บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 456

บทที่ 456 เจรจาการค้าเปิดเผยฐานะ

วันที่สองเช้าตรู่ นายพลของแคว้นเจียงเยี่ยนก็ล้อมเอาโรงเตี๊ยมไว้ทั้งหมดแล้ว

กู้อ้าวเวยกำลังใส่ซอสเปรี้ยวในตะกร้าเกี๊ยว ผิงชวนกุ่ยเม่ยซ้ายคนขวาคนอารักขานางเอาไว้ อย่างมากก็แค่มองไปทางแม่ทัพที่กำลังเดินมาด้านนี้ ดูเหมือนว่ากุ่ยเม่ยจะรู้จัก

นี่คือหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจียงเยี่ยน ล่ายเสวียน แม้ว่าจะรูปงาม แต่รูปร่างกำยำ ใบหูและคางมีรอยบาดแผลจากมีดเป็นสีน้ำตาลเข้ม

เอาขวดซอสเปรี้ยววางลง เถ้าแก่เนี๊ยรีบเช็ดมือ เข้ามาต้อนรับ “แม่ทัพล่าย เช้าขนาดนี้ท่าน.....”

“ได้ยินมาว่าที่นี่มีคนอยากทำการค้า ข้าก็จะมาดูหน่อย คนผู้นี้ทำการค้าคนเป็น หรือการค้าคนตาย” น้ำเสียงของล่ายเสวียนหนักแน่นนัก ดาบใหญ่ในมือกระทบพื้นด้วยเสียงอู้อี้

เถ้าแก่เนี๊ยรีบถอยไปด้านหลัง กู้อ้าวเวยจึงเลิกคิ้วมามองเขา ระหว่างนั้นก็เอาเกี๊ยวที่ใส่ซอสเปรี้ยวเสร็จแล้วเข้าปากไป “จะเป็นหรือจะตาย ดูไปแล้วก็คงจะเป็นกองทัพของแคว้นเจียงเยี่ยนเป็นเช่นไร”

“โอหังอวดดี ทหาร นำนางไป......”

“หรือว่าในสายตาของท่าน มีเพียงแคว้นชางหลานแคว้นเจียงเยี่ยนถึงจะเป็นแคว้นใหญ่” กู้อ้าวเวยขัดจังหวะเขาด้วยคำพูดเพียงเบาๆ เลิกดวงตาที่เย็นชาขึ้นมา “ตามฐานะของข้า คนที่ตำแหน่งเล็กๆ อย่างเจ้าจะมาต่อรองอะไรได้ หากว่าไปแล้ว ก็ให้คนระดับสูงของเจ้ามาต่อรองกับข้า”

ทหารที่อยู่ด้านหลังอยากจะขึ้นมา ล่ายเสวียนกลับยกมือขึ้นรั้งเอาไว้

แคว้นใหญ่บัดนี้ นอกจากแคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นชางหลานแล้ว ก็คงจะมีแค่แคว้นเอ่อตานแล้ว เจ้าก็ไม่น่าใช่คนโง่ คนที่อยู่ด้านหน้าซ้ายขวาล้วนเป็นยอดฝีมือ ก็ย่อมมีอารมณ์โดยตัวเอง ท่าทางการกินข้าวแม้จะเร็ว แต่กลับมีความเป็นผู้ดี แน่นอนว่าไม่ใช่คนธรรมดา

“จะพิสูจน์ได้อย่างไร”

“หากตามความหมายของข้าแล้ว ให้พวกทาสรับใช้นี้ฟังไปแล้ว ท่านสามารถรับผิดชอบได้หรือ” กู้อ้าวเวยเก็บสายตาที่เย็นชากลับมา อีกทั้งเอาเหล้าที่อยู่ข้างมือของกุ่ยเม่ยซึ่งยังไม่ได้ดื่มหยิบข้ามมา “เรียกหัวหน้าของพวกเจ้ามาเถอะ ข้าก็ไม่อยากจะทำให้เป็นข่าวใหญ่ไป”

เมื่อวานที่พาฝูงทาสรับใช้เดินเตร่ผ่านตลาดไปเป็นใครอีก

ล่ายเสวียนเป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าไม่ถูกกู้อ้าวเวยทำให้ตกใจง่ายๆ แต่อีกด้านหนึ่ง เขาก็ต้องสืบฐานะของคนผู้นี้ให้ดีเสียก่อน ก็เลยให้พวกทหารกลับไป เขาคนเดียวกับนายทหารอีกคนที่เหลืออยู่ พวกทหารชั้นผู้น้อยก็ล้อมอยู่ด้านนอก

“พูดได้แล้ว” ล่ายเสวียนตรวจสอบดูพิรุธของคนผู้นี้ที่กินไม่หยุดอยู่ตรงหน้า

กุ่ยเม่ยเหยียบเท่าของนางที่ใต้โต๊ะอย่างไม่เกรงใจ กู้อ้าวเวยเกือบสำลัก ความงามทั้งหมดจะกลายเป็นศูนย์ ตบหนึ่งครั้งจนเอาตะเกียบมาอยู่บนโต๊ะ พูดด้วยเสียงเข้มว่า “ข้าก็แค่กินเกี๊ยวเท่านั้น มีธุระก็รอให้ข้ากินให้เสร็จก่อนค่อยพูด”

ประโยคนี้ดูเหมือนว่าจะบอกเตือนกุ่ยเม่ย แต่ความจริงแล้วกลับกดแรงกดดันของล่ายเสวียนอยู่

ผู้ช่วยของล่ายเสวียนถูกทำให้ตกใจอยู่ชั่วครู่ ล่ายเสวียนกลับเปิดปากออกอย่างใจจเย็น “คนของแคว้นเอ่อตาน มาทำการค้าขายอะไรกับพวกเราที่นี่”

“แน่นอนว่าทำการค้าอาวุธ นายท่านบอกว่าพวกเราช่วยอะไรไม่ได้มากในที่แจ้ง แต่สามารถผูกสัมพันธ์ได้ในที่ลับ ครั้งนี้ที่ข้ามา ก็ให้ข้าหา.....” กู้อ้าวเวยพูดถึงตรงนี้ ก็เงียบเสียงไป ตวัดสายตาไปทางผิงชวน “ท่านแม่ทัพนั้นมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไรกันนะ”

ผิงชวนคิดไปมาสักครู่ “แม่ทัพอ้ายหยินหรือ”

“ใช่ๆ แม่ทัพขวางตา(คำว่าขวางตาในภาษาจีนออกเสียงว่าอ้ายเหยียง การออกเสียงคล้ายกับชื่อของอ้ายหยิน)” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างทันที ในมือกลับค่อยๆ เคลื่อนไปอาผ้าที่อยู่ในมือของกุ่ยเม่ยมา เลียนแบบท่าทางการเช็ดมุมปากของพวกชนชั้นราชวงศ์ แล้วก็โยนกลับไปแล้ว “คิดไม่ถึงว่าจะพบท่านก่อน

หากถูกคนอื่นได้ยินว่ามีคนเรียกอ้ายหยินว่าขวางตา เกรงว่าจะถูกตัดหัวเสีย

กู้อ้าวเวยได้เพียงปิดปากเงียบ กระแอมออกมาอย่างเย็นชาหนึ่งคำ “พอแล้วพอแล้ว พวกเจ้าก็ตัดสินใจจัดการไปเลยละกัน ข้าจะไปเจรจาการค้ากับแม่ทัพล่ายเสวียนด้วยกัน คุยเสร็จธุระ ข้ายังอยากกินขนมเปี๊ยะของแคว้นเจียงเยี่ยนอยู่เลย”

“นายน้อย ท่านหยุดคิดก่อนเถอะ ช่วงเวลาสงครามเช่นนี้ ที่ไหนจะมีขนมเปี๊ยะ” กุ่ยเม่ยรั้งนางไว้

สองคนมองตากันดูเหมือนกับว่าจะถกเถียงกันเรื่องขนมเปี๊ยะขึ้นมา ผู้ช่วยของล่ายเสวียนรีบไอขึ้นมาหลายคำ ล่ายเสวียนก็ยังคงมีใบหน้าที่เคร่งขรึม ชั่วพริบตาดูไม่ออกความจริงเท็จจากตัวนาง คิดไปคิดมา ก็เอาโจรพวกนั้นส่งมอบให้ผิงชวน ตัวเองกลับเข้าที่นั่งไปอีกครั้ง

“การค้าขายอาวุธ” ล่ายเสวียนค่อยๆ เคาะโต๊ะ ดึงกลับมาที่ประเด็นหลัก

พอพูดถึงการค้าสองคำนี้ กู้อ้าวเวยก็ไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งแบบเมื่อครู่นี้แล้ว ยืดตัวตรงกอดอกแล้วเรียกกุ่ยเม่ยผิงชวนขึ้นลงเอาม้วนหนังสือ ตนเองก็พูดกับล่ายเสวียนอยู่หลายประโยค ประโยคสุดท้ายบอกว่า “แต่เพราะว่าแคว้นชางหลานด้านนั้นมีสายสืบ ล็อตแรกอย่างมากข้าจะส่งมาให้สองพันชุด พวกม้านั้นต้องรบกวนท่านให้เตรียมเส้นทางให้ ส่วนเงินทองก็เป็นไปตามปกติออกก่อนสองเท่า

“อาวุธของพวกเราเพียงพอ.....”

“แต่ก็เทียบกับฝีมือของแคว้นเอ่อตานไม่ได้” กู้อ้าวเวยค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น “อาวุธที่ทาสรับใช้ทำนั้นเทียบได้เช่นไร ช่างฝีมือที่ชำนาญของพวกเรามีนับไม่ถ้วน อีกอย่าง แคว้นเอ่อตานกับแคว้นชางหลานเป็นพันธมิตรกัน หากวันข้างหน้าตัดสินใจจะร่วมมือกัน การแลกเปลี่ยนข่าวสารกันก็คงไม่สามารถไม่ได้แล้ว”

“ในเมื่อพวกเจ้าทำเช่นนี้ แคว้นเอ่อตานต้องการอะไรบ้าง คงไม่ได้เพียงเพื่อหากำไรอย่างเดียวกระมัง” ผู้ช่วยแม่ทัพถามขึ้น

“นี่ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ข้าออกจากบ้านไม่ทำการค้าที่ขาดทุนอยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยคิดไปคิดมา เอนหัวแล้วพูดต่อว่า “ชายแดนของแคว้นชางหลานมีป้อมสองแห่งพวกข้าชอบพอมากพอสมควร หากถึงเวลาสามารถให้พวกข้าได้ พวกข้าก็จะช่วย”

สีหน้าของล่ายเสวียนดูครุ่นคิดอย่างหนัก “เจ้าสามารถตัดสินใจได้หรือ ต้องการแค่ป้อมสองแห่งหรือ”

“ข้าตัดสินใจได้แน่นอน ทำสงครามกับแคว้นชางหลานและแคว้นเจียงเยี่ยนมันไม่เป็นการดีเลย พวกข้าก็แค่ใช้ข่าวสารเล็กน้อยแลกกับป้อมสองแห่ง แล้วค่อยสัญญาสันติยี่สิบปีเป็นเช่นไร” ดวงตาของกู้อ้าวเวยสว่างขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์