บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 122

บทที่ 122 ไร้ยางอาย

เมื่อกลับไปนางจะฆ่าล้างตระกูลจูน ทางที่ดีจูนหยูนเสวี่ยควรสวดมนต์ในเขาปู้หว่งนั่นจะทำให้เขาไม่พบนาง มิเช่นนั้นจูนหยูนเสวี่ยคงทำได้แค่สวดมนต์ภาวนาให้ตนเองมีโชคมากพอ ที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของจูนจิ่วไปได้

หลังจากฆ่ามือสังหารหมาป่าละโมบ จูนจิ่วก็พาเสี่ยวอู่กลับไปด้วย แท้จริงโม่อู๋เยว่ก็ต้องการไปกับนางด้วย แต่จูนจิ่วแยกเขาออกไป ตามที่บอกเป็นนัย ให้โม่อู๋เยว่ช่วยนางตามหาพืชสมุนไพรหรือยาสมุนไพรพิเศษต่างๆในเขาปู้หว่งแห่งนี้

ได้ยินเช่นนั้นเหงื่อของเหลิ่งยวนก็ไหลออกมาอย่ามาก ใต้หล้านี้คงมีเพียงจูนจิ่วเท่านั้นที่กล้าออกคำสั่งนายท่าน แต่นายท่านกลับเห็นด้วย

ในที่สุดก็เหลือเพียงเขา ปกติเขาจะแอบปกป้องจูนจิ่วอย่างลับๆ เหลิ่งยวนหูดีได้ยินจูนจิ่วพกระซิบกับเสี่ยวอู่ว่า" มีโม่อู๋เยว่อยู่ข้างกายนั้นรู้สึกปลอดภัยก็จริง แต่การที่ถูกเขาจับตามองอยู่บ่อยๆก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน "

" เหมียว เหมียว! " เสี่ยวอู่ชูกรงเล็บขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าเห็นด้วย

เหลิ่งยวนฟังอย่างเงียบๆ เขารู้สึกอยากจุดเทียนให้กับเจ้านาย นี่เรียกว่าถูกทอดทิ้งไหม? เห็นจูนจิ่วกลับไปที่ถ้ำงู เหลิ่งยวนถอนหายใจพร้อมถอยหลังกลับไปในความมืด

กู่ซงไม่ได้บอกพวกหยูนเฉียว ว่าจูนจิ่วไปหามือสังหารหมาป่าละโมบมาแล้ว เมื่อพวกเขากลับมาก็จ้องมองจูนจิ่วอย่างละเอียด เขาพบว่าจูนจิ่วมีบาดแผลแค่ที่แขนและเอว ใบหน้าก็แดงก่ำ ดูมีชีวิตชีวา

กู่ซงอดไม่ได้ที่จะถามจูนจิ่ว " มือสังหารหมาป่าละโมบถูกกำจัดแล้วหรือไม่? "

" มันถูกกำจัดไปหมดแล้ว พวกเจ้าวางใจได้ ทั้งเจ้าและข้าล้วนสามารถเข้าไปในส่วนลึกของเขาปู้หว่งได้ "

" ฟืด " กู่ซงสูดลมหายใจ กลุ่มหมาป่าละโมบถูกกำจัดสิ้นแล้ว เช่นนั้นนักจิตชั้นหกก็ล้วนถูกกำจัดสิ้นแล้วใช่หรือไม่?

" จูนจิ่ว นับแต่นี้ไปข้ากู่ซงจะขอนับถือเจ้า! และข้าจะไม่ขอนับถือใครอื่นทั้งสิ้น "

ไม่ว่าจูนจิ่วจะทำได้อย่างไร ท้ายที่สุดนางก็สามารถฆ่านักจิตชั้นหกได้ นั่นมันช่างเหลือเชื่อนัก กู่ซงมองจูนจิ่วด้วยใจมุ่งมั่น ในจำนวนเมล็ดพันธุ์อู๋จง(ทั้งห้าสำนัก) จะต้องมีชื่อของจูนจิ่ว หากไม่มี เขาก็จะถือโอกาสแสดงน้ำใจ เพิ่มเติมให้นาง

อย่างไรเสียจูนจิ่วก็ให้สัญญากับเขา ว่าจะยินยอมกลั่นยาให้ น้ำใจนี้ กู่ซงจะจดจำมันไว้ในใจ

พวกเขาออกเดินทางในทันที มุ่งไปสู่ส่วนลึกของเขาปู้หว่ง ...

เขาปู้หว่งนั้นมีเทือกเขายาวออกไปหลายพันลี้ พวกเขาเดินทางตลอดเป็นเวลาสามวัน จึงจะสามารถเข้าไปในส่วนลึกของเขาปู้หว่งได้ เมื่อมาถึงจุดนี้เวลาก็ได้ล่วงไปแล้วถึงสิบวันนับตั้งแต่พวกเขาเข้าไปในเขาปู้หว่ง

ในส่วนลึกลงไปของเขาปู้หว่งทางใต้

ในหุบเขาแห่งหนึ่ง จูนจิ่วจับป๋ายเย่และกำลังต่อสู้กับเสือสองหัวตัวหนึ่งอยู่ หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยจัดการกับปีศาจเถาวัลย์ด้านข้าง กู่ซงที่กำลังลูบคลำจมูก และเสี่ยวอู่ที่ดวงตาเบิกกว้างอยู่ข้างๆ

ความแข็งแกร่งของเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน เมื่อเขาได้เอาแกนสัตว์มาจากจูนจิ่วแล้ว ดังนั้นคำสั่งคือไม่ว่ามีเรื่องหรือไม่ก็ต้องไปเฝ้ายาม

ชิ้ง! จูนจิ่วฟันดาบลงไป

“ โฮก ” เสียงขู่คำราม ——!

เสือสองหัวคำราม มันรีบร้อนถอยหลังพร้อมชูอุ้งมือที่เลือดไหลไม่หยุด หัวที่ดุร้ายทั้งสองของมัน หันไปทางจูนจิ่ว มันอ้าปากพ่นลมพายุและหนามน้ำแข็ง เสือตัวนี้คือสัตว์ทิพย์ขั้นสาม! มันอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเห็ดหลินจือสีเลือดพันปี

ลมพายุพัดจนก่อให้เกิดพายุลูกใหญ่มหาศาล หินแตกในหุบเขาทั้งหมดถูกม้วนขึ้นมา และซ่อนตัวอยู่ในกำแพงลม ระดับความอันตรายเปรียบได้กับความแข็งแกร่งของดาบ หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยจำเป็นต้องรีบหลบออกไปทันที และไม่ทันได้สนใจการยั่วยวนของเถาวัลย์ปีศาจ

ทางฝั่งหนามน้ำแข็ง ที่ค่อยๆแข็งทีละนิ้วและแนบไปกับพื้น ความเร็วที่ไวอย่างน่าประหลาดใจ พริบตาเดียวมันก็มาอยู่ที่เท้าของจูนจิ่ว

จูนจิ่วยิ้มเย็นชา นัยน์ตาเย็นยะเยือก นางจับดาบแล้วฟันมันลงไป ตูม! บนพื้นด้านหน้าของนางมีรอยดาบลึกผ่ากลางหุบเขา หนามน้ำแข็งแทงเข้ามาเรื่อยๆจนถึงรอยดาบ แล้วจึงถูกแสงสะท้อนจากดาบผนึกไว้ไม่ให้เข้ามาได้

" แม่นางจิ่วฝีมือเก่งกาจยิ่งนัก! ปรบมือ! "

" จูนจิ่วเก่งกาจนัก ! ข้ากู่ซงเคารพนับถือ "

ไม่กี่วันมานี้ กลุ่มของหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยก็ได้มีกงซู่เข้าร่วมด้วย ท่าที่เขาที่หลับหูหลับตาพูด เมื่อเห็นว่าเขาก็กลายมาเป็นผู้ที่เลื่อมใสจูนจิ่ว หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยก็ไม่ได้เคียดแค้นเขาอีกต่อไป

กู่ซงกระโดดลงมาจากหินก้อนใหญ่ และดึงกริชออกมา เขา รีบไปจัดการกับร่างของเสือสองหัวด้วยความว่องไว งานเหล่านี้ เขาล้วนเต็มใจเองทำทั้งสิ้น

กู่ซงออกไปจัดการกับเสือสองหัว ทางหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยก็กำลังรับมือกับการถูกยั่วยุ และการก่อกวนของเหล่าเถาวัลย์ปีศาจ

เห็ดหลินจือสีเลือดพันปีมีขนาดใหญ่เท่ากับผู้ใหญ่สองหัวรวมกัน ทุกส่วนนั้นใสราวคริสตัล เหมือนราวกับมีเลือดกำลังไหลเวียนอยู่ข้างในนั้น

สรรพคุณของเห็ดหลินจือสีเลือดพันปี ไม่ว่าจะเป็นยาหรือน้ำยา ล้วนแต่เป็นยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณดีมาก ทันทีที่จูนจิ่วเก็บเห็ดหลินจือสีเลือด ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจากทางหุบเขา ตามมาด้วยน้ำเสียงตกใจ " จูนจิ่ว! "

" ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้า รีบวางเห็นหลินจือสีเลือดนั่นลงซะ พวกเข้าพบสิ่งนั้นก่อนเจ้า พวกเจ้าบังอาจมากกล้าแย่งชิงเห็ดหลินจือสีเลือดของข้า "

ไร้ยางอาย? พวกเขาเป็นคนฆ่าเสือสองหัวนั่นแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีคนออกมาพูดว่าเห็ดหลินจือสีเลือดเป็นของพวกเขา เห็ดนี้เติบโตในป่าภูเขา เป็นยาทิพย์ของเขาปู้หว่งแห่งนี้ มันมีเจ้าของตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

พวกมันเห็นอยู่ชัดๆว่าพวกเราจัดการกับเสือสองหัวสัตว์ทิพย์ขั้นสามนั่น แล้วตอนนี้จะมาปล้นกันง่ายๆ!

หยูนเฉียวลุกขึ้นยืนทันที และดูพวกเขาอย่างเหยียดหยาม "บนเห็นหลินจือสีเลือดพันปีนั้นมีชื่อพวกเขาสลักไว้งั้นรึ? ของของเจ้า? น่าขันยิ่งนัก"

"แน่นอนมันเป็นของเรา!" ชายผู้เป็นหัวหน้ายืดอกแสดงท่าทีเย่อหยิ่ง เขาชี้ไปที่จูนจิ่วแล้วเอ่ย " เห็นหลินจือสีเลือดในมือเจ้า พวกข้าเจอมันตั้งแต่สามวันที่แล้ว พวกข้าก็แค่ยุ่งเกินกว่าจะไปจัดการกับเจ้าสัตว์ทิพย์นั่น " " เดี๋ยว! ยังมีแกนสัตว์ของเสือสองหัวนั่นก็เป็นของของพวกข้า วางของของข้าลงซะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน " ชายอีกคนจ้องมองกู่ซง ตาของเขาจ้องตรงมาที่แกนสัตว์ ดวงตานั้นแสดงออกถึงความโลภอย่างแท้จริง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