บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 254

บทที่ 254 วันแรก

สามวันแห่งการฝึกสอน เพียงพอที่จะทำให้สตรีติดบ้านติดเรือนอยู่ในสภาพตกระกำลำบาก

สองสามแห่งบนร่างเป็นรอยแผลที่หลงเหลือจากการที่กุ่ยเม่ยโจมตี ใบหน้าซีดเผือดนางไร้เรี่ยวแรงที่จะลงเขา จึงได้แต่เกาะอยู่บนหลังของกุ่ยเม่ย ส่งเสียงโอดครวญ “ตอนที่เจ้าทุบข้า ข้าตอนแรกคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ!”

นางหลงผิดเห็นกุ่ยเม่ยเป็นคนดีไปได้อย่างไร!

“ทหารไม่หน่ายกลอุบายไงพ่ะย่ะค่ะ”

กุ่ยเม่ยนำคำพูดทุกคำของนางกลับมายอกย้อนนางเสียอย่างนั้น

กู้อ้าวเวยหายใจถี่กระชั้น ยามนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ระหว่างทางบนป่าเขายังมีหมอกบางเบา ทว่ากุ่ยเม่ยกลับไม่เตรียมที่จะลงเขา แต่เดินหน้ามุ่งขึ้นเขาอย่างช้าๆกล่าวด้วยความสั่นสะท้าน “ท่านอย่าได้นำเรื่องที่ข้าแบกท่านบอกท่านอ๋องเด็ดขาด”

“อย่าลืมว่าใครทำร้ายข้าจนล้มกลิ้ง” กู้อ้าวเวยยังบ่นสวดต่อ

ในวันแรกนางแทบไม่เจอการโจมตีของกุ่ยเม่ย แต่สองวันถัดมากุ่ยเม่ยได้ยืนยันในชื่อของมันอย่างไม่ต้องสงสัย ทะลุไปมาในป่าราวกับเงาภูตผี

ในวันที่สองนั้นเนื่องจากกุ่ยเม่ยโจมตีถุงอาหารแห้งของนางและกลิ้งหล่นตกผา จนถึงกลางคืนนางเพิ่งจะได้ดื่มน้ำกุ่ยเม่ยก็นำมีดที่เปล่งประกายแวววาวไล่กวด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันที่สามที่แทบจะไม่ผ่อนปรนกันเสียเลย

ภูเขาลูกนั้นนางแทบจะวิ่งทั่วค่อนเขา หากไม่ใช่เพราะเพิ่งจะล้มกลิ้งขาบาดเจ็บกุ่ยเม่ยอาจจะไม่หยุดพักเพียงแค่นี้

“กระหม่อมขอประทานอภัยพระชายาด้วย” กุ่ยเม่ยเอ่ยเสียงอ่อย

กู้อ้าวเวยถอนหายใจเสียงยาว “ช่างเถิด แล้วตอนนี้เจ้าจะพาข้าไปที่ใด?”

“ท่านบอกว่าต้องการพากระหม่อมไปดูโลกภายนอก กระหม่อมก็จะพาท่านไปชมทิวทัศน์อันงดงาม” นี่คือคำกล่าวประจบประแจงแล้ว

หากรู้ว่าการไล่ล่าในวันนี้จะก่อให้เกิดเรื่องอันตราย ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่บังอาจให้พระชายาต้องประสบอันตรายหรอก

“ก็ได้” กู้อ้าวเวยฟุบบนไหล่ของเขาด้วยความสะลึมสะลือ “ถึงแล้วปลุกข้าด้วย”

“ท่านอย่าหลับนะ หากท่านอ๋องทรงทราบต้องลงโทษกระหม่อมแน่ๆ” ชั่วเวลานั้นกุ่ยเม่ยเหงื่อพรากราวกับเม็ดฝนเทลงมา

หากให้ท่านอ๋องทราบว่าเขาแบกคนขึ้นหลังกลับ ถึงขนาดที่พระชายางีบหลับบนหลังตนแล้วล่ะก็เกรงว่าต้องเกิดปัญหาแน่ๆ

“ไม่มีใครรู้หรอกน่า”กู้อ้าวเวยหัวโต

“แต่ถ้าหากท่านอ๋องทรงถามขึ้นมา กระหม่อมก็ต้องพูด” กุ่ยเม่ยจริงจัง

กู้อ้าวเวยเห็นเขาเกินเยียวยาจึงได้แต่ประคองหนังตาเอาไว้

หลังจากนั้นภาพทิวทัศน์ที่ฉายสะท้อนในแววตาของนางกลับทำให้นางยากที่จะลืมเลือน เมฆหมอกบางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่ระหว่างขุนเขา แสงแรกยามรุ่งอรุณตัดกับทิวทัศน์สีโทนเย็นค่อยๆกระทบลงที่ข้างกาย สีฟ้าอ่อนใต้หน้าผาถูกเรียงรายด้วยสีโทนมืดอันเข้มข้นเผยให้เห็นความแปลกตา

มุมกระโปรงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง เหล่าวิหคบินเหินขึ้นไปทางริ้วแสง

ถึงแม้ตอนที่นางร่วมชมพระอาทิตย์ขึ้นกับซ่านจินจื๋อ นางก็ไม่เคยสงบอย่างในตอนนี้มาก่อน

ทั่งคู่ล้วนมอมแมมไปด้วยฝุ่นดิน กู้อ้าวเวยเอนกายพิงต้นไม้ มองดูดวงอาทิตย์ที่ขึ้นมาทีละน้อย มองดูขุนเขาตระหง่านเบื้องหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยสีโทนอุ่นพลันเอ่ยเสียงค่อย “เจ้าพบที่แห่งนี้ได้อย่างไร”

“ปกติกระหม่อมจะมาฝึกที่นี่” กุ่ยเม่ยนั่งลงขัดสมาธิ “กระหม่อมรู้สึกว่าที่นี่สวยงามอยู่เสมอ”

กู้อ้าวเวยยิ้ม กุ่ยเม่ยช่างคล้ายกับเด็กน้อยที่ไม่ประสาโลกจริงๆ

รอสักพักกุ่ยเม่ยจึงพานางกลับจวนอ๋อง หลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงได้ฟื้นขึ้นมา

“เจ้าเพิ่งจะพบกับเขาเพียงไม่กี่ครั้ง” ซ่านเซิ่งหานกำลังมองท่าทีอันแน่นหนักของนาง ในแววตามืดหม่นตาม

“ข้าเชื่อในตัวเขา”สองตาของกู้อ้าวเวยมองซ่านเซิ่งหานด้วยความเคร่งขรึม “ถึงเวลาที่ข้าจะเข้าวังไปสอบถามเรื่องนี้ ขอบพระทัยองค์ชายสามที่แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบเพคะ”

“ไม่ต้องเกรงใจ เพียงแค่ข้าบังเอิญได้ยินจากเสด็จพ่อก็เท่านั้น เพียงแต่เรื่องนี้ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้ พระชายาไม่ควรเอ่ยถามอย่างโจ่งแจ้ง” ซ่านเซิ่งหานสีหน้าอ่อนลง

กู้อ้าวเวยพยักหน้ารับ ทว่าในใจนั้นร้อนรนแต่ไม่รู้ว่ายามนี้ควรจะทำอย่างไรนอกจากรอเวลา

ผ่านไปสักครู่นางถึงได้มองไปทางเมิ่งซู่ที่เฉื่อยชาด้วยความใคร่รู้ “คุณชายเมิ่งมาวันนี้....”

“เขามาที่นี่เพราะเรื่องของทางการ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”ซ่านเซิ่งหานที่สอดรับคำกลับลุกขึ้นออกไป

ขณะที่เหลือกันเพียงอยู่สองคน เมิ่งซู่จึงได้มองกู้อ้าวเวยด้วยความอับจน “ที่แท้คนที่ท่านชอบคือองค์ชายหก เดิมทีข้าคิดว่าเรื่องของท่านกับองค์ชายหกเป็นแค่ข่าวลือตามท้องถนนเสียอีก”

กล่าวถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยยกมุมปากด้วยความจนใจ “ข้ากลับไม่ได้ชอบเขาเพียงแต่เขาปฏิบัติต่อข้าดีมาก ดีอย่างยิ่ง ดีจนข้าได้ลองที่จะชอบในระดับเดียวกันกับเขา”

นางเอ่ยเสียงค่อย ในวาจาเจือไปด้วยความอ่อนโยน

เมิ่งซู่ไม่เคยเห็นนางในมุมนี้มาก่อนถึงกับชะงักงัน “เหตุใดอ๋องจิ่งไม่รู้จักทะนุถนอมสตรีอย่างท่าน มนุษย์ล้วนเห็นแก่ตัว ข้าไม่เคยพบเห็นคนที่พยายามจะชอบใครสักคนโดยที่ไม่ได้รัก”

กู้อ้าวเวยถูกเขาพูดความรู้สึกที่สับสนอยู่ลึกๆ จึงเท้าคางพลางเอ่ย “เป็นเพราะเขาก็เห็นแก่ตัวเช่นกัน”

บนใบหน้าของกู้อ้าวเวยเจือด้วยความอ้างว้างบางๆ

ทว่าในที่สุดเมิ่งซู่กลับเข้าใจแจ่มแจ้ง ที่แท้กู้อ้าวเวยเองก็เป็นผู้อยากได้ในสิ่งที่ไม่อาจสมหวัง

“ท่านชอบอ๋องจิ้ง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์