บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 205

บทที่ 205 มนุษย์ที่ไม่คิดอ่านกระทำการเพื่อตนเอง

ลมยามคิมหันตฤดูแสนหนาวเหน็บ ตอนที่กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมานั้น ด้านนอกหน้าต่างยังไม่ทันสว่างเลย

พระในลานต่างพากันลุกขึ้นมาทำความสะอาด ในขณะที่เจ้าอาวาสฉันภัตตาหารแล้วจึงไปด้านในตัวอาราม

กู้จี้เหยาในห้องถัดไปยังไม่ทันตื่นขึ้นมา มีเพียงหลานเอ๋อร์มาทำความเคารพเสร็จแล้วจึงรีบเร่งออกไปเท่านั้น กู้อ้าวเวยมายังโถงด้านหน้าเพียงลำพัง กลับเผชิญหน้ากับกู้ฮูหยินในชุดสมถะตัวหนึ่ง ในมือนางกำลูกประคำอยู่ และสวดพึมพำต่อหน้ามังสวิรัติเหล่านี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมา

คิดไม่ถึงเลยว่าท่านแม่เล็กจะเป็นคนที่เคร่งครัดศาสนาคนหนึ่งเหมือนกัน

“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ตื่นแต่เช้าตรู่ขนาดนี้เพื่ออะไรกัน” ครั้นกู้ฮูหยินเห็นนางเข้าก็ปั้นหน้าเย็นชา น้ำเสียงก็ฟังดูแข็งทื่อเหมือนเมื่อก่อน

“แค่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านแม่เล็กจะเคร่งครัดต่อพุทธศาสนาขนาดนี้” กู้อ้าวเวยหย่อนตัวลงนั่ง และให้ชิงต้ายปรนนิบัติตนรับประทานอาหารต่อ

“มันไม่ใช่ว่าเพราะลูกสาวไม่เอาไหนของข้าหรอกหรือ” กู้ฮูหยินค่อนข้างขมขื่น “ข้าเสียอีกที่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะช่วยจี้เหยาเอาไว้”

“ก็แค่ทำศึกร่วมกันเท่านั้น” กู้อ้าวเวยบีบหัวไหล่ของชิงต้ายเบาๆ ชิงต้ายจึงเพิ่มระดับความเร็วอย่างรู้งาน ทำเพียงรีบทานข้าวให้เสร็จอย่างรวดเร็วเท่านั้น กู้อ้าวเวยปลีกตัวอย่างว่องไวเพื่อไปร้านยาที่อยู่ข้างๆ

ร้านยาแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของห้องสวดภาวนา แค่ต้องเดินไปสักพัก ตัดผ่านป่าไปก็จะมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว

แพทย์ส่วนใหญ่ในร้านยาแห่งนี้ไม่เหมือนกับพระสงฆ์เหล่านั้น ล้วนเป็นคนชราที่มีอายุมากในตำบลตรงตีนเขา เป็นคนแก่ที่ไม่อยากอาศัยร่วมกับลูกหลาน ส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นปู่ทั้งนั้น ในยามปกติตอนที่ไม่มีอะไรทำก็เพียงแต่วางหมากล้อมอ่านหนังสือ หากมีคนเข้ามาเสาะหายาสมุนไพร ก็ทำเพียงแค่เขียนตำรับยาอย่างลวกๆ ส่งพวกเขาให้ออกไปเท่านั้น

เนื่องด้วยตอนที่กู้อ้าวเวยมายังสถานที่ดังกล่าว พวกเขากำลังล้อมวงกันวางหมากล้อม มีเพียงท่านอาจารย์น้อยสองคนที่อยู่ด้านข้างรู้ข่าวคราว จึงต้อนรับทั้งสองมายังโถงใน “ได้ยินว่าผู้อุปถัมภ์ก็คือท่านหมอผู้นี้หรือ”

“ใช่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ค้าขายยาสมุนไพรมานานมากแล้ว รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง ไม่รู้ว่าตีนเขาแห่งนี้มีศูนย์การแพทย์เทือกนี้บ้างหรือไม่” กู้อ้าวเวยพยักหน้า

เจ้านายน้อยคนนั้นมองดวงตาของนางอย่างลงรายละเอียด ก่อนทำเพียงเกาหูลูบแก้มอย่างไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรดี

ชิงต้ายมองการแสดงออกของเจ้านายคนนั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง “เจ้านายน้อย ถึงแม้ดวงตาคุณหนูของข้าจะมองไม่ชัด แต่ตรวจวัดชีพจรเขียนใบสั่งยากลับไม่เป็นอุปสรรคเลยนะเจ้าคะ”

“ในเมื่อมาแล้วอย่างนี้ ช่วงบ่ายมีผู้อาวุโสหลายท่านจะลงไปที่ศูนย์แพทย์พอดีเลย ดูเหมือนว่าในช่วงฤดูหนาวมีผู้ลี้ภัยจำนวนไม่น้อยที่พักอาศัยอยู่ในโรงเก็บของตรงตีนเขานี้” เจ้านายน้อยคนนั้นรีบเอ่ยวาจา ประโยคหลังยังพูดว่าอามิตตพุทธเสริมอีกด้วย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ช่วยพาข้าไปหน่อยได้หรือไม่” กู้อ้าวเวยเริกเรียวคิ้วขึ้น

ดวงตาของเจ้านายน้อยเป็นประกาย เขาตอบตกลงทันควัน หลังจากพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยเป็นเวลานานแล้วจึงออกไปให้คนไปเตรียมการ กลัวเหลือเกินว่าผู้อุปถัมภ์หญิงที่ทั้งมีจิตใจดีทั้งยังตั้งครรภ์ท่านนี้จะได้รับการกระทบกระทั่งเข้า

