บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 190

บทที่190 เลือดเนื้อตระกูลหยุน

“ตระกูลหยุนมีสายเลือดที่พิเศษ เลือดในร่างกายเป็นตัวยาที่ดีที่สุดแล้ว”

ท่านหมอวางพู่กันในมือลง แล้วมอบใบสั่งยาให้เมี่ยวหาร แต่เพียงแค่ลูบเคราแล้วยืนนิ่งตรงหน้าของซ่านจินจื๋อ แล้วเหลือบมองซูพ่านเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความกังวล เงียบและไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน ในที่สุดก็เอ่ยเสียงเบาว่า “หากว่าใช้เลือดเนื้อตระกูลหยุนทำยา……”

“เพล้ง———“

ถ้วยในมือของซ่านจินจื๋อแตกคามือ เมี่ยวหารและท่านหมอตกใจสะดุ้ง มีเพียงเสียงไอของซูพ่านเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียง ฝ่ามือจับขอบเตียงพยุงตัวให้ลุกขึ้น ซ่านจินจื๋อตื่นตกใจ รีบพุ่งตัวมาข้างเตียงแล้วกอดนางไว้ในอ้อมอก นางอ้าปากพูด แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

“ท่านพี่จื๋อ……”

ซูพ่านเอ๋อดึงแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อ น้ำตาจำนวนมากมายคลออยู่ในดวงตาที่สดใส แล้วไหลรินลงบนแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อไม่หยุด ทิ้งไว้เพียงร่องรอยคราบน้ำตาสีคล้ำเป็นจุดๆ แต่กลับไม่มีอะไรอื่น

หรือว่าต้องสังหารกู้อ้าวเวยเพื่อซูพ่านเอ๋อใช่ไหม?

หรือว่าค้นหาอีกกลุ่มของตระกูลหยุน

”ท่านอ๋อง เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว” ท่านหมอพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค ขมวดคิ้วแน่น

มือของซูพ่านเอ๋ออ่อนแรงแล้วค่อยๆล่วงลงจากอ้อมอกของซ่านจินจื๋อ ในห้องจึงเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ซ่านจินจื๋อได้แต่ถอยออกจากห้อง ให้หมอทั้งสองช่วยรักษาซูพ่านเอ๋อ เจ็บปวดหัวใจเหมือนโดนมีดกรีด

นวดขมับเบาๆ แต่ในใจของซ่านจินจื๋อกลับคิดถึงดวงตาที่สดใสคู่นั้นของกู้อ้าวเวย

หรือว่าเขาต้องฆ่ากู้อ้าวเวยด้วยมือตนเองจริงๆหรือ?

ทันใดนั้นก็มีเสียงอู้อี้ในห้องส่งออกมา เสียงวุ่นวายในห้องทำให้เขาทนไม่ไหวอยากเข้าไปดู แต่ก็ถูกเฉิงซานที่เฝ้าหน้าประตูห้ามไว้ หมอกำลังรักษา แม้ว่าจะเป็นถึงท่านอ๋องก็ไม่ควรเข้าไป

ได้แต่กำหมัดไว้แน่น ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาอีก จึงทำให้ซ่านจินจื๋อสงบลงได้

เขายืนอยู่นอกประตูสองชั่วยามเต็ม จนในที่สุดเมี่ยวหารก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วเดินออกมา น่าตกใจที่เห็นซ่านจินจื๋อยืนปักหลักอยู่หน้าประตูเหมือนเทพเฝ้าประตู พูดเสียงเครียดว่า: “แผลบนร่างกายของพ่านเอ๋ออาการหนักมาก หากภายในครึ่งปี……”

“ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าดูแลพ่านเอ๋อให้ดี หากว่าภายในครึ่งปีนี้นางมีอะไรเปลี่ยนไป ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้ด้วยชีวิต”

ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ ซ่านจินจื๋อก็ก้าวเท้าหนักแน่นออกจากลานนี้ไป

สารทฤดูลมพัดพาใบไม้ร่วงปลิว อยู่ในลาน

สารทฤดูเสียงลมพัดใบไม้หวีดหวิว ซ่านจินจื๋อมาถึงวิหารเฟิ่นหมิงด้วยมือเท้าเย็นเฉียบ แต่ในเวลานี้วิหารเฟิ่นหมิงนั้นเงียบสงัดไปแล้ว ทหารสวมเกราะสีเงินถูกซ่านเชียนหยวนพาไปแล้ว เหลือเพียงใบไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้นแห่งนี้เท่านั้น ใยแมงมุมใต้ชายคา และบ้านหลังใหญ่ยังคงเปิดกว้างทั้งประตูและหน้าต่าง เพื่อให้คนตาบอดได้ยินเสียงของใบไม้ร่วง

