บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 6

บทที่ 6 ให้ข้ากลับบ้านเป็นเพื่อนเจ้า

กู้อ้าวเวยมองซ่านจินจื๋อด้วยลักษณะคล้ายกับโรคประสาท คนผู้นี้ป่วยแน่นอน พอมาถึงก็จัดการจะเอาสมบัติตกทอดอันใดจากนาง ในเมื่อเป็นถึงสมบัติตกทอดแล้วจะมาอยู่ที่นางได้อย่างไรเล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านางเพิ่งจะมาที่แห่งนี้ เดิมทีก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าสมบัติตกทอดนั่นคืออะไร แล้วถึงแม้นางจะรู้จริงก็ไม่มีทางให้ผู้ชายสวะพรรค์นี้หรอก

เมื่อสักครู่ที่ถูกซ่านจินจื๋อทั้งยกทั้งเหวี่ยง บาดแผลบนร่างปริออก กู้อ้าวเวยกัดฟันฝืนความเจ็บ กล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยัน “คำกล่าวนี้ของท่านอ๋องข้าฟังมิเข้าใจ ในเมื่อเป็นมรดกตกทอดของตระกูลหยุนแล้วจะให้หม่อมฉันได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเหตุใดท่านอ๋องจึงลืมไปเสียแล้ว หลังจากที่หม่อมฉันอายุสิบห้าก็อาศัยอยู่ที่ตระกูลกู้ แม้ท่านตาจะต้องการผู้สืบทอดมรดกจริงแต่ก็ย่อมไม่ยกให้หม่อมฉันที่เป็นคนนอกตระกูลหรอก”

“หึ! กู้อ้าวเวยเจ้าคิดว่าเจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้าจะเชื่อเจ้าหรือ?” พลันบีบเข้าที่ลำคอของกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อส่งเสียงเย็นเยียบราวกับผุดขึ้นมาจากนรกอันหนาวเหน็บ น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้กู้อ้าวเวยอดไม่ได้ที่จะสะท้าน “ในโลกนี้ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เล็กเจ้าก็ได้รับสืบทอดเสื้อคลุมชิงหยางจากท่านตาของเจ้า ถ่ายทอดทักษะแพทย์ทั้งหมดของเขา และเคยกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้วว่าในวันหน้ากิจการทั้งหมดของตระกูลหยุนมอบให้เจ้าจัดการดูแล บัดนี้เจ้าบอกว่าสมบัติตกทอดตระกูลหยุนไม่ได้อยู่ในกำมือเจ้า คำกล่าวนี้หลอกผีคงได้ จะหลอกข้า…..หยุดฝันเสียเถอะ!”

กู้อ้าวเวยพลันขมวดคิ้ว แปลกประหลาดที่ผู้ชายเฮงซวยคนนี้มาหาเรื่องตนรอบแล้วรอบเล่า ที่แท้เจ้าของร่างเดิมก็มีความเป็นมายิ่งใหญ่เช่นนี้ ผู้สืบทอดในอนาคตแห่งครอบครัวตระกูลแพทย์ และผู้สืบทอดเสื้อคลุมแพทย์เทวะ เพียงแต่นางที่เป็นผู้สืบทอดแพทย์เทวะนี้เป็นตัวปลอม ท่านตาของนางมีรูปร่างสูงต่ำดำขาวอ้วนผอมอย่างไรนางยังไม่รู้เลย

อย่าได้กล่าวถึงสมบัติตกทอดนั่น มองดูสินเจ้าสาวเหล่านั้นที่ติดตัวยามนางแต่งเข้ามา ไม่มีสิ่งใดที่คล้ายสมบัติตกทอดเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นของล้ำค่า เจ้าของร่างเดิมไม่น่าโง่พอที่จะพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เดิมทีคนตระกูลหยุนอาจจะไม่เคยมอบของล้ำค่านั้นให้กับนางด้วยซ้ำ

กู้อ้าวเวยกรอกตาจนปวดเศียรเวียนเกล้า ยื่นมือออกไปตีแขนของซ่านจินจื๋อ เป็นการส่งสัญญาณว่าให้ปล่อยลำคอของนาง เมื่อถูกบีบเช่นนี้ แม้จะไม่ใช่เพราะถูกบีบจนตายก็คงเป็นเพราะเลือดลมไม่เดิน

กู้อ้าวเวยเพียงแค่ถลึงตาใส่นาง เดิมทีก็ไม่เคยคิดจะคลายมือ กู้อ้าวเวยเกิดความจนใจ ข้าว่านะพี่ชาย ในเมื่อท่านบอกว่าในวันหน้าที่ท่านตาข้าเคยบอกว่าจะมอบตระกูลหยุนให้กับข้า แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ไง ดังนั้นสมบัติก็ย่อมไม่อยู่ที่ข้าในตอนนี้ อีกอย่าง….” มองดูอุ้งมือที่กำลังบีบลำคอนางด้วยความรังเกียจ กู้อ้าวเวยใช้นิ้วมือชี้ “ขอร้องคนให้ช่วยธุระก็ต้องมีท่าทีขอร้องผู้คน ท่านบีบคอข้าไม่ปล่อยเช่นนี้ ข้าไม่เห็นถึงความจริงใจที่จะขอร้องข้าให้ช่วยเหลือเลยนะ มีคำกล่าวไว้ว่าทำสิ่งใดไว้กับผู้อื่น ในอนาคตจะวนกลับมาอีกครั้ง เพื่อที่จะช่วยคนในดวงใจของท่าน อย่ากระทำสิ่งที่เกินพอดี มิฉะนั้นหากก่อปัญหากับข้า ท่านคิดว่าสมบัติของตระกูลหยุนท่านยังจะเอาไปได้หรือไม่?”

“เจ้า!” ซ่านจินจื๋อถูกคำพูดกู้อ้าวเวยยั่วยุ แรงมือทวีกำลังเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน กู้อ้าวเวยรู้สึกได้ว่าอากาศในโพรงอกยิ่งมายิ่งน้อยลง หัวสมองเริ่มขาวโพลน

“ท่านอ๋อง!” เมี่ยวหานเดินเข้ามาจากด้านนอกเมื่อพบกับฉากนี้จึงส่งเสียงเรียบๆ

“หึ!” เมื่อเหลือบมองแผ่นหลังของเมี่ยวหาน ซ่านจินจื๋อจึงเหวี่ยงร่างกู้อ้าวเวยลงไปบนพื้นด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์

บาดแผลเปิดฉีกออก รอยเลือดเปื้อนวงใหญ่ซึมประทับออกมา เสื้อผ้าบนร่างถูกย้อมเป็นสีแดง

ถุงน้ำดีหงส์? โลหิตมังกรหยก? นี่มันของบ้าๆอะไรกันเนี่ย?”

แต่ในเมื่อพวกเขาต้องการสิ่งนี้ เช่นนั้นนางก็ย่อมมีวิธีรับมือ

ขณะกุมถ้วยชาพิจารณาอยู่สักครู่ กู้อ้าวเวยก็เงยศีษะขึ้นมองและกล่าวกับซ่านจินจื๋ออีกครั้ง “สมมติว่าคืนนี้ท่านอ๋องไม่ได้สิ่งของจากข้าก็ไม่อาจเลิกราใช่หรือไม่?” มองซ่านจินจื๋อที่ใกล้ระเบิดโทสะพลางจรดนิ้วประคองหน้าผากด้วยความจนใจ “ของสิ่งนั้นจริงๆแล้วไม่อยู่ที่ข้า หากท่านอ๋องคิดอยากจะเอา ข้าก็สามารถช่วยได้ เพียงแต่….”

“เพียงแต่อะไร?” ซ่านจินจื่อรุกคืบเข้าใกล้อย่างไม่สบอารมณ์ หากกู้อ้าวเวยพูดอะไรที่ยั่วยุประสาทเขาขึ้นมา เขาจะฟาดกู้อ้าวเวยให้รู้ซึ้งถึงความหมายเลยทีเดียว

“ใชว่าท่านอ๋องลืมวันที่ข้าจะกลับบ้านหรือ นี่ก็ล่วงมาสามวันแล้ว พรุ่งนี้หากข้ายังไม่ปรากฎกายที่ตระกูลกู้ ยามนั้นถึงแม้ท่านตาจะมีของทั้งสองสิ่งก็ไม่อาจให้ท่านได้”

คำพูดของกู้อ้าวเวยทำให้ซ่านจินจื๋อลังเลไปชั่วขณะจริงๆ แต่เพียงไม่นานก็กลับมามองกู้อ้าวเวยด้วยความเหยียดหยัน “คิดจะให้ข้ากลับบ้านด้วยกันกับเจ้าหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์