บทที่ 571 ความยุ่งเหยิงของตำบลเหยสุ่ย
“ดังนั้นท่านแม่ พาข้ามาที่นี่ก็หมายถึง.....”
กู้อ้าวเวยรู้สึกตัวขึ้นมา
“สถานที่แห่งนี้ถูกบันทึกไว้ในบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายประจำตระกูลหยุนว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยทั่วไปแล้วจะเข้าได้เฉพาะผู้ที่แต่งงานกับราชวงศ์และพวกผู้นำครอบครัวเท่านั้น เดินทีคิดจะพาเจ้ามาที่นี่นานแล้ว หากแต่ซ่านต้วนโฉงกลับไม่ไว้วางใจซ่านจินจื๋อ รู้สึกว่าเจ้ารักเขามาก หากบอกให้รู้จักสถานที่แห่งนี้ ซ่านจินจื๋อก็อาจจะมุ่งมาบุกที่นี่” วางกล่องไม้ไว้ด้านหลังของแผ่นหินที่หัก
กู้อ้าวเวยพยักหน้าหนักแน่น
แม้ว่าก่อนหน้านี้ซ่านต้วนโฉงจะเคยตามใจซ่านจินจื๋อมาก่อน แต่ในใจก็รู้จักซ่านจินจื๋อผู้อยู่ติดตามใกล้ชิดซูพ่านเอ๋อดี จะต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการแน่นอน หากบอกตอนนี้ ก็กลัวว่าจะเชื่อในนิสัยของซ่านจินจื๋อด้วย
“ในกรณีนี้ หากไม่ได้อยู่กับเจ้า เสด็จพี่ก็คงจะไม่บอกเรื่องนี้กับข้าแน่นอน”
ซ่านจินจื๋อกอดนางไว้ในอ้อมแขน รอจนกระทั่งออกจากถ้าแห่งนี้ไป จึงได้ยินเสียงของซ่านจินจื๋อพูดเบาๆ อยู่ข้างหูของนาง “คำพวกนั้น ยังไม่เคยพบเห็นในตำราเล่มใด”
“นั่นเป็นคำพูดที่บ้านเกิดของข้า ข้าตัวจริง บ้านเกิดเมืองนอน” จงใจเน้นหนักไปยังสามคำสุดท้าย กู้อ้าวเวยจากไปโดยไม่ทันรอให้หยุนหว่านเก็บของ ยกมือขึ้นกดท้ายทอยของซ่านจินจื๋อ เขากำลังประทับริมฝีปากอันเยือกเย็นลงไป “เจ้าเป็นคนที่สองที่ได้รู้เรื่องนี้”
ซ่านจินจื๋อผงะไป ยังคงต้องการให้จูบนี้ลึกซึ่งมากขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงของหยุนหว่าน จึงได้แต่ปล่อยนางไป และถามออกไป “คนแรกคือใครหรือ”
ทราบดี คำเหล่านี้เจ้าล้วนแต่เป็นคนสอนข้า ใช่ไหม
จริง ๆแล้ว เดิมทีกู้อ้าวเวยคนนี้ไม่ใช่กู้อ้าวเวยคนก่อนหน้าแล้ว
ซ่านจินจื๋อไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่ตอนนี้มองเห็นกู้อ้าวเวยวิ่งกลับไปกอดกายของหยุนหว่านด้วยความใกล้ชิด ก็อดจะยิ้มไม่ได้ พึมพำกับตนเอง “เป็นสิ่งที่ข้าสอนจริง ๆ”
“ข้าพูดไม่ผิดสักหน่อย ตัวหนังสือเหล่านี้ข้าเคยเห็นมาก่อนในหนังสือที่ตำหนักอ๋องจิ้ง” กู้อ้าวเวยมองเขาและกระพริบตา พูดต่อไป “หลังจากออกไปแล้ว ข้าจะมอบความภักดีต่อท่าน อ๋องจิ้งท่านก็เติมเต็มความปรารถนาของข้าใช่หรือไม่”
“ควรจะเป็นเช่นนั้น” ซ่านจินจื๋อระงับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
หยุนหว่านไม่รู้เลยว่าระหว่างทั้งสองคนนี้ได้เอาเรื่องจริงจังมาทำเป็นเรื่องสนุก หรือมันจะเป็นเพียงเกมจริง ๆ ได้แต่ตบแขนกู้อ้าวเวยเบาๆ “ตอนนี้ยิ่งจะดื้อแล้วนะสิ ตอนนี้เรื่องของอ้ายซู่จือข้ายังไม่ได้สั่งสอนเจ้าเลย....”
จากนั้นก็ถูกหยุนหว่านพูดบ่นมาเกือบจะตลอดทาง
กลับถึงตำบลเหยสุ่ยอีกครั้ง กู้อ้าวเวยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำพูดเหล่านั้นหมายถึงอะไร เพียงแต่นำเอาอักษรปัจจุบันพวกนั้นแปลออกมา ส่งมอบให้กับอาจารย์ด้านฮวงจุ้ยที่ทิงเฟิงเก๋อหามาให้
หลังจากนั้นไม่กี่วัน บนเขาลูกนั้นได้เกิดไฟป่าขึ้น ไฟลุกไหม้อยู่เป็นเวลาสามวันเต็ม
หยุนหว่านก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงจดหมายฉบับหนึ่งว่าจะกลับไปเมืองเทียนเหยียนเพื่อรายงานการปฏิบัติงานต่อซ่านต้วนโฉง
กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาในวันนี้ ยังไม่ทันจะได้ปลอดโปร่ง กลับคิดถึงเรื่องที่จะต้องไปยังชายแดนเพื่อจัดการกับซูพ่านเอ๋อในอีกสองสามวันนี้ ในที่นี่ได้ถูกผู้ชายด้านข้างกายประคองศีรษะเอาไว้ แล้วพูดไปข้างหู “นอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
ใกล้กับหมอนอันนุ่มของตนเอง กู้อ้าวเวยหรี่ตาขึ้นมองและคว้าไปยังเสื้อผ้าที่ไหล่ของเขา “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
เสียงหัวเราะเบาๆของซ่านจินจื๋อดังเข้าไปในหู หลังจากนั้นผ้าห่มบนร่างก็ถูกยกขึ้นทันที “คนของกู้เฉิงเข้ามาแล้ว กลัวว่าหากได้รู้ว่าไฟป่าเผาไหม้ไปมากมายแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเปล่าประโยชน์ที่คุณป้าจะฝังฟ้าร้องไว้ข้างใต้”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภูเขาจะเกิดเผาไหม้ในช่วงฝนฟ้าคะนอง” ตอนนี้กู้อ้าวเวยรู้สึกงุนงงหลังจากถูกพะเน้าพะนอ โน้มตัวเข้าสู่อ้อมแขนของซ่านจินจื๋ออีกครั้ง “เมื่อถึงเวลาปล่อยข่าวว่าใบสั่งยาอายุวัฒนะได้หายไปแล้ว อย่างไรก็มีคนเชื่อ”
ซ่านจินจื๋อมองไปที่นางอย่างทำอะไรไม่ถูก
เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จ กู้อ้าวเวยยังเตรียมตัวออกไปด้านนอก ก็ได้เห็นเถ้าแก่เนี้ยกำลังยืนเคาะบุหรี่อยู่บนโต๊ะ พูดว่า “คุณ วันนี้คุณก็ไปแล้ว ไม่ทราบว่าพอจะช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม”
“เรื่องอะไรหรือ” กู้อ้าวเวยหันศีรษะไปด้านข้าง เมื่อได้รู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยคนนี้เป็นคนมีจิตใจโหดร้าย แม้แต่หยุนหว่านยังบอกว่าตอนวัยรุ่นนางฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา คงเป็นพวกอันธพาลที่ออกมาจากทะเลทรายจริง ๆ
“ยาพิษที่เจ้านายให้มายังมาสาแก่ใจเลย ท่านเอาตัวที่มีฤทธิ์ร้ายไว้กับข้าเถอะ ข้าเลือกปฏิบัติไม่เท่าเทียมเด็ดขาด” เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะเริงร่า เผยให้เห็นฟันอันขาว ผู้คนรอบกายวิ่งไปยังหลังจวนอย่างตื่นตกใจ
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือ” กู้อ้าวเวยรับชามของซ่านจินจื๋อมา ถามกลับไป “เนื่องจากในอนาคตตำบลเหยสุ่ยจะอยู่ภายใต้การจัดการดูแลของข้า จะต้องฝึกฝนทหารที่เป็นหน่วยกล้าตาย อย่างนั้นแล้วเจ้าจะจะปล่อยให้มีคนตายที่นี่ก่อนไม่ได้”
เถ้าแก่เนี้ยหรี่ตาลงเล็กน้อย มันช่างน่ารำคาญจริง ๆ แต่กลับเห็นถุงกระดาษสีเหลืองสองสามใบหล่นลงบนโต๊ะ “หากแต่ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ท่านแม่หามา ก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยเจ้าไม่ได้ แต่หากข้าเห็นว่าเจ้าเลือกปฏิบัติผิดคนล่ะก็ ชีวิตนี้ก็ไม่มีเหลือ”
“สาวน้อย เจ้ายังไม่มีทักษะความสามารถแบบนี้” เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะเยาะ นำเอาถุงกระดาษเล็ก ๆพวกนั้นขึ้นมา
“ต้องขอโทษด้วยนะ ถุงกระดาษนั้นก็มียาพิษ” กู้อ้าวเวยวางชามในมือลง จับผ้าเช็ดหน้าแล้วถูปลายนิ้ว จากนั้นได้หยิบเข็มเงินขึ้นมาแตะชามที่ตนเองถือเคยถืออยู่เมื่อสักครู่ และเข็มเปลี่ยนเป็นสีม่วง
เถ้าแก่เนี้ยเริ่มหน้าถอดสีทันที
กู้อ้าวเวยกลับกินยาถอนพิษอย่างใจเย็น จากนั้นก็นำขวดหยกเปล่าทุบลงกับพื้น “ข้าฆ่าคน แต่ข้าไม่รู้เห็นเป็นใจให้คนฆ่าคน หากวันนี้เจ้าต้องการจะฆ่าคน เจ้าก็ควรจะเตรียมพร้อมที่จะถูกคนฆ่า”
“ยาพิษนี้ ข้าไม่ต้องการแล้ว” เถ้าแก่เนี้ยกลืนน้ำลาย ในที่สุดก็กลัวขึ้นมาแล้ว
เวลาต่อมา ถุงกระดาษอีกใบก็ตกใส่มือของนาง “นี่คือยาถอนพิษ ถอนพิษให้ตัวเองก่อน ค่อยใช้พิษนี้อีกครั้ง หากไม่เพียงพอก็มาขอข้า เรื่องอะไรก็ตามหลังจากนี้ จะฆ่าใคร ซ่านต้วนโฉงเรียกพวกเจ้ากี่ครั้ง ก็ต้องมาแจ้งกับข้าทั้งหมด”
“ได้” ในใจของเถ้าแก่เนี้ยไม่พอใจ แต่กลับกลัวว่ากู้อ้าวเวยจะฆ่าตนเองจริง ๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...