บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 367

ตอนที่ 367 ชีวิตสำคัญที่สุด

จดหมายที่ยับยู่ยี่ในมือ และสีหน้าที่ดูโกรธเกรี้ยว

ซ่านเซิ่งหานอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา อาจจะเป็นเพราะว่าเขาชอบให้กู้อ้าวเวยบ่นให้เขา และยิ่งนางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขากลับยิ่งชอบใจ

“ชายาอ๋องจิ้งคนนี่้ช่างพูดจาร้ายกาจนัก ทำไมเราจะต้องไปทำตามที่นางพูดด้วย” ฉางอีฉินพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ

พวกเขาที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมนี้ ไม่มีเวลาได้หยุดพักเลย แล้วทำไมพวกเขาจะต้องฟังนางด้วย?

แต่ว่าซ่านเซิ่งหานกลับส่งจดหมายนั้นให้เยว่พลันพูดขึ้น: “พูดจาร้ายกาจก็แค่นั้น ถึงนางจะพูดจาแบบนั้นแต่ว่าก็ดูมีเหตุผลอยู่บ้าง”

“หม่อมฉันไม่เข้าใจ ทำไมฝ่าบาทที่พูดแบบนั้น” เยว่หันไปมองจดหมายแวบหนึ่ง ก็รู้สึกไม่เข้าใจ คนพวกนั้นจะทำอะไรได้ และตอนนี้ก็ยิ่งขาดคนด้วย ถ้ายังต้องส่งคนไปดูแลประชาชนพวกนั้นอีก ก็ยิ่งจะทำให้เสียคนไปมากกว่าเดิม

“ถ้าหากพูดถึงเรื่องทำศึกข้าก็สู้อ๋องจิ้งไม่ได้ ถ้าเป็นความสามารถ ก็ยังเทียบกับน้องชายคนอื่นๆ ไม่ได้ ถ้าหากเทียบกับคนที่คอยหนุนหลัง ข้าเองก็มีแค่แม่นมไม่กี่คนที่เลี้ยงดูจนโต เพียงแต่ข้าโชคดีที่เสด็จพ่อโปรดปราน และเสร้งทำเป็นคนที่ไม่มีความสามารถอะไร เหมือนกับคนตายไปแล้ว” ซ่านเซิ่งหานถอนใจ แววตาดูเศร้ามาก: “แต่ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นกลับตรงกับที่เขาคิดพอดี นอกจากข้าจะพิชิตใจของประชาชนแล้ว ข้าเองก็ไม่มีวิธีอื่น”

ฉางอีฉินและเยว่ต่างก็นิ่งไป และยิ่งทำให้ฉางอีฉินไม่พอใจ

ถ้าหากพูดถึงเมืองเทียนเหยียน ซ่านเซิ่งหานเป็นคนที่ถูกคนอื่นเอาเปรียบตลอดเวลา เพราะเกรงว่าถ้าเขาทำเป็นเก่งแล้ว ทุกคนจะคอยจับจ้องเอาได้ ดังนั้นเขาเลยต้องเสร้งทำแบบนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รับความโปรดปรานได้

แต่สำหรับใจของประชาชนนั้น เขาสามารถที่จะครอบครองได้

“ดังนั้น ก็ทำตามที่นางบอกนั่นแหละ”

“แต่ว่าชายาอ๋องจิ้งยังทำเพื่ออ๋องจิ้งอยู่เลย แถมยังให้ฝ่าบาทมอบป้ายชื่อให้อีก ฝ่าบาทไม่กลัวว่านี่จะเป็นแผนของนางหรือเพคะ ?หรือสิ่งที่นางได้รับนั้น ก็อาจจะเป็นแผนของนางกับอ๋องจิ้งก็ได้” เยว่รีบคุกเข่าลงแล้วพูดขึ้น

ซ่านเซิ่งหานถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้น: “ถึงจะบอกว่าเป็นแผนการของนาง แต่เจ้าเองก็พูดไม่ได้ว่า มันเป็นผลประโยชน์ต่อข้า”

เยว่กำลังคิดจะพูดขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกประตู เหมือนกับว่ามีคนกำลังต่อสู้กันอยู่

และไม่รอให้เยว่กับฉางอีฉินได้เดินออกไปดู ประตูก็พลันถูกผลักเข้ามา คนที่เข้ามานั้นรูปร่างเพรียวเล็ก แล้วก็ค่อยๆ ถอดหมวกออกมา ทำให้เห็นผมสีดำเงา แต่ไม่รู้ว่าเอาตะเกียบไม้ที่ไหนมาปักบนหัว

พอเห็นพวกเขาที่อยู่ข้างใน คนที่มาเยือนก็พลันรู้สึกรำคาญปนทนไม่ไหว จึงพลันหัวเราะออกมาเบาๆ : “ถ้าหากว่าข้าเป็นเยว่ ข้าเองก็คงจะสงสัยในความซื่อสัตย์ของชายาอ๋องจิ้ง ดังนั้น ตอนนี้ข้าก็ไม่ใช่ว่ามาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้วรึ”

คนที่มานั้นก็คือ กู้อ้าวเวย

นางได้ให้จื่อหาคนมานอนแทนนางที่ตำหนัก และเขาเองก็เชี่ยวชาญด้านการพูดด้วย และยังสามารถเลียนแบบเสียงของคนอื่นได้อีก เลยทำให้นางสามารถมารับหน้ากับคนที่นี่ได้

และเรื่องที่นางขอให้ท่านหมอมารักษาอาการให้นั้น อย่างน้อยก็สามารถทำให้เมี่ยวหารกลับไปได้ โดยไม่มีใครสงสัยเลย

และในขณะนี้ นางก็เลยสามารถมาแสดงความบริสุทธิ์ใจได้

แต่ซ่านเซิ่งหานก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ แต่ก็ยังต้องพูดต่อ: “ในเมื่อเจ้าพูดแบบนี้ งั้นแสดงว่าเจ้าทำเพื่อ....”

“ในเมื่อตอนนี้ซ่านจินจื๋อเองก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ถึงแม้ว่าเขาจะฟังแผนของข้า แต่ว่ายังไงซูพ่านเอ๋อก็เป็นคนโง่เขลา แต่ว่าสำหรับท่านแล้วข้าไม่ต้องกังวลอะไร เพียงแต่กลัวว่าท่านจะเป็นโรคติดต่อแล้วตายไป และก็ยิ่งกลัวว่าจะทำศพลำบาก” นางพูดจบก็พลันหยิบกระดาษในกระเป๋าของกุ่ยเม่ย

แต่ว่ากระดาษพวกนั้นได้เปียกฝนมาก่อนแล้ว นางก็เลยทำได้แค่หยิบเอาพู่กันจากซ่านเซิ่งเอ๋อ แล้วก็เอาอุปกรณ์ในการเขียนออกมาวาดรูปแล้วส่งให้เขาดู พลันพูดขึ้น: “ของพวกนี้ต้องตั้งใจทำให้ดี เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าจะได้ใช้มันตอนไหน”

เยว่เข้าใจทันที เมื่อเห็นสายตาของซ่านเซฺ่งเอ๋อที่บ่งบอกว่าต้องสั่งให้คนไปทำ

แต่ฉางอีฉินกลับแสยะยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น: “อุทกภัยนั้นทำให้คนจำนวนไม่น้อยไม่มีที่อยู่กัน แต่ว่าฝ่าบาทเองก็เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว กลัวแต่ว่าจะไม่น่ากลัวเท่าโรคนี้นะ แถมเมื่อก่อนเจ้าเองก็เคยไตร่ตรอง.......”

“ถ้าหากว่าไม้เกิดเรื่องขององค์ชายแปดเข้ามาก่อน ข้าก็คงไม่เชื่อเรื่องโรคติดต่อนี้ แต่ในเมื่อมันคือโรคติดต่อ มันก็ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นใกล้ๆ เมืองเทียนเหยียนอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเป็นโรคที่มาจากพวกสัตว์ แล้วก็แพร่มาตามน้ำท่วม เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากมายแค่ไหน” นางพูดขึ้นแล้วก็หันไปมอง ฉางอีฉินตกใจจนถอยออกไปอยู่ด้านข้างของซ่านเซิ่งหาน

และในตอนนี้ นางก็ลุกขึ้นพลางพูดต่อ: “ที่ข้ามาที่นี่วันนี้ ข้าไม่ได้มาเพื่อองค์ชายสาม ไม่ได้มาเพื่ออ๋องจิ้ง แต่ข้ามาเพื่อชีวิตของประชาชน ถ้าหากว่าเจ้าจะพุ่งเป้ามาที่ข้า จะสงสัยตัวข้า เจ้าก็รอให้เรื่องน้ำท่วมครั้งนี้จบไปก่อน”

ซ่านเซิ่งหานพูดเสร็จ นางก็หันไปพูดกับซ่านเซิ่งหานเหมือนกัน: “ข้าเองก็ไม่ได้มาเพื่อจะสอนท่าน แต่ข้ามาเพราะเป็นบริวารของท่าน ขอให้ฝ่าบาทเห็นแก่ชีวิตคนเป็นสำคัญ”

พอพูดจบ ก็เหมือนกับว่านางนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนได้ ที่ทำได้แค่เดินตามคนของซ่านเซิ่งหานไปที่ห้องยา

สีหน้าของฉางอีฉินนั้นซีดเป็นไข่ต้ม แต่มีเพียงซ่านเซิ่งหานที่นิ่งเงียบไป เหมือนกับว่ากำลังคิดในคำพูดของนางอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์