บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 181

บทที่181 ความเป็นอมตะ

ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซ่านจินจื๋อมองไม่ออกเสมอ

เหตุใดกู้อ้าวเวยถึงได้ดื้อดึงไม่เคยยอมแพ้เช่นนี้ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องราวอะไรก็ตาม ทระนงตนไม่เคยยอมก้มหัว ทั้งที่คนที่ตายไปคือท่านปู่ที่นางรักยิ่ง เหตุใดนางยังสามารถเฉยชาได้เพียงนี้

”เฉิงซาน ส่งคนให้ไปช่วยจัดการปัญหาในมือของพระชายาซะ”

ซ่านจินจื๋อเมื่อรับสั่งเสร็จ ก็รีบเดินจากมา เพียงค่อยๆนึกย้อนกลับไปอดีตที่กู้อ้าวเวยเคยกระทำทั้งหมด

หลอกลวงซู๋ฮองเฮาให้รับปากคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแลกกับใบสั่งยา ใช้ความใจดีของหมอทำความรู้จักกับองค์ชายสี่ ออกหน้าแทนฉีหลินเรื่องวางยาพิษอย่างกล้าหาญ ใช้ประโยชน์จากอำนาจในการช่วยให้ฉีหรัวได้สืบทอดสำนักเยียนหยู่เก๋ออย่างเฉียบขาด เสนอโหวเซ่อให้สนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างกล้าหาญ

มิน่าล่ะองค์ชายหกถึงได้ชมชอบนางเช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือบุคลิก ความเฉลียวฉลาดหรืออุปนิสัย กู้อ้าวเวยนางมักจะมีความคิดหรือวิธีการที่เหนือชั้นกว่าคนรอบข้าง ข้อเสียเพียงอย่างเดียว กลับกลายเป็นไม่เคยมองทะลุในใจดวงนั้น จึงไม่เคยรู้ว่านางต้องการทำอะไรกันแน่

ตอนนี้คิดดูแล้ว กู้อ้าวเวยต้องการอำนาจต้องการเงินทอง นี่คงคิดตั้งหลักปักฐานตนเองอยู่ที่เทียนเหยียนนี่

“กุ่ยเม่ย ปกติแล้วพระชายายังคบหากับใครอีกบ้าง?” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ย้อนดูแล้ว กู้อ้าวเวยปีนขึ้นสู่ตำแหน่งนี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หยวนเอ๋อคอยพูดแก้ต่างให้นาง ซู๋ฮองเฮาคอยหนุนอยู่เบื้องของนางเพื่อใบสั่งยา และนางก็ร่วมมือกับสำนักเยียนหยู่เก๋อทำให้ไม่ขาดแคลนเงินตรา ไปจี้ซื่อถางรักษาช่วยเหลือคนก็ยิ่งได้ใจของชาวบ้าน

หากว่านางเป็นผู้ชาย เกรงว่าในไม่กี่ปีก็คงสามารถก้าวนำตำแหน่งเฉิงเสี้ยงที่บิดากู้เฉิงดำรงอยู่ในขณะนี้

”ไม่ค่อยได้คบหากับคนมากมายนัก แต่กลับเป็นพวกคนปลูกยา ยังมีขอทานน้อยที่นางเคยช่วยชีวิตไว้ได้ในจี้ซื่อถาง จากนั้นก็คงเป็นแผงลอยขายเกี๊ยวที่อยู่ถัดไปและร้านอาหารป่ายเว่ยนั่นที่ทำขนมหวานคือ……” กุ่ยเม่ยพูดนับออกมาทีละอันๆ พวกนี้ล้วนแต่เป็นคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง

ซ่านจินจื๋อปวดศีรษะจนต้องนวดขมับไปมา: “เจ้ารู้หรือไม่ว่านางต้องการทำอะไรบ้างกันแน่?”

“ข้าน้อยไม่ทราบ” กุ่ยเม่ยไม่ทราบจริงๆ

”นางปีนสู่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆโดยอาศัยบ่าของข้า เจ้าพอรู้ไหมว่านางได้เคยติดต่อนายพลหรือขุนนางในราชสำนักหรือไม่?” ซ่านจินจื๋อนวดไปมาตรงขมับ

”กู้เหยียนจือรวมหรือไม่?” กู่ยเม่ยแสดงสีหน้าที่ว่างเปล่า ให้รู้ว่าไม่ทราบจริงๆ

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนๆ เพียงแค่กู้อ้าวเวยติดต่อกับใครๆ ท่านอ๋องก็จะรู้ได้โดยปกติ เหตุใดถึงเพิ่งมาถามทีละคำถามอย่างละเอียด

หรือว่าข้าคิดมากไปเอง?

