ตอนที่ 370 ใจคนยากแท้หยั่งถึง
ฮ่องเต้ตอนนั้นคือ องค์ชายเจ็ด ที่สามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ต้องขอบใจไทเฮา ที่คอยช่วยอยู่เบื้องหลัง และความใจเด็ดของตัวเอง
พี่น้องที่เหลือในตอนนั้นรวมกับซ่านจินจื๋อแล้วก็เหลือแค่4 คน อีก3คนนั้นล้วนถูกสั่งให้ไปอยู่ต่างแดน และอีกคนหนึ่งนั้นถูกเนรเทศไปนานแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีคนคอยรายงานในแต่ละปี เกรงว่าเขาเองก็คงไม่รุ้เป็นตายร้ายดี
และตอนนี้ อ่องเต้ก็นั่งอยู่บนเรือ
เรือนี่ลอยติดขอบฝั่ง กงกงก็ให้เขานั่งอยู่บนเบาะรองนุ่มๆ
"ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเรียกหม่อมฉันมาด้วยเรื่องอันใดเพคะ? "กู้อ้าวเวยพูดขึ้นพลางกระแอมคอ แล้วนางก็รับน้ำชามาจากกงกง และก็มีหมอหลวงอีกคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่
"เจ้าเองก็พอจะรู้จักพี่น้องของข้าอยู่บ้าง เจ้ารู้จัก องค์ชายแปดมั้ย? "ฮ่องเต้หันไปหยิบถ้วยมา
เพียงได้ฟังแค่นี้ นางก็พอจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดแล้ว แล้วพลันพูดขึ้น:"หม่อมฉันกับองค์ชายแปดไม่เคยไปมาหาสู่กัน ถ้าหากว่าพระองค์สงสัยว่าเรื่องโรคติดต่อนี้เป็นฝีมือของหม่อมฉันกับอ๋องจิ้ง พระองค์สามารถส่งคนไปตรวจสอบได้เลยเพคะ"
"ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วเรื่องที่องค์ชายสี่โดนวางยา เจ้ารู้เรื่องหรือไม่? "
"วางยาพิษ? มันเรื่องอะไรกันเพคะ! "กู้อ้าวเวยลุกขึ้นทันที แล้วพวกหมอหลวงก็พากันดึงนางไว้ เพราะเกรงว่านางจะล้ม
ความกังวลและความตกใจนั้นไม่สามารถโกหกกันได้ ฮ่องเต้จงใจพูดเรื่องนี้ทีหลัง เพราะหวังว่าจะสามารถทำให้นางแสดงพิรุธออกมาได้ แต่พอดูแล้ว เหมือนนางจะไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆ
แต่หลังจากที่นางตกใจแล้วก็พลันฉุกคิด และก็สงสัยว่าจะเป็นใครบางคน
ถ้าหากไม่ใช่ฝีมือของลี่วาน ก็ต้องเป็นฝีมือของอาจารย์ที่ลึกลับของเขา
แต่ว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าฝ่าบาท พูดกับไม่พูด ก็ล้วนแต่จะมีปัญหาเหมือนกัน
“ฝ่าบาทสามารถพาข้าไปที่ตำหนักองค์ชายสี่ได้หรือไม่ ข้าจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่” นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัวเองไปดูจะดีกว่า
ต้วนโฉงก็พอจะรู้ว่านางเป็นคนยังไง แต่ว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ : “ไม่จำเป็นหรอก ข้าจะสั่งคนไปดูเอง ยังไงเจ้าก็เป็นถึงชายาอ๋องจิ้ง ถ้าหากไม่ดูแลร่างกายตัวเอง มันก็จะไม่ดีกับจินจื๋อและตระกูลหยุนด้วย”
“แต่ถ้าหากว่าพิษในตัวขององค์ชายสี่...”
“ข้ามีวิธีของข้า เพียงแค่เจ้าคอยอยู่อย่างสงบ อย่าไปก่อเรื่องกับคนของตระกูลหยุนก็พอแล้ว” ต้วนโฉงพูดขัดนางตอนที่นางพูดอยู่ แล้วก็หันไปส่งสายตาบอกกงกง
กงกงจึงหันไปสั่งคนพานางกลับไปส่งอย่างระมัดระวัง ห้ามไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ไม่ใช่แค่นี้ ครั้งนี้ที่เขาเรียกข้าไปนั้นไม่ใช่แค่การตักเตือนอย่างแน่นอน แต่เพื่อต้องการจะดูว่าตอนที่ข้าป่วย เพียงแต่น่าเสียดายที่ข้านั้นปกปิดเก่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเป็นฝีมือของซ่านจินจื๋อจริงหรือไม่” พูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยก็พลันปวดหัวแล้วก็ตัวอ่อนลงทันที
กุ่ยเม่ยก็ยื่นมือออกไปพยุงนางไว้ทันทีพลางพูดขึ้น: “ถ้าหากว่าฝ่าบาททรงคิดคำนึงถึงแต่เรื่องนี้ ถ้าหากรู้เรื่องที่ท่านอ๋องทำทุกอย่างกับองค์ชายหก.....”
“เรื่องนี้พูดแล้วก็เป็นความผิดของข้า” นางพูดขึ้นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าหากว่าองค์ชายหกไม่มีใจให้นาง บางทีซ่านจินจื๋อก็อาจจะไม่ทำเรื่องให้เป็นแบบนี้
กุ่ยเม่ยมีสีหน้าลำบากใจ พอผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้น: “เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย เมื่อหลายปีก่อนตอนที่องค์ชายหกฉายแววโดดเด่น ท่าอ๋องเองก็ดูดีอยู่ ตอนนั้นองค์ชายแปดก็อายุได้สิบเอ็ดปี ท่านอ๋องก็ได้คิดแผนการจัดการเขาเอาไว้แล้ว”
“ว่าไงนะ....” นางพูดขึ้นอย่างตกใจ
“ถ้าหากว่าตอนนั้นเขาไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้า องค์ชายแปดก็คงตายไปนานแล้ว แผนของท่านอ๋องตอนนั้นก็คือเข้าไปเป็นสายในนั้น แล้วก็หยักยอกเงินในกรม เรื่องทุกอย่างนั้นกำลังไปได้ดี แต่ตอนนั้นเพื่อต้องการจะครอบครองทุกอย่าง ครอบครองร้ายยาตระกูลหยุน ก็เลยวางมือไม่ได้” กุ่ยเม่ยพูดพลางอดหัวเราะไม่ได้: “ตอนนั้นข้าคิดว่าท่านอ๋องทำได้ดีมาก เพียงแค่ท่านอ๋องสามารถครอบครองตำแหน่งนั้นได้ ทุกอย่างข้าก็ยอมเสียสละได้”
นางหันไปมองแววตาที่ดูว้าเหว่ของกุ่ยเม่ย เลยทำได้แค่หันไปลูบบ่าเขาเบาๆ พลางพูดปลอบ: “ตอนนี้เจ้าสำนักได้แล้วก็ดี และตอนนี้ข้าก็ไม่ได้เสียใจแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ซ่านจินจื๋อเอง พวกเราทำตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”
กุ่ยเม่ยลูบตาตัวเองเบาๆ ที่ดูเหมือนกับเด็กๆ พลางพยักหน้า
พอทั้งสองคนเริ่มสงบสติได้แล้ว กู้อ้าวเวยถึงได้สั่งกุ่ยเม่ยว่า: “ถ้าหากว่าเจ้ามีความสามารถ วันนี้ไปหาองค์ชายสี่แล้วก็เอายาที่เขากินพร้อมกับเลือดของเขามา เพราะข้ารู้สึกไม่สบายใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...