บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 209

บทที่ 209 หวนสู่กรงขัง

เช้าตรู่วันถัดมา ฟากนภาสว่างไสว

กู้อ้าวเวยพาเมิ่งซู่และเสี่ยวหงขึ้นไปบนเขา และมาที่ห้องโถงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กู้เฉิงและกู้ฮูหยินดูมีความสุข เอาแต่พะเน้าพะนอกู้จี้เหยาที่อาจจะตั้งครรภ์ บนโต๊ะเปี่ยมด้วยอาหารโอชะ

“บิดา ท่านแม่เล็ก เวยเอ๋อพาคนมาแล้วเจ้าค่ะ” กู้อ้าวเวยประคองริมโต๊ะก่อนหย่อนกายนั่งลง ทำเพียงยกมือขึ้นให้เมิ่งซู่นั่งด้วยกัน ชิงต้ายที่อยู่ด้านหลังลากเสี่ยวหงออกมาด้านนอกโถงตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว เลี่ยงไม่ให้นางก่อเรื่องด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่น

แต่น่าเสียดายที่สิ้นเสียงกู้อ้าวเวย กู้เฉิงกลับไม่ได้สนใจเลย

ปั้นหน้านิ่งบนความกระอักกระอ่วน กู้อ้าวเวยเริ่มก้มหน้าก้มตาทานอาหารขึ้นมา

เมิ่งซู่มองดูเรื่องราวทั้งหมด และมองไปทางกู้อ้าวเวยอย่างอดไม่ได้ เมื่อเทียบกับครอบครัวเฉิงเสี้ยงทั้งหมดแล้ว มีเพียงกู้อ้าวเวยเท่านั้นที่สวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายตัวหลวมท่ามกลางวัดวาอารามแห่งนี้ ส่วนเรือนผมก็ยังเป็นมวยที่เสี่ยวหงช่วยทำให้เมื่อตอนเช้า

เมื่อมองไปที่คนสามคนเบื้องหน้าในอาภรณ์หรูหรา หัวร่อต่อกระซิกกัน ให้ความรู้สึกว่าเป็นสองครอบครัวอย่างไรอย่างนั้น

ถูกเมิ่งซู่จ้องแบบนี้ กู้อ้าวเวยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ทำเพียงยกมือขึ้นลูบพวงแก้มเบาๆ “ท่านกำลังจ้องข้าอยู่หรือ ข้ามองดวงตาของท่านไม่ค่อยชัดเท่าไรเลย”

“เสียมารยาทแล้ว” เมิ่งซู่กระแอมไอหนึ่งครั้ง รีบร้อนกินอาหารขึ้นมาทันใด

รอจนกระทั่งกู้อ้าวเวยทานอาหารเสร็จ ทางฝั่งสามคนนั้นยังคงยุ่งง่วนกับการเสวนากันเอง กู้ฮูหยินหัวเราะเสียจนหุบปากไม่ลง

ทำเพียงมองอย่างแน่นิ่ง ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่กลางใจ ตอนที่ตนตั้งครรภ์ กู้เฉิงไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว เศร้าซึมอยู่สักพัก นางจึงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

คิดเรื่องพวกนี้ทำไมกันนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งทนทุกข์

“จี้เหยา เจ้าก็ตามท่านแม่ของเจ้ากลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เสียสิ” คราวนี้กู้เฉิงจึงมองเห็นเมิ่งซู่ ก่อนโบกมือให้กับกู้จี้เหยา

“ตอนนี้ตั้งครรภ์แล้ว จะต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้ประมาทจนกว่าวันหน้าจะกลับถึงจวนอ๋องเชียวนะ รู้หรือไม่” ก็ฮูหยินประคองกู้จี้เหยาเดินออกไปอย่างระมัดระวัง

ในตอนนี้ท่ามกลางห้องโถงกว้างใหญ่ เหลือเพียงแต่พวกเขาสามคนเท่านั้น

กู้อ้าวเวยหยิบขนมอบมากินอย่างเกียจคร้าน เอามือยันแก้มพลางมองไปทางกู้เฉิง “บิดาให้ข้าพาคนมา แต่กลับไม่ให้เกียรติขนาดนี้ ดูไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่ครึ่งเสี้ยวนะเจ้าคะ”

“เวยเอ๋อเจ้าพูดอะไรออกมากัน” กู้เฉิงกระแอมไอ “ตอนนี้น้องสาวเจ้าตั้งท้องทายาทของท่านอ๋องอยู่นะ ไม่ควรดีอกดีใจสักหน่อยเชียวหรือ”

กู้อ้าวเวยเลิกเรียวคิ้วขึ้น ดูท่ากู้เฉิงจะยังไม่รู้ว่าท่านแม่เล็กและกู้จี้เหยาแอบทำเรื่องโสมมอะไรไว้บ้างสินะ

“ควรดีใจอยู่ แต่ก็ไม่ควรละเลยต่อผู้มีพรสวรรค์ พวกท่านพูดคุยกันเถิด ข้าจะออกไปสูดอากาศเสียหน่อย” กล่าวพลาง กู้อ้าวเวยก็หยัดกายลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอกเป็นที่เรียบร้อย

เหลือเพียงแต่ผู้เดินหมากสองคนเท่านั้น

ออกจากห้องโถง ลมหนาวบนไหล่เขาก็พัดโบกขึ้นมา ชิงต้ายไปหยิบเสื้อคลุมมาให้นาง ทำเพียงเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณหนู ผ่านไปอีกสองวันก็จะกลับเทียนเหยียนแล้วเจ้าค่ะ”

“นั่นสินะ จะต้องหวนสู่กรงขังอันนั้นอีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี” นางทอดถอนใจยาว

ฤดูหนาวใกล้เข้ามาถึง ถึงแม้ชื่อของเมืองเทียนเหยียนจะหมายถึงไฟ แต่ฤดูหนาวของเทียนเหยียนในความทรงจำ กลับถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา เหมือนถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษเงิน ครอบครัวคนยากไร้หากว่าไม่มีถ่านไฟ ก็คงทำได้เพียงแข็งตายภายในห้องเท่านั้น

“ชิงต้าย สองวันนี้ข้าจะปิดประตูไม่ต้อนรับแขกนะ ไม่ขอพบใครทั้งนั้น”

กู้อ้าวเวยบีบปลายนิ้ว มุ่งหน้าเดินตรงไปยังห้องสวดภาวนา ชิงต้ายไม่สามารถทำความเข้าใจนางได้ แต่ก็ยังคงทำตามทั้งอย่างนี้

“ใช่ แม้ว่าเขาจะไม่แสดงเงี้ยวหนาม แต่ก็ไม่ควรประมาท หากท่านคิดว่าเป็นไปได้ เขาก็จะกลายเป็นภูเขาใหญ่ไว้พึ่งพิงที่ไม่เลวคนหนึ่งเลยทีเดียว” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนเบนไปมองเสี่ยวหงที่อยู่ข้างกายของเมิ่งซู่ และทำเพียงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “แต่ว่าความมีไหวพริบของเสี่ยวหงก็พอจะเข้ากับหยินเชี่ยวได้ไม่เลวเลยทีเดียว ครั้งหน้าจะให้พวกเจ้าสองคนได้ทำความรู้จักกันดีหรือไม่”

เสี่ยวหงพยักหน้า แต่กลับสงสัยนักว่าหยินเชี่ยวคนนี้เป็นใครกันแน่

เมิ่งซู่เข้าใจว่ากู้อ้าวเวยต้องการให้เสี่ยวหงติดต่อกับหยินเชี่ยวคนนี้

ในใจก็ชัดเจนขึ้นมา เมิ่งซู่กลับแอบรู้สึกว่ากู้อ้าวเวยคนนี้ไม่ได้เป็นคนเปิดเผยแบบในตอนแรก เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกประหลาดไปเล็กน้อย “เมื่อก่อนข้าเข้าใจว่าท่านก็แค่เอาใจใส่คนอื่นเท่านั้น ตอนนี้ดูท่า คงจะไม่ใช่แล้วละ”

“นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” กู้อ้าวเวยยิ้มบางๆ อย่างจนปัญญา

ตลอดทางขากลับ มันดูเร็วกว่าขามามากโขทีเดียว

กู้อ้าวเวยและกู้จี้เหยามุ่งตรงกลับไปที่จวนอ๋องจิ้ง เมื่อมาถึงบนเรือน เฉิงยีเฉิงเอ้อก็มาประชิดข้างกายของกู้อ้าวเวยเป็นที่เรียบร้อย “พระชายา ท่านอ๋องเชิญท่านไปที่ห้องหนังสือเสียหน่อย”

นัยน์ตาหลุบต่ำ มุมปากของกู้อ้าวเวยราบเรียบ ท้ายที่สุดกลับเงยหน้าขึ้นมาอย่างจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนจะยกรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา ปลายนิ้วจิกกำไปที่เสื้อผ้าตรงช่วงหน้าท้องแน่นโดยไม่รู้ตัว “ด้วยเรื่องอันใด”

เฉิงยีเฉิงเอ้อหลุบศีรษะไม่เปล่งวาจา หัวใจของกู้อ้าวเวยก็เย็นวาบไปครึ่งค่อนหนึ่งแล้ว

“ชิงต้าย เจ้าพาเสี่ยวหงไปทำความรู้จักกับหยินเชี่ยวเสียหน่อยเถอะ” กู้อ้าวเวยผละข้อมือของชิงต้ายออก และเดินตามเฉิงยีเฉิงเอ้อเข้าไปข้างใน

ในห้องหนังสือ ซ่านจินจื๋อกำลังนั่งแก้ไขเอกสารทางการอยู่ตรงตำแหน่งหลัก

กู้อ้าวเวยหย่อนกายนั่งลงด้านข้าง ประตูใหญ่ของห้องหนังสือถูกปิดลงอย่างนุ่มนวล บานหน้าต่างก็ถูกลงกลอนอย่างแน่นหนา

“ท่านอ๋องกำลังจะทำอะไรกันแน่” กู้อ้าวเวยปั้นหน้าขรึม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์