และกู้อ้าวเวยเพิ่งลุกจากเตียง นั่งคนเดียวบนเก้าอี้ ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวด้วยความหนักแน่น นางก็เพียงแค่ขมวดคิ้ว ผมดกดำไม่ได้มวยขึ้น หรี่ตาลงเล็กน้อย ฟังเสียงนั้นโดยไม่แม้แต่จะหันหัวกลับไปมอง

“ท่านอ๋องมาเพื่อเอาชีวิตของข้าใช่หรือไม่”

“เจ้าเป็นคนให้หยวนเอ๋อพาคนออกไปจากที่นี่หรือ?”

ซ่านจินจื๋อถามกลับและนั่งลง เพียงยกมือขึ้นจับมือของอีกฝ่ายที่เย็นเฉียบเหมือนกัน ด้วยความหงุดหงิด

ฝ่ามือของเขาเย็นเฉียบ กู้อ้าวเวยจะชักมือกลับ กลับถูกเขากุมมือของนางแน่นกว่าเดิม ดูเหมือนว่าจะต้องการคำตอบให้ได้

ถูกวางเข้าไปในผ้าห่มบนเตียงด้วยความอ่อนโยน ความกลัวที่ไม่รู้จักทำให้นางดันหน้าอกของคนตรงข้ามไว้ไม่ปล่อย: “ท่านต้องการทำอะไรกันแน่!”

”เลือดเนื้อตระกูลหยุน สามารถรักษาพ่านเอ๋อ แต่ข้ารับปากหยวนเอ๋อแล้ว จะไว้ชีวิตของเจ้า”

เสียงของซ่านจินจื๋อต่ำและลึก ผ้าที่อยู่ภายใต้มือใหญ่คู่หนึ่งถูกฉีกขาดออกจากกันแล้ว กู้อ้าวเวยเฉยเมยไร้ความรู้สึก เพียงแค่รู้สึกถึงปลายนิ้วที่เย็นเฉียบของอีกฝ่ายเกี่ยวเบาๆที่หัวไหล่และหน้าอกของนางอย่างอ่อนโยน สำรวจบาดแผลที่ข้อมืออย่างระมัดระวัง

แต่ไม่สามารถรักษาบาดแผลบนร่างกายของนางได้ทันแล้ว

”เวลามีไม่มากแล้ว”

ประตูและหน้าต่างในห้องถูกปิดลงตามเสียงพูดที่จบลงของซ่านจินจื๋อ

กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกเย็นยะเยือก ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย ภายใต้การกระทำที่อ่อนโยนของคนตรงข้าม นางเพียงแค่หัวเราะเยาะตนเอง: “ซ่านจินจื๋อ ถ้าหากท่านทำเช่นนี้จริงๆแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยผ่านท่านแน่นอน!”

”ข้าทำทั้งหมดล้วนดีสำหรับเจ้า”

ซ่านจินจื๋อโอบกอดอีกคนไว้ในอ้อมแขน มองข้ามการดิ้นรนขัดขืนของนาง โยนอีกคนเข้าไปในเหวที่ลึกสุด

นอกวิหารเฟิ่งหมิง ชิงต้ายและหยินเชี่ยวกำลังหอบเอาผ้าห่มและเสื้อผ้าในฤดูใบไม้ร่วงเดินเข้ามา เพิ่งมาถึงนอกประตู กลับถูกเฉิงซานรั้งไว้อย่างแน่นหนา: “หลายเดือนนี้พระชายาไปเรือนอื่นนอกเมืองเทียนเหยียนเพื่อรักษาบาดแผล พวกเจ้าสองคนอยู่เฝ้าร้านยาเหย้า วันหลังไม่ต้องมาตำหนักอ๋องแล้ว”

”แม้ว่าไปเรือนอื่นแล้ว ก็ไม่ต้องการคนติดตามแล้วหรือ?” ชิงต้ายแอบพูดไม่ดี แต่หลังจากที่รั้งหยินเชี่ยวไว้ข้างหลังแล้ว ถึงได้พูดเช่นนี้กับเฉิงซาน

“ท่านอ๋องบอกว่าไม่จำเป็น ก็คือไม่จำเป็น ถ้าหากแม่นางทั้งสองยังไม่ยอมไป พ่อบ้านจะต้องส่งคนมาขับไล่พวกเจ้าทั้งสองคนออกไปแน่นอน” แววตาของเฉิงซานเย็นยะเยือก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์