ซ่านจินจื๋อเพียงเลิกคิ้วขึ้น กำลังคิดว่ากู้อ้าวเวยมีแผนการอื่นอีกหรือไม่

นอกประตูแม่บ้านก็รีบรุดเดินเข้ามา ข้างหลังตามมาด้วยกู้อ้าวเวยที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสีขาวทั้งตัวแล้ว กู้อ้าวเวยเพียงแค่เกล้าผมด้วยปิ่นไม้ต้นท้อด้ามเดียว ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของซ่านจินจื๋อแล้วแสดงความเคารพ: “แม่บ้านไม่ให้ข้าออกจากตำหนักอ๋อง หรือว่าเป็นรับสั่งของท่านอ๋อง”

”ข้าเคยกล่าวไว้หรือ?” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว

”คือข้าคิดว่าช่วงนี้อาการป่วยของแม่นางซูพ่านเอ๋อหนักขึ้น ดังนั้นถึง……”

”ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว” เฉิงซานมองด้วยดวงตาเย็นชา เดิมเพราะว่าแม่บ้านไม่ได้เพิ่มพวกอุปกรณ์ให้วิหารเฟิ่งหมิงจึงถูกหักเงินเป็นเวลาสามเดือน วันนี้ยังจะกล้าไม่ปล่อยให้พระชายาออกไปไหนอีก ช่างใจกล้าจริงๆ

”แม่บ้านคงนึกว่าข้าไปจากเทียนเหยียนแล้ว คงจะไม่ใช่หญิงสาวผู้บริสุทธิ์อีกแล้ว ดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่ได้เห็นข้าอยู่ในสายตาเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้ละเลย เพียงแต่ว่าในเวลานั้นที่ท่านปู่จากไปไม่ได้บอกข้าถึงข้อตกลงระหว่างตระกูลหยุนและราชวงศ์ ตอนนี้ข้าจึงต้องการไปที่พระราชวังสักหน่อย ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมีเหตุผลอะไรถึงรั้งข้าไว้?”

กู้อ้าวเวยโมโหเล็กน้อย ท่าทางแข็งกร้าว

ไม่มีคนสามารถพูดคุยได้?

ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างหน้าแล้วดึงนางให้ลุกขึ้นด้วยแรงที่ไม่น้อย แม้แต่แม่บ้านที่คุกเข่าอยู่ข้างๆก็ตกตะลึงเล็กน้อย

ดวงตาคู่นี้ของกู้อ้าวเวยยังคงสดใสเพียงนี้

“ตอนนี้เจ้าคือพระชายาของข้า เจ้ายังคงเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์นั่น?” ซ่านจินจื๋อถามทันที

เขาแค่อยากเห็นนางแสดงความอ่อนแอ!

กู้อ้าวเวยเหมือนถูกแทงด้วยมีดเจ็บกว่าปกติจนต้องหลับตาลง สุดท้ายก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความดูถูกดูแคลน: “ซ่านจินจื๋อ คำพูดนี้คือประโยคที่ตัดขาดความรักของข้าโดยแท้จริง ถ้าข้าถูกคนอื่นทำให้มีมลทิน ข้าจะต้องบอกทุกอย่างอย่างแน่นอน! ไม่ใช่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านด้วยใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ พูดคุยกับท่าน!”

เมื่อปัดมือของซ่านจินจื๋อออกแล้ว หลังจากนั้นยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่

”ท่านว่าข้าไม่มีความรู้สึก แล้วรู้หรือไม่ท่านปู่ได้รับสั่งเรื่องราวตระกูลหยุนของข้าไว้อย่างไร!”

ในที่สุดกู้อ้าวเวยดวงตาแดงก่ำ แต่ซ่านจินจื๋อเพียงแค่ชะงักเล็กน้อยและยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร กู้อ้าวเวยก็กำลังเดินออกไปข้างนอกด้วยตัวเอง: “วันนี้ ข้าจะต้องเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ให้ได้ ขอเพียงแค่ได้ทราบข้อตกลงระหว่างตระกูลหยุนและราชวงศ์ ข้าถึงสามารถ……”

“ข้าจะบอกเจ้าเอง” ซ่านจินจื๋อดึงรั้งนางไว้ เฉิงซานที่ยืนอยู่ข้างๆก็รู้หน้าที่รีบดึงแม่บ้านขึ้นแล้วพาออกไปด้านนอก แล้วปิดประตูลง

”คืออะไร?” กู้อ้าวเวยนวดหางตาที่เมื่อยล้าไปมา

“เพื่อยาอายุวัฒนะ และมีเพียงตระกูลหยุนของพวกเจ้าที่สามารถทำได้ ฮ่องเต้องค์ก่อนเพื่อเป็นอมตะ จึงได้ขายตำแหน่งขุนนางให้ตระกูลหยุนเพื่อทำข้อตกลง ครั้งนั้นเพราะทำไม่สำเร็จจึงให้คนของตระกูลหยุนไม่น้อยชดใช้ฝังทั้งเป็น ตอนนี้เจ้าคือคนสุดท้ายของตระกูลหยุนที่แต่งเข้ามาในราชวงศ์ เสด็จพี่คิดว่าเขาเป็นหนี้ตระกูลหยุนของพวกเจ้าทั้งหมด ดังนั้นถึงได้ให้ความสำคัญเช่นนี้กับเจ้า” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างละเอียด

เพียงแลกมากับเสียงหัวเราะเบาๆที่แทบจะไม่ได้ยินของกู้อ้าวเวยเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์