บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 512

บทที่ 512 ข้ารอได้

ก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะเดินไปถึงปากประตู ยังไม่ทันได้ผลักเข้าไป

“เอาอีกแล้ว……”เสียงครางเบา ๆ ของกู้อ้าวเวยดังออกมาจากในห้อง มีแม้กระทั่งเสียงสะอึกสะอื้นเจือปนอยู่ด้วย

ตัวนิ่งแข็งทื่ออยู่ที่ประตูด้านนอก ซ่านจินจื๋อตั้งอกตั้งใจฟัง เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวที่ด้านในอย่างเงียบ ๆ เก็บซ่อนตัวเองซ่อนเร้นอยู่ภายใต้เงาอย่างมิดชิด

กู้อ้าวเวยที่อยู่ภายในห้องตื่นขึ้นด้วยความปวดร้าว ราวกับถูกคนเอาไม้ทิ่มแทงเข้าที่หน้าอกเจ็บรวดร้าวจนยากที่จะต้านทานได้

นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่กลับหาสาเหตุสำคัญนั้นไม่พบ มีเพียงวิธีเดียวคือนางคลำหาตัวยาไปอย่างไม่หยุดหย่อน นับว่าเป็นการช่วยเหลือตนเอง เพียงแค่สยายผมที่ยังไม่ทันได้แห้งออกอย่างลวก ๆ แง้มเปิดหน้าต่าง จุดเทียนขึ้น แล้วก็กวาดตาอ่านตำรายาอยู่ด้านหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ

เหงื่อเย็นที่อยู่ตามใบหน้าของนาง ท่าทีที่เอามือขึ้นกุมอยู่ที่หน้าอกอยู่บ่อย ๆ ครั้งล้วนถูกซ่านจินจื๋อมองเห็นเข้าอย่างชัดเจน

จวบจนกระทั่งรอให้กู้อ้าวเวยได้ค่อย ๆ สงบลงแล้ว เขาถึงค่อย ๆ เคาะประตูเบา ๆ มองนางผ่านทางหน้าต่าง

กู้อ้าวเวยตกใจขึ้น เรียวนิ้วที่ถูกลมพัดจนแดงซ่านหดเกร็งขึ้น จนกระทั่งเห็นใบหน้าของซ่านจินจื๋อชัด ๆ ถึงได้พูดขึ้นว่า “มืดค่ำดึกดื่นแล้ว เจ้ารีบกลับไปนอนเสียเถิดไป”

“ท่านป้าคงจะรู้สภาพร่างกายของเจ้า?”ซ่านจินจื๋อละทิ้งบานประตูนั้นลง พุ่งตรงแด่วมายังข้างหน้าต่างของนาง สายตาทอดลงอยู่บนหน้าอกของนาง “แผลเก่า?”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็นไปได้ว่าในปีนี้แผลเก่ามันยังไม่ทันหายดี พิษของกระดิ่งเหล็กแทรกซึมเข้า ข้าเองไม่ทันได้สังเกตเห็น ตอนนี้มันได้สำแดงฤทธิ์ออกมา”

กู้อ้าวเวยพูดขึ้นอย่างราบเรียบราวกับพูดถึงดินฟ้าอากาศ

แต่ซ่านจินจื๋อเองก็กลับคิดไม่ถึงว่าพิษของกระดิ่งเหล็กในตอนแรกนั้น ถ้าหากว่าไม่ได้กดลงตรงหน้าอกไว้สักพักหนึ่ง พิษนี้ก็คงจะไม่มีทางเข้าร่างกายไปได้

เงียบงันอยู่เป็นเวลานาน ซ่านจินจื๋อกลับหัวเราะออกมาอย่างทึมทื่อ “บาดแผลของข้าเจ็บยิ่งนัก”

กู้อ้าวเวยช้อนตาขึ้นมองที่เขา “หมอก็มีอยู่ทั่ว”

“ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมาโดนตัวข้า”

ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างจริงจัง กู้อ้าวเวยรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง อนุญาตขึ้นอย่างจำใจ ให้คนเดินเข้ามา

เอาผ้าพันแผลที่มีรอยเลือดพันเอาไว้ในแต่ละชั้น--เปิดออกมา เผยให้เห็นบาดแผลที่อยู่ด้านในที่ช่างน่ากลัวอุกฉกรรจ์

คิดไม่ถึงว่าจะพบเข้าบุคคลผู้นี้ที่แผลปริแตกแล้วแต่ไม่ได้เปลี่ยนยา กู้อ้าวเวยพลันก็รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันที หยิบเอากรรไกรขึ้นมาดึงเอาผ้าพันแผลนั้นออก เอาน้ำสะอาดมาบรรจงชำระล้างให้เขาก่อนเป็นอันดับแรก ถึงได้เริ่มเอายาใส่ลงไป

แต่ไหนแต่ไรมากู้อ้าวเวยปฏิบัติต่อคนด้วยความอ่อนโยนและใส่ใจ ต้องเผชิญกับซ่านจินจื๋อก็เป็นเช่นดังนี้

จวบจนกระทั่งแผลที่บนร่างกายถูกพันใหม่ขึ้นเรียบร้อยแล้ว กลิ่นของยาที่ฉุนจมูกก็ได้ทำความรำคาญเสียจนซ่านจินจื๋ออดมาได้ที่จะบีบที่ปลายจมูกไปมา เบนหน้าออก กลับมองเห็นว่ากู้อ้าวเวยได้เก็บของลงอย่างลวก ๆ มือก็จรดลงบนหนังสืออีกครั้ง

ยกมือขึ้นทัดทานท่าทีของนาง “ไม่เช้าแล้วนะ ควรจะนอนได้แล้ว”

“เมื่อครู่นอนไปสักพักแล้ว เพียงพอแล้วล่ะ”กู้อ้าวเวยเขยิบออกจากการทัดทานของเขา แต่กลับถูกคนผู้นี้กุมที่ข้อมือเอาไว้อย่างแน่นหนาเอาเป็นเอาตาย ขัดขืนต่อไปไม่ได้ง่าย ๆ คนผู้นั้นได้อุ้มนางขึ้นจากเก้าอี้ไม้ แล้ววางลงบนฟูกด้วยอย่างนุ่มนวล “ข้านอนเป็นเพื่อนเจ้าเอง”

“พวกเราไม่ใช่สามีภรรยากันอีกแล้วนะ”

“ที่คลองลั่วส่วย พวกเราก็เคยร่วมเตียงเคียงหมอนกันมาแล้ว”ซ่านจินจื๋อเพียงแค่ออกแรงบังคับให้คนเข้าไปอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ประคองเอาผมยาวโผล่ออกที่ยันไม่ทันได้แห้งวางไว้อีกด้านหนึ่ง ยึดที่ไหล่ของนางเอาไว้มั่นด้วยมือข้างเดียว ตัวเองก็ตะแคงนอนลงด้วย ตระกองกอดคนเอาไว้กับอ้อมอก

“ไม่ต้องแล้ว ข้ายังไม่อยากนอนเลยสักนิด หรือว่าลุกมาทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์กันดีกว่า……”

“ข้าจะบอกท่านป้า”ซ่านจินจื๋อปิดตาลง มีเพียงมือที่กุมไหล่ของนางเอาไว้ที่ยังไม่ยอมลดแรงลงโดยตลอด

“ถ้าหากว่าภายภาคหน้าข้าทำร้ายนางอีกครา ก็จะเป็นคนถือหัวมาพบหน้า”

ซ่านจินจื๋อพูดต่อประโยคหลังของฉูหลี่ เรียวนิ้วปัดผมที่สยายออกมาไปไว้ข้างหูของนางอย่างเงียบเชียบ “ตอนแรกเป็นข้าที่ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้นางจะลงโทษข้าอย่างไร ข้าก็จะรับเอาไว้ ข้ากับนางยังมีเวลาเหลืออีกหลายสิบปี ข้ารอได้”

“เช่นนั้นก็ดี”ฉูหลี่ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงออกไรมากมายไปกว่านี้อีก ผละตัวเดินจากไป

ซ่านจินจื๋อที่อยู่ภายในห้องโค้งตัวลง จุมพิตลงเบา ๆ จรดลงบนหน้าผากของนางหนึ่งที

รอนานสักเพียงไหน เขาล้วนเต็มใจทั้งนั้น

  ……

เพียงว่าฤทธิ์ยาของยาอี กู้อ้าวเวยถึงได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาขอบฟ้าไป ร่างกายเมื่อยขบไร้เรี่ยวแรง มีกลิ่นยาหลงเหลืออยู่ภายในจมูกอยู่เล็กน้อย แต่ทว่าแค่เพียงชั่วครู่นางก็มีสติรู้ตัวขึ้น ค้ำยันตัวเองเอาไว้ครึ่งหนึ่งจ้องมองไปที่ซ่านจินจื๋อ “เจ้าใช้ยาอีของข้า”

ซ่านจินจื๋อที่ตอนแรกกำลังงัวเงียอยากจะนอนเต็มแก่ก็โดนคว้าหมับเข้าที่เสื้อ ลืมตาเบิกโพลงขึ้นมาในทันที “หิวแล้วหรอ?”

“เจ้าใช้ยาอีมาทำให้ข้าสลบไป ยังจะมาเปลี่ยนเรื่องอีกนะ”กู้อ้าวเวยจับเขาไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ยอมปล่อยมือ จวบจนกระทั่งที่ซ่านจินจื๋อที่คอยเอาอกเอาใจตามตื้อไม่หยุดไม่หย่อนดึงให้ลุกออกมาจากเตียง ถึงได้สงบนิ่งลงบ้าง

เฉิงซานเองสำรับอาหารค่ำมาให้คนทั้งสอง กู้อ้าวเวยเป็นคนที่ลมเพลมพัดเช่นนี้มาโดยตลอด ได้มองเห็นฉากราตรีอันมืดมิดที่ด้านนอก แต่ตัวเองไม่ได้มีความง่วงอยากจะนอนแล้วสักนิด เพียงแค่นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะหนังสือศึกษาตำรายา

กู้อ้าวเวยกินไปด้วยพลางอ่านหนังสือทางการไปด้วย บาดแผลที่ถูกพันเอาไว้ผนวกกับนอนหลับเต็มตื่นสักตา ก็รู้สึกเพียงแค่ว่ากระปรี้กระเปร่าขึ้นมามาก

จวบจนกระทั่งถึงยามที่สอง กู้อ้าวเวยก็ได้เตรียมตัวกินยา ตรงนี้เองซ่านจินจื๋อถึงได้ถลาตัวเข้ามา นั่งอยู่ที่ข้างกายของนาง “ข้าจะไปตามหมอมาดูอีกสักหน่อย ถ้าหากว่าเจ็บตรงหน้าอกละก็ เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วนะ”

“ตอนนี้ที่กลัวก็คือจะหาหมอที่เก่งกว่าข้าไม่มีอีกแล้ว มิหนำซ้ำแล้วนั้น……ข้าเองไม่อยากให้ท่านแม่กับฝ่าบาทต้องกังวลพระทัย”กู้อ้าวเวยหลบตาลง แต่ท่าทีเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “มิหนำซ้ำ ชิงจือก็จะมาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาเองก็รู้เรื่องรู้ราวแล้ว จะให้คนต้องมากังวลใจไปได้ยังไงกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์