาดแผลทำให้นางส่งเสียงหอบอยู่หลายครา จนร่างโน้มตัวทิ้งไปด้านหน้า

จูเย่นรีบคว้าเชือกเพื่อผูกเอวนางแล้วมัดไว้กับเอวของตน ถือโอกาสดึงนางซุกในซอกคอของตนแล้วจึงสั่งจูเซที่อยู่ข้างๆ “นำกว่างเสียนโยนทิ้งไว้ที่นี่ เอาม้า แล้วทิ้งรถ”

“ข้าทราบแล้ว” จูเซรีบพยักหน้าแล้วมองกู้อ้าวเวยด้วยความกังวล “บาดแผลบนร่างนางยังไม่หายดี แล้วฝนนี่....”

“รีบไปยังสถานที่ถัดไป ที่นั่นอิทธิพลดำมืด ในอดีตซ่านจินจื๋อไม่เคยต่อสู้ทางน้ำจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่ายังไม่มีสักคนที่ดูแลตลาดมืดริมแม่น้ำนั้น” จูเย่นกล่าวอย่างมุ่งมั่นแล้วจึงควบม้าจากไปทันที

เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องล่าช้าอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน

จูเย่นสีหน้าหนักอึ้ง เมื่อคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะกู้อ้าวเวยก่อเรื่องเช่นนี้ พวกเขาเดิมที่ควรจะแอบออกจากเมืองอย่างลับๆ กลับต้องเล่นปาหี่เพื่อหนีออกจากเมืองอย่างรวดเร็ว

ซึ่งในความเป็นจริง แน่นอนว่าพวกเขามาเส้นทางลับ

กู้อ้าวเวยคล้ายกับจะรู้ความคิดของจูเย่น เมื่อนึกถึงเนินป่าช้านั่น นางจงใจใช้เท้าทำรอยให้ปากถ้ำนั้นเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยแส้คู่ของจูเย่น แต่ก็สมควรแก่ความคุ้มค่า

ทว่าหลังจากที่นางสลบไป ดูเหมือนจะพบว่ามีหนึ่งคนออกจากกลุ่มไปแล้ว

……

ซ่านจินจื๋อมองเห็นร่องรอยบริเวณปากถ้ำเนินป่าช้าอย่างชัดเจนว่ามีคนทำขึ้น แม้ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำรุนแรงก็ยังสามารถเห็นร่องรอยการถูไถด้วยปลายรองเท้า ถ้าหากไม่ใช่เพราะร่องรอยเหล่านี้ พวกเขาก็คงไม่พบปากถ้ำนี้ภายใต้เสื่อกกและซากศพที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ

“หากไปต่อข้างหน้าจะเป็นที่ไหน?”ซ่านจินจื๋อมองไปที่กุ่ยเม่ย

“หากมุ่งไปต่อข้างหน้า น่าจะพบกับทางแยกสองสายพะยะค่ะ” เฉิงซานค่อยๆชี้ให้เห็นถึงจุดก่อนที่กองกำลังของโหวเซ่อจะแยกย้าย ซ่านจินจื๋อจึงได้แค่ให้คนแบ่งทหารออกเป็นสองสาย

จนกระทั่งถึงเช้าของวันถัดมา ซ่านจินจื๋อจึงได้พบกว่างเสียนและรถม้าที่ถูกทิ้งไว้กลางทางเห็นได้ชัดว่ารถม้าถูกละทิ้งไว้อย่างจงใจ

กว่างเสียนที่บาดแผลเต็มทั่วร่างตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง ชั่ววินาทีที่เห็นซ่านจินจื๋อดวงตาพลันส่องประกายขึ้นมา

เฉิงซานช่วยดึงเขาลุกขึ้นจากพื้น หลังจากที่เห็นใบหน้าจึงส่งเสียงเย็นชา “กว่างเสียนงั้นหรือ?”

สีหน้าซ่านจินจื๋อเย็นชาขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่โบกมือเตรียมพาคนไปค้นหาตามร่องรอยของเส้นทางนี้ แต่โชคร้ายร่องรอยหลังจากที่ฝนหยุดนั้นเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย

“ช่วย...ช่วย ช่วยกระหม่อมด้วย กระหม่อมรู้ว่าพระชายาจิ้งไปที่ไหน! กระหม่อมมาด้วยกันกับนาง!” กว่างเสียนที่ถูกทิ้งไว้ตะโกนออกมาในทันที

“มาด้วยกันรึ?” เฉิงซานหันกลับไป แม้ซ่านจินจื๋อจะนิ่งเงียบแต่ก็หยุดฝีเท้าลงในทันที

กว่างเสียนราวกับจะเห็นสายใยแห่งความหวัง จึงเงยหน้านำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เล่าแบบเดิม เพียงแต่บิดเบือนข้อเท็จจริงนิดหน่อย เพื่อพิสูจน์ว่าเขาถูกพบเข้าด้วยกัน

ซูพ่านเอ๋อร์มองจิ่นซิ่ว ในแววตาแสดงออกถึงความขยะแขยง แต่ไรมานางไม่เคยสนใจเรื่องทายาทระหว่างนางกับพี่จื๋อ พวกเขาต่างรักกันและกัน ไม่ต้องการลูกมาผูกมัดพวกเขา

นางเพียงแค่ต้องการรั้งซ่านจินจื๋ออยู่ข้างกายนางเท่านั้น!

เมื่อป้อนยาเม็ดที่อยู่ในมือลงไป นางจึงกุมทรวงอกทันทีที่ความเจ็บปวดแทงกระหน่ำ แล้วมองไปยังจิ่นซิ่ว “ยังเซ่ออะไรอยู่อีก....”

จิ่นซิ่วรีบลุกคลานขึ้นจากพื้นเพื่อไปตามหมอเมี่ยวหารมา

ซูพ่านเอ๋อร์เริ่มตาปรือ ในที่สุดเรื่องสุดท้ายที่สามารถทำได้ก็คือการนำจดหมายฉบับนั้นโยนลงในน้ำชาที่อยู่ข้างๆ

ยามตะวันขึ้นกลางฟ้า ซ่านจินจื๋อได้นำคนควบม้ามาในป่า เมื่อข้ามภูเขาลูกนี้ไปก็ยังมีหมู่บ้านอีกไม่น้อยที่ต้องไปสำรวจสอบถาม พวกเขาที่เดินทางอย่างเร่งรีบกลับคาดไม่ถึงว่าจะมีทหารควบม้าดิ่งตรงมาจากเมืองเทียนเหยียนมาที่เบื้องหน้าพวกเขา รายงานกับซ่านจินจื๋อว่า “เรียนท่านอ๋อง แม่นางซูถูกคนของโหวเซ่อโจมตีวางยาพิษ ยามนี้หมดสติไปยังไม่ฟื้นพะยะค่ะ”

เฉิงซานสับสนเล็กน้อย ในแววตากุ่ยเม่ยมีประกายความสงสัยวาบผ่าน

ทว่าซ่านจินจื๋อเลี้ยวม้ากลับทันที “ข้าจะกลับเทียนเหยียน พวกเจ้าสืบหาต่อ!”

“พะยะค่ะ” เฉิงซานพยักหน้ารับนำกำลังคนไปค้นหาต่อ

กุ่ยเม่ยไม่ได้ตามซ่านจินจื๋อไป แต่กลับตามหลังเฉิงซาน ดวงตาหงส์คู่นั้น มีความเคว้างคว้างอย่างหาได้ยาก

เมื่อเปรียบเทียบกับซูพ่านเอ๋อร์ที่ไม่เคยนึกอยากจะพบ กุ่ยเม่ยยังชื่นชอบพระชายาผู้แปลกประหลาดนั่นมากกว่า

เพียงแต่จากที่เขามองออก ถึงแม้ท่านอ๋องจะมีใจหวั่นไหวกับพระชายา แต่ไม่อาจเหนือกว่าซูพ่านเอ๋อร์ตลอดกาล

“อย่าได้คิดเลย ควรรีบหาพระชายาให้พบจะดีกว่า”เฉิงซานเห็นเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างหาได้ยาก คล้ายกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงตบเข้าที่บ่าของเขา “

“ใช่” กุ่ยเม่ยหลับตาลงและลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง หวนคืนสู่ความสุขุมอย่างที่เคยเป็น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์