รอจนเจ้านายน้อยจากไป กู้อ้าวเวยจึงไปนั่งรวมตัวกับคนรุ่นปู่กลุ่มนั้น

ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่มันน่าสนใจอย่างยิ่งที่จะฟังการปรากฏตัวของผู้อาวุโสที่พูดคุยเกี่ยวกับการวางหมาก

ทั้งสองกลับไม่ได้มองเห็นบริเวณมุมเลี้ยวด้านหลังกาย มีบุคคลในชุดที่ดำขลับหรี่ดวงตาเล็กลง

กุ่ยเม่ย...บุคคลด้านข้างในชุดสีดำสนิทเช่นเดียวกันปกปิดแม้กระทั่งใบหน้าเอาไว้ เขากดเสียงต่ำ “ท่านอ๋อง ในเมื่อพวกเราตามมาจนถึงที่นี่แล้ว ทำไมถึงไม่ให้พวกเขารับรู้เลยเล่า”

“ก็แค่กลัวว่านางจะเคลื่อนไหวมากกว่านี้เท่านั้นแหละ” ซ่านจินจื๋อทำมือตั้งฉาก มองดูกู้อ้าวเวยร่วมเสวนาด้วยกันกับคนชรารุ่นปู่เหล่านั้น ในใจถึงกับไม่สบอารมณ์

ขอเพียงไม่ได้สนทนากับซ่านจินจื๋ออย่างเขา ดูเหมือนกู้อ้าวเวยจะเผยรอยยิ้มแย้มกับนี้กับใครก็ตามสินะ

“ทว่าดวงตาของพระชายายังมองไม่ชัด จะทำอะไรได้กระนั้นหรือ ท่านอ๋องคิดมากไปแล้วหรือไม่” กุ่ยเม่ยไม่เข้าใจ

ตอนที่ตัดผ่านพวกลี้ภัยหนาวเหล่านั้น ซ่านจินจื๋อเห็นว่ามันแปลกประหลาดตั้งแต่แรกแล้ว ภูมิประเทศกว้างใหญ่ ส่วนทางฝั่งนี้ยิ่งผ่านแนวเขาไปยิ่งเป็นสถานที่อันหนาวเหน็บ แต่กลับเงียบสงบยิ่งนัก พวกลี้ภัยเหล่านี้พอถึงฤดูหนาวก็ข้ามเขาไม่ได้จึงเข้ามาที่นี่ จำนวนคนนับดูแล้วไม่มาก แต่กลับครอบครองสถานที่ไม่น้อยในตำบลเล็กๆ แห่งนี้

“ให้คนไปถวายฎีกา เบิกเงินมาที่นี่” ซ่านจินจื๋อเหลือบมองไปที่คนจำนวนมากเช่นนี้

หากตามอุปนิสัยชอบช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของกู้อ้าวเวยแล้ว กลัวว่าจะต้องรออยู่ที่นี่จนกว่าจะรักษาพวกเขาให้หายดีจึงจะยอมออกไปเป็นแน่ ถึงตอนนี้ มันคงจะล่าช้ามากเลยทีเดียว

ขอเพียงรออีกแค่สามเดือน เด็กก็จะมีพัฒนาการใกล้สมบูรณ์แล้ว

กู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงไหล่เขานั้นมีอาการชาปลายนิ้วแบบหาสาเหตุไม่ได้ นางสั่นระริกโดยไม่รู้ตัว

“คุณหนู เป็นอะไรไป” ชิงต้ายรีบถลาเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไร แค่จู่ๆ ก็หนาวขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรือเปล่าสินะ” กู้อ้าวเวยกอดลำแขนของตัวเอง และกล่าวขออภัยกับผู้อาวุโสหลายท่าน ก่อนไปจะนั่งที่โถงในกับชิงต้าย หลังจากที่ยกน้ำอุ่นขึ้นมาแล้วนางจึงเอ่ยต่อ “พักหลังนี้กู้จี้เหยามีอะไรที่แตกต่างไปหรือไม่”

“คืนวานหลานเอ๋อร์แอบเข้าไปในห้องของกู้ฮูหยินมาเจ้าค่ะ” ชิงต้ายเอ่ยพลางกดเสียงต่ำ “คุณหนู ท่านไม่คิดจะยืนอยู่ฝั่งจวนเฉิงเสี้ยงจริงๆ หรือเจ้าคะ”

“เมิ่งซู่คนนั้นอาจจะมีประโยช์ต่อข้าคนเดียวเท่านั้น เมื่อก่อนบิดาคิดอยากจะเริ่มความเกี่ยวพันกับข้า ตอนนี้ ข้าจะคอบจับตาดูเขาเอง ขอเพียงเขาไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย ถ้าอย่างนั้นอ๋องจิ้งย่อมต้องปกป้องเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเขาก่อเรื่องมีใจคิดไม่ซื่อ คนแรกที่จะจัดการเขาก็คืออ๋องจิ๋งนั่นแหละ” กู้อ้าวเวยช้อนสายตา ทำเพียงเอื้อมมือออกมาเพื่อดูนิ้วมือของตัวเอง “เขาไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น ดังนั้น ข้าถึงไม่ได้บอกพวกเขา ดวงตาของข้าเกือบจะหายดีแล้ว”

ชิงต้ายกระตุกมุมปาก “แต่ว่าละครบทนี้ยังต้องแสดงต่อไปหรือไม่เจ้าคะ”

“แน่นอนสิ ได้ออกมาเที่ยวนี้ ข้าจะต้องทำให้กู้จี้เหยาเกลียดชังซูพ่านเอ๋อโดยสมมบูรณ์” กู้อ้าวเวยยกมุมปากขึ้น

มนุษย์ที่ไม่คิดอ่านกระทำการใดเพื่อตนเองย่อมประสบหายนะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์