บทที่224 ไม่พอใจก็จะสู้จนกว่าเจ้าจะพอใจ
ที่บอกว่าสำนักเทียนอู่จงมีคนเป็นอาวุธ คำพูดนี้ไม่เป็นเท็จเลยสักนิด ในมือไร้อาวุธ หนึ่งหมัดที่ชกออกมาเหมือนโล่หนักทุ่มลงมา เสียงหมัดที่แหวกผ่านอากาศทั้งแข็งแกร่งและไร้เทียมทาน ทำให้คนไม่กล้ารับหมัดนี้โดยง่ายดาย
ขณะที่ลูกศิษย์ยืนอึ้งมองตาค้าง เปิดปากกล่าวว่า “ศิษย์พี่หวางพลังหมัดของท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก หมัดหนักเช่นนี้ คงศึกษาวิชามวยป่าหินจนชำนาญแล้ว เป็นไปได้ว่าปีนี้ศิษย์พี่หวางอาจจะสามารถศึกษาวิชาฝึกร่างกายชั้นที่สามแล้ว”
“แต่ข้าประหลาดใจมากกว่าอาจารย์อารับหมัดนี้ได้อย่างไรกัน”
หมัดหนักเพิ่งจะพุ่งมาอย่างน่ากลัว หากถูกหมัดนี้ซัดเข้าให้คงต้องกระดูกหักเป็นแน่ จากการคาดเดาต่างๆนานาของเหล่าลูกศิษย์ จูนจิ่วคงเลือกที่จะหลบหลีกเป็นแน่ กระบวนท่าที่หนึ่งนั้นจูนจิ่วใช้ความเร็วที่เร็วมาก เร็วจนไม่ทันให้คนอื่นตั้งตัว ใช้ความเร็วในการหลบหมