บทที่ 215 ลูกหนึ่งคน
ระหว่างฉีหรัวและซ่านเซิ่งหานนั้นแทบจะไม่มีการติดต่อมากมายเลย
หลังจากที่มาถึงห้องหนังสือแล้ว ในที่แห่งนี้ฉีหรัวได้กลิ่นหอมของยาจางๆ ส่วนซ่านเซิ่งหานนั้นก็ดูสุภาพอ่อนโยนเหมือนดังคำล่ำลือจริงๆ แต่ก็ไม่ได้เว้นห่างทางโลกเลยทีเดียว
“หากเพราะเรื่องการสนับสนุนเมิ่งซู่ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดมากความแล้ว”
ซ่านเซิ่งหานซุกกระดาษลงไปในกระบอกไม้ไผ่โดยไม่เงยหน้าขึ้นมา และส่งกระดาษให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต่อหน้านางโดยไม่สนใจเลยสักนิด
“ซ่านจินจื๋อเอาลูกของพระชายาจิ้งออกมา ไปทำส่วนประกอบยาแล้ว”
ถ้อยคำของฉีหรัวสิ้นสุดลง ปลายพู่กันของซ่านเซิ่งหานปาดเปื้อนบนกระดาษ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาน้อยๆ มุ่งหัวคิ้วแน่น “คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาจะใจอำมหิตเช่นนี้ ถ้าอย่างนี้ตอนนี้พระชายาจิ้ง..."
“นางไม่ได้บอกให้ข้ามา ข้ามาเพราะแค่อยากจะบอกท่านเรื่องนี้เท่านั้น ต่อจากนี้ หวังว่าจะได้ผลกำไรบางส่วนจากทางด้านขององค์ชายสาม” ฉีหรัวกระตุกมุมปากขึ้น แฝงแววภูมิฐานแบบที่เจรจาธุรกิจในยามปกติเอาไว้ด้วย “บิดาของข้ามีข้อตกลงกับอ๋องจิ้ง แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าเขาเทียบท่านไม่ได้เลยสักนิด ข้าจึงใคร่อยากจะร่วมมือกับท่านมากกว่า”
ดวงตาของซ่านเซิ่งหานหรี่ลงเล็กน้อย กระตุกมุมปากขึ้นเบาๆ
กู้อ้าวเวยมักจะดึงดูดผู้คนที่มีความสามารถรอบตัวได้เสมอ แต่ปัจจุบัน ชื่อเสียงของอ๋องจิ้งซ่านจินจื๋อยับเยินเพราะเรื่องของซูพ่านเอ๋อไปตั้งนานแล้ว ซูพ่านเอ๋อถึงจะเป็นนางงามล่มเมืองโดยแท้จริง เพียงแต่ซ่านจินจื๋อละโมบต้องการตำแหน่งจักรพรรดิมามอบตำแหน่งที่ถูกต้องให้ซูพ่านเอ๋อ แต่ความจริงกับตรงกันข้าม
ยิ่งเขาใส่ใจซูพ่านเอ๋อ โปรดปรานซูพ่านเอ๋อจนไปทำเรื่องเสี่ยงภัยใดๆ ก็ยิ่งทำให้เขาห่างไกลจากตำแหน่งจักรพรรดิมากขึ้นทุกที
“พระชายาจิ้งประสบปัญหาใหญ่หลวง เจ้ากลับมาพูดเงื่อนไขกับข้า พระชายาจิ้งจะคิดว่าอย่างไร”
ซ่านเซิ่งหานมองนางด้วยความสนอกสนใจ เดิมทีเขาควรจะดูแคลนคุณหนูตระกูลร่ำรวยที่มีเงินทองแต่ด้านในกลวงเปล่าแบบนี้ แต่ปัจจุบัน เขากลับรู้สึกว่าฉีหรัวคนนี้น่าสนใจยิ่งนัก
“นางย่อมสนับสนุนข้าอย่างแน่นอน นับประสาอะไร ข้าไม่ได้ที่นี่เพื่อขายการชี้ทางของอ๋องจิ้ง ข้าเพียงแต่สามารถส่งความแทนท่านกับพระชายาจิ้งได้เท่านั้นรอจนกว่าท่านช่วยข้าจนได้ครอบครองตระกูลฉีแล้ว ข้าจะต้องเป็นประโยชน์ต่อท่านอย่างแน่นอน” ฉีหรัวเอ่ยเสียงกระซิบ
“ข้าไม่รู้ฝีมือของเจ้า”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้ท่านมองเสียใหม่ วันนี้หิมะตกหนัก พระองค์ขอได้โปรดจงรักษาพลานามัย อย่าได้ต้องลมหนาวเชียว” ฉีหรัวหยัดกายลุกขึ้นอย่างทรงภูมิ และจากไปภายใต้แววตาใคร่รู้ของซ่านเซิ่งหาน
รอจนกระทั่งภายในห้องเหลือเพียงคนเดียว ซ่านเซิ่งหานจึงเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามลูกน้องข้างกาย “ฉีหรัวคนนี้ มีความคล้ายคลึงกับกู้อ้าวเวยหลายขนัด เพียงแต่สิ่งที่นางต้องการดูง่ายดายกว่ามาก ทรัพย์สินและอำนาจยิ่งใหญ่ แต่ สิ่งที่กู้อ้าวเวยต้องการคืออะไรกันนะ”
เหล่าผู้ใต้บัญชาข้างกายทำเพียงครุ่นคิดสักพัก ก่อนพากันส่ายหน้า
ซ่านเซิ่งหานเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นเดียวกัน แต่เป็นแบบนี้กลับยิ่งสงสัยใคร่รู้มากขึ้น
……
กู้อ้าวเวยฟื้นขึ้นมาจากความเจ็บปวด แพขนตาไหวเล็กน้อยรับรู้ความเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย
ความเจ็บปวดทำให้นางตื่นตัวอย่างหาใดเปรียบ ใยผ้าไหมที่แขนเสื้อครูดกับข้อมือเรียวบางเพิ่มความเจ็บปวดให้ชัดเจนขึ้นเล็กน้อย นางลืมตาขึ้นสิ่งที่มองเห็นคือภาพสี่ฤดูที่เคยเห็นในห้องหนังสือ และภาพฤดูหนาวม้วนหนึ่ง ปลายพู่กันคมกริบ ทำเอานางกระตุกมุมปากขึ้นมา
ดูเถิด นางไม่ตาย นางเดิมพันไว้ถูกต้องเกี่ยวกับทุกอย่างของซ่านจินจื๋อ
บรรดาหมอเหล่านั้นพูดถกเถียงอะไรกันสักอย่าง ส่วนนางทำเพียงรับประกันว่าตนจะไม่อาจเปล่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมา แค่นอนอยู่บนเตียงนุ่มดุจดั่งท่อนไม้ก็เพียงพอแล้ว นางแค่ต้องแสดงออกมาให้อ่อนแอ ทำให้คนเวทนา จึงจะทำให้ซ่านจินจื๋อมีความปรารถนาต่อตนอย่างโง่เขลาเช่นนั้นได้
นางเคยเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ปัจจุบัน ขอเพียงนางเสแสร้งแกล้งอ่อนแอ ก็เพียงพอจะทำให้ได้รับความรักใคร่ที่มากพอจากทางฝั่งของซ่านจินจื๋อแล้ว
นี่ก็เป็นเพียงแต่ปาหี่เล็กๆ ที่เล่นสนุกกับใจคนเท่านั้นเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซ่านจินจื๋อจะชอบตนขึ้นมา
“พระชายา ยังรู้สึกเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่” ท่านหมอข้างกายสังเกตเห็นการตื่นของนาง จึงเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“เมื่อไรเทียนเหยียนจะฉลองปีใหม่ได้” นางถามประโยคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด แต่บรรดาหมอก็ยังเอ่ยบอกอย่างอดทน
ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
มีหยาดน้ำตาไหลอาบพวงแก้ม
ซ่านจินจื๋อจนปัญญาต่อเรื่องนี้ แต่คนที่ต่อต้านตนตลอดแสดงความอ่อนแอออกมา ก็กรีดแทงหัวใจของเขาได้
เฉิงซานยืนอยู่นอกฉากกั้นลม รับฟังทุกอย่างด้านใน “ท่านอ๋อง แม่นางพ่านเอ๋อ...”
“ก็บอกไปว่าข้ามีเอกสารราชการสำคัญจะต้องจัดการ อย่าให้นางรู้” ซ่านจินจื๋อกอดเอาคนที่อยู่บนเตียงนุ่มขึ้นมา คนที่หลับตาลงไม่แม้แต่จะตกอกตกใจใดๆ ทำเพียงหลับตาและไหลไปตามกระแสน้ำ
เป็นซ่านจินจื๋อเองที่ทำลายกู้อ้าวเวย
หิมะพร่างฟ้าตกหนักยังไม่ยอมหยุดเลย ซ่านจินจื๋อกอดนางเข้านอน ตอนที่นางตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้จากไปไหน นางนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบขรึม ไม่เปล่งวาจาสักคำ แต่ซ่านจินจื๋อกลับยังคงป้อนยาต้มและอาหารให้นางอย่างอดทน
ในเรือนหลัก
ซูพ่านเอ๋อขย้ำผ้านวมแน่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ และร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ข้ารู้อยู่แล้วว่ากู้อ้าวเวยเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ทำไมท่านพี่จื๋อถึงไม่อยู่เป็นเพื่อนข้า แต่ไปอยู่กับมัน”
จิ่นซิ่วคุกเข่าเงียบเชียบอยู่ข้างๆ อย่างยากลำบาก มีเพียงเมี่ยวหารที่ปั้นหน้านิ่ง “นางน่าสังเวชมากพอแล้ว”
“ถ้าหากตอนแรกนางไม่ดื้อดึงมาเป็นพระชายาของท่านพี่จื๋อ ก็คงไม่มีจุดจบแบบตอนนี้หรอก” ซูพ่านเอ๋อโยนหมอนไปทางเมี่ยวหาร และร้องตะโกนบ้าคลั่งเจือเสียงสะอื้นร้องไห้
ทั้งที่ท่านพี่จื๋อเอาลูกของกู้อ้าวเวยออกมาเพื่อนางแล้วแท้ๆ
กู้อ้าวเวยไร้ประโยชน์ไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมท่านพี่จื๋อถึงยังอยู่ข้างกายนางอีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...