บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 453

บทที่ 453 ตรงไปทางแคว้นเจียงเยี่ยน

“ก็แค่บทลั่วฉ่าวเล่มหนึ่ง หรือว่ามีคนที่สามารถมองทางออกของคลองลั่วส่วยได้จริงๆ”

ซูพ่านเอ๋อเอาจดหมายฉบับนี้วางลงตรงหน้าซ่านจินจื๋ออย่างไม่พอใจ ดอกตาหงส์ที่ยังคงสว่างไสวคู่นั้นได้แค่หยุดไว้ที่ปลายนิ้วของซ่านจินจื๋อที่อยู่บนรายงาน แล้วจึงพูดต่อว่า “พวกนี้เป็นข่าวที่อ้ายจือให้มา หากเป็นดังข่าวคราวเช่นนี้จริง รอจนถึงเวลาที่พวกเขาบุกมา พวกเราก็จะสู้สุดกำลังความสามารถ

รายงานถูกวางลง แม้ว่าซ่านจินจื๋อจะไม่รู้ว่าทำไมนางจึงได้ข่าวคราวจากมือของอ้ายจือได้ แต่ก็ควรระวังเป็นดีที่สุด

“ส่งคนไปดูคลองลั่วส่วยอยู่ในที่ลับๆ ดีที่สุด”

“แต่......” ซูพ่านเอ๋อยังคงไม่ยอมฟังคำพูดของน้องชายโดยชอบธรรมอย่างกู้อ้าวเวย

“ไม่ต้องพูดแล้ว ทุกสิ่งอย่างระวังไว้ดีที่สุด อีกอย่างส่งคนไปสืบดูสถานการณ์ของทางแคว้นเจียงเยี่ยนด้วย” ซ่านจินจื๋อพูดจบ ก็ให้นางออกไป ตัวเองจะต้องถกเถียงเรื่องสำคัญกับผู้น้อยอีก

……

ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยกำลังคลานขึ้นมาจากบนพื้น

นายทหารที่ใช้ขวานอันใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ามองเขาคลานขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็มองไปที่ดาบยาวที่อยู่ในมือของนางอีกครั้ง พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ข้าว่านายท่าน นี่ท่านแค่หนึ่งกระบวนท่ายังรับไว้ไม่ได้”

ปัดขี้ฝุ่นที่อยู่บนตัวออก ทั่วทั้งแขนของกู้อ้าวเวยล้วนชาไปหมด เดิมทีอยากจะเรียนสักหลายกระบวนท่ากับกุ่ยเม่ยผิงชวน แต่ทหารที่อยู่บนสนามรบกับคนของยุทธภพไม่เหมือนกัน หากหันไปทางด้านหน้ายังสามารถเห็นกุ่ยเม่ยกับผิงชวนพระพุทธรูปสององค์ใหญ่คอยอารักขาอยู่กันคนละข้าง บนหน้ายังแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอีกด้วย

แม่ไก่สองตัว

กู้อ้าวเวยอดคิดไม่ได้ ได้แค่เผชิญหน้าต่อไป แต่กลับถูกคว่ำลงกับพื้นอีกครั้ง เหลือไว้เพียงลมหายใจ ลูบโคลนที่อยู่บนหน้า “ไม่เอาแล้ว มือจะหักแล้ว”

นายทหารจึงหัวเราะออกมาแล้วดึงนางขึ้นมา “ช่างฝีมือเหมือนพวกผู้หญิงเสียจริง”

กู้อ้าวเวยขี้เกียจเถียงด้วย ถึงยังไงตัวเองแท้จริงแล้วก็เป็นสตรี

กุ่ยเม่ยจึงเดินขึ้นมา พูดด้วยโทนเสียงต่ำว่า “ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม หมอที่นายท่านเห้อส่งมาก็พามาแล้ว ยาสมุนไพรก็เอามาแล้ว ไปตรวจดูสักหน่อยไหม”

“ได้” กู้อ้าวเวยเอาแขนเสื้อเช็ดทำความสะอาดขี้ฝุ่นที่อยู่บนหน้า รีบเดินออกจากสนามฝึกซ้อมไปทางด้านหลัง

มีทหารไม่น้อยที่หลายวันนี้ได้เจอเข้ากับจุนซือ แม้ว่าจะเป็นจุนซือ แต่กลับไม่มีกลิ่นอายของพวกที่เป็นหนอนหนังสือเลย อีกทั้งยังไปมาหาสู่กับทุกคนที่สนามฝึกซ้อมอย่างเป็นกันเองอีก พอว่างก็สอนหนังสือพวกทหาร ทุกวันก็มาฝึกซ้อมสองชั่วยาม

คนไม่น้อยล้วนประมือกับนาง ดูๆ ไปแล้วเป็นเพียงคนที่ร่างเล็กๆ คนหนึ่ง กลับเป็นคนที่ล้มแล้วปีนขึ้นมาได้เร็วคนนั้น

ทุกวันของกู้อ้าวเวยล้วนว่าง บัดนี้ข่าวคราวที่ทางแคว้นเจียงเยี่ยนส่งมาให้นั้นนับวันจะยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่ากับว่าท่าทีของทางนั้นยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น ตามด่านชายแดนก็มีการรบกันย่อยๆ ไม่ขาดสาย จดหมายฉบับหนึ่งของนางก็เลยให้เห้อจิ้นหล่างส่งหมอมา

ส่งหมอมาแล้วเจ็ดถึงแปดคน หนึ่งในนั้นที่ทำให้กู้อ้าวเวยต้องแปลกใจก็คือ จางเหยียงซานที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว

“ไม่ได้พบกันนางเลย” บัดนี้จางเหยียงซานดูมีราศีจับ สง่างาม ได้เห็นท่าทางที่ดุร้ายเหมือนหมาป่าเช่นนี้ของนางได้แต่หัวเราะเบาๆ “ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นพวกที่ชวนคนไม่น้อยหลงใหล กลับคิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเลอะเทอะ”

“จะว่าไปก็นับว่าข้าได้รับวิชามาจากท่าน บัดนี้กู้กลับรู้จักมาเยาะเย้ยข้าแล้ว” อ้าวเวยยกมือขึ้นนวดปลายจมูกไปมา ค่อยๆ ตรวจสอบดูยาสมุนไพร แล้วจึงพาคนไปดูแลอย่างดี จึงเสร็จภารกิจที่ต้องทำ

ยังไม่ได้ไปสอนคนอ่านหนังสือ ทหารในเมืองก็รีบร้อนเข้ามาอีก

มีคนหานางเจอ พูดโทนเสียงต่ำว่า “ผ่าบาทให้ท่านไปที่กระโจม มีเรื่องจะหารือ”

ในการข้ามผ่านป่าลึก เสียงคำรามของสัตว์ร้ายและเสียงใบไม้ก็ถูกกลบด้วยเสียงลม

กู้อ้าวเวยไม่ได้ปลอมตัวอีกต่อไป สามคนได้แค่ใช้ผ้าพันคอพันตัวเองไว้อย่างแน่นหนา เหลือไว้เพียงดวงตาที่โผล่ออกมา แค่ขอให้มองเห็นพื้นดินเหนียวที่ถูกคนเหยียบย่ำในป่านี้

พวกนางไม่สามารถเข้าเมืองตามด่านชายแดนได้ ได้เพียงอ้อมไปตามแนวเขตนอกเมือง สามวันจึงจะมาถึงบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากด่านชายแดนนัก

แคว้นเจียงเยี่ยนยังคงมีพวกทาสรับใช้อยู่ บนถนนคนที่มีโซ่ตรวนคล้องอยู่นั้นแม้ว่าน้อย แต่ในร้านตีเหล็กมีดาบ หม้อ ชาม แขวนอยู่ กลับเป็นกุญแจมือเรียว ไม่ต้องพูดถึงในกรงที่ประตู มีเด็กมากกว่าหนึ่งโหลที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ถูกขังอยู่ในนั้น พ่อค้าทาสก็วางป้ายไว้ด้านข้าง

ทาสรับใช้คนหนึ่งมีราคาแค่แปดตำลึงเงิน แต่เสื้อผ้าของเขาดูหลุดลุ่ย บนตัวของพวกเด็กๆ มีเพียงผ้าหยาบๆ ที่พันเป็นเชือกเส้นๆ ไว้เป็นเสื้อผ้านุ่งห่ม สั่นเทาไปมาในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้

กู้อ้าวเวยบนไม่ได้อีกต่อไป “ผิงชวนกลับรั้งนางเอาไว้ “แคว้นเจียงเยี่ยนก็เป็นเช่นนี้ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม”

“แต่เด็กพวกนั้นอายุยังไม่ถึงสิบสองสิบสามขวบ......” กู้อ้าวเวยในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

กุ่ยเม่ยส่ายหัวกับนางอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี กู้อ้าวเวยดื้อรั้นมาก อีกทั้งยังคิดถึงความปลอดภัยของยู่จูและตัวเองอีก ได้แค่พยักหน้ารับปาก หาโรงเตี๊ยมเป็นที่พักพิง เถ้าแก่เนี๊ยนั้นเปิดปากบอกราคาด้วยรอยยิ้ม “พวกน้องชาย ช่วงเวลาศึกสงครามนี้ ทำไมถึงยังมาได้”

“ตามคำพูดของเจ้า สถานที่ชายแดน ก็ไม่ใช่ที่ที่ชาวบ้านสามัญชนจะมาได้หรือ” กู้อ้าวเวยยิ้มด้วยความเย็นชา ได้แค่เอ่ยปากพูดถึงแผนการที่เตรียมการเอาไว้ก่อนหน้านี้ “เถ้าแก่เนี๊ยดูไปแล้วท่านเป็นคนที่มองคนทะลุปรุโปร่ง ข้าทำพวกอาวุธอยู่ทางชนเผ่าด้านนอกเมือง ในสถานการณ์ สงครามเช่นนี้ก็พอดีจะ......”

ดวงตาของเถ้าแก่เนี๊ยสว่างวิบวับ ได้แต่เรียกผู้ช่วยมาช่วยดูหน้าร้าน แล้วจึงส่งกู้อ้าวเวยขึ้นชั่นบนไปด้วยตนเอง

พอเข้าห้อง เถ้าแก่เนี๊ยนั่นก็รีบเทน้ำชาให้นาง “งั้นน้องชายท่านก็หาถูกคนแล้ว บ้านแม่ข้ายังไงก็มีพวกที่เป็นทหาร บัดนี้อาวุธขาดแคลนหนักมาก”

กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างไม่มีพิรุธใด ดูไปแล้วในหลายแคว้นนี้ ก็ไม่มีข่าวไหนที่ทิงเฟิงโหลสืบมาไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์