บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 221

บทที่ 221 เจรจาเงื่อนไข

เหล้าข้นผ่านไปเหยือกแล้วเหยือกเล่า

กู้อ้าวเวยดื่มจนเมามายในช่วงกลางวันแสกๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ราวกับกองโคลนตมฟุบตัวอยู่บนเตียงนอนนุ่ม

ชิงต้ายทำเพียงปิดประตูให้นางอย่างเอาใจใส่ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงสะอื้นรำไรที่ดังลอยมาจากด้านในห้อง

หากว่าเป็นเด็กผู้หญิงจะให้ชื่อว่าป๋ายมี่ ถ้าหากเป็นเด็กผู้ชายจะเรียกว่าซีจือ

นางจำได้เสมอเพราะว่านางชอบน้ำผึ้ง ดังนั้นนางจึงวาดหวังอย่างบริสุทธิ์ใจว่าลูกสาวก็จะสามารถหอมหวานดึงดูดผู้คนได้เฉกเช่นสิ่งของที่ตนชอบ และหากว่าเป็นเด็กผู้ชาย ก็หวังว่าวันหน้าเขาจะค้นพบผู้หญิงหัวใจและจิตวิญญาณหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ในอนาคต

บริสุทธิ์เยี่ยงนี้ ซ่านจินจื๋อกลับแย่งเอาไปได้อย่างไร้ความปรานี

นางยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของหยินเชี่ยวโดยไร้การบอกล่วงหน้า และซื้อสุราเข้มข้นมามอมเมาตัวเองอย่างไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ตอนนี้นางก็เพิ่งจะปีนขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซก็เท่านั้น หยิบพู่กันมาเขียนคำว่า ป๋ายมี่ ลงไปในกระดาษ หรือไม่ก็เขียนคำว่า ซีจือ สองคำนี้ลงไป เขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

วันถัดมา นางกลายเป็นสตรีในชุดสมถะผู้เงียบสงบ และสวมผ้าคลุมหน้ามายังสำนักเยียนหยู่เก๋ออีกครั้ง

ฉีหรัวต้อนรับนางเข้าไปในห้องโถง และยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของนาง “ร่างกายของท่านดีขึ้นบ้างแล้วหรือ”

“ได้เห็นคนสนิทของข้าถามข้าเช่นนี้ นี่คาดหวังให้ข้าดีขึ้นบ้างหรือไม่” กู้อ้าวเวยมองแป้งฝุ่นแต้มชาดบางส่วนที่ฉีหรัวก็ยัดใส่ในมือของตนด้วยเช่นกัน จากนั้นจึงโบกมือให้นางอย่างไร้ความปรานี “เช่นนั้นก็รีบไปเสีย นี่ข้ากำลังยุ่งอยู่นะ”

ปัจจุบันฉีหรัวเกือบจะดูแลรับผิดชอบสำนักเยียนหยู่เก๋อทั้งหมดในเมืองเทียนเหยียน และพอฤดูหนาวผ่านไปก็ยุ่งง่วนเสียจนไม่อาจทำจนเสร็จได้

“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว” ยอมอ่อนข้อให้ กู้อ้าวเวยกอดพวกแป้งฝุ่นแต้มชาดเหล่านั้นแนบแน่นและจากมา

ชิงต้ายที่อยู่หน้าประตูเอาของส่งกลับไปที่ร้านยาเหย้าให้นาง ปล่อยให้นางแก้ไขปัญหาการวางแผนร้านพักแขกโดยลำพัง

เดินบนท้องถนนที่ผู้คนสัญจรไปมา กู้อ้าวเวยทำเพียงปราดมองกระดาษแผ่นนั้นแวบหนึ่ง ด้านบนเขียน เจอกันที่ร้านพัก สี่คำเอาไว้ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอีก นางยัดกระดาษแผ่นนั้นเข้าไปในแขนเสื้ออย่างเข้าใจ และมายังร้านพักว่างเปล่าขาวโพลนแห่งนี้อีกครั้ง

ร้านพักดั้งเดิมนี้ทรุดโทรมหักพังไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ยังต้องการเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงเพื่อใช้ในการซ่อมแซม

ฉีหรัวจ่ายเงินไปแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เริ่มงานเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าบนกระดาษได้เขียนอธิบายแจ่มแจ้งถึง เจอกันที่ร้านพัก แล้วเป็นที่เรียบร้อย นางย่อมไม่สามารถกลับไปแต่หัววันได้ แต่ต้องพูดคุยกับคนงานให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คนงานทั้งหมดที่อยู่ด้านข้างต่างเบี่ยงกายออกไป หันหน้าไปทางด้านนอกประตูพร้อมทำความเคารพ

นางเหลียวหลังกลับไปมอง และเผชิญหน้าสบตากับองค์ชายสามซ่านเซิ่งหานพอดี ซ่านเซิ่งหานจำนางได้แล้ว รู้ว่านับตั้งแต่ต้นฤดูหนาวมากู้อ้าวเวยล้วนสวมชุดแต่งกายสมถะ สวมผ้าคลุมหน้าโปร่ง เพียงแต่พวกประชาชนทั่วไปไม่รู้ก็เท่านั้นเอง

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ” กู้อ้าวเวยทำท่าทางใบ้ให้กับซ่านเซิ่งหาน

บรรดาคนงานอื่นๆ ต่างทยอยออกไป ซ่านเซิ่งหานทำเพียงเดินมาหยุดข้างกายนาง “ละแวกนี้มีโรงเตี๊ยมที่หนึ่ง”

“เป็นเกียรติยิ่งนัก” กู้อ้าวเวยหัวเราะพลางพยักหน้า และเดินตามฝีก้าวของซ่านเซิ่งหาน

มาถึงห้องหรูหราของโรงเตี๊ยมด้านข้างและหย่อนกายนั่งลง

กู้อ้าวเวยปลดผ้าคลุมบนใบหน้าลงมา มองไปทางซ่านเซิ่งหาน “ไม่ได้พบกันตั้งนาน ระยะนี้มีข่าวคราวใหม่ๆ อะไรบ้างหรือไม่”

“เจ้าไม่ถามว่าเหตุใดถึงแสร้งบังเอิญพบกับเจ้าอย่างอาจหาญเยี่ยงนี้?” ซ่านเซิ่งหานขยิบตาให้กับเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์คนนั้น เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์จึงปิดบานประตูลงให้สนิทอย่างรู้งาน และลงไปสั่งสำรับอาหารขึ้นมาให้กับพวกเขาบางส่วน

“ก็แค่เชื่อมั่นว่าท่านคงจะไม่ทำให้ข้าเปิดเผยตัวตน รายละเอียดพวกนั้นก็ให้ซ่านจินจื๋อไปคาดเดาเอาเองเถิด” กู้อ้าวเวยลูบกระหม่อมอย่างเกียจคร้าน และนวดขมับไปพลาง

ไม่ให้ปฏิเสธได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ซ่านเซิ่งหานพยักหน้าหงึกหงัก ทำเพียงรับฟังนางเสนอเงื่อนไขต่อไป

“วันหน้าไม่อนุญาตให้ท่านลงมือกับซูพ่านเอ๋อ”

“นางเป็นถึงหนามตำใจของเจ้าเชียวนะ ข้าช่วยเจ้ากำจัด ไม่ได้เชียวหรือ” ซ่านเซิ่งหานคิดไม่ถึงว่านางจะยื่นเงื่อนไขข้อนี้มา

“มีเพียงซูพ่านเอ๋ออยู่เท่านั้น ซ่านจินจื๋อถึงจะเซลงโคลนตมได้ นับประสาอะไร ซ่านจินจื๋อยังมีใจให้ข้าตั้งนานแล้ว หลายวันมานี้ ข้าได้รับบัญชีเบาะๆ กลับมาจากมือของซูพ่านเอ๋อได้เชียวนะ” กู้อ้าวเวยยกมุมปากขึ้น ทำเพียงวางกาน้ำชาในมือลง และเอ่ยอย่างจนปัญญา “วันหน้าได้เห็นท่าน เดิมคิดว่าอุปนิสัยท่านไม่เลวเลย ตอนนี้ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าคนบริสุทธิ์สองคนในลานล่าสัตว์วันนั้น กลับกลายมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันในตอนนี้”

“ใช่แล้ว ตอนนั้นข้ายังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเป็นคุณหนูตระกูลไหนกันนะ ถ้าว่าชอบพอมีวาสนาต่อกัน ไม่แน่ว่ายังจะพอสู่ขอมาได้ แต่น่าเสียดายคาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเสด็จอาช่วงชิงตัดหน้าไปก่อน” ซ่านเซิ่งหานเองก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

กู้อ้าวเวยก็คิดว่ามันคงหนีไม่พ้นเป็นแค่ถ้อยคำสรรเสริญของซ่านเซิ่งหานเท่านั้น แต่ว่าดีร้ายอย่างไรซ่านเซิ่งหานเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ก็น่าจะตอบรับทุกอย่างนี้ไปแล้ว

แต่มีเพียงซ่านเซิ่งหานเท่านั้นที่รู้ ค่ำคืนที่อยู่ในลานล่าสัตว์ เขากลับไม่เคยลืมเลือนทุกๆ เศษเสี้ยวของราตรีนั้นได้เลย

ถ้าว่าไม่มีซ่านจินจื๋อ บางทีเขาอาจจะได้ตัวกู้อ้าวเวยไปตั้งนานแล้ว

ขณะที่สำรับอาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะ กู้อ้าวเวยกลับกินมันเกลี้ยงดุจดั่งพายุหอบเอาเศษปุยเมฆ ซ่านเซิ่งหานกลับยังไม่ทันได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ กู้อ้าวเวยหยัดกายลุกขึ้นยืน และเอ่ยต่อไป “ถ้าว่ามีข่าวคราวของราชสำนัก ก็ให้คนมารายงานกับข้าได้ทุกเมื่อ”

กล่าวจบ ก็ไม่มีแม้แต่คำกล่าวอำลาสักแอะ นางทำเพียงสวมผ้าคลุมหน้าและเดินจากไป

ซ่านเซิ่งหานมองชามตะเกียบว่างเปล่าฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่งอย่างจนปัญญา กระตุกมุมปากขึ้นและส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “น่าสนใจเสียจริงๆ ซ้ำยังเย่อหยิ่งได้เพียงนี้ หวังว่าข้าคงจะมองคนไม่ผิดกระมัง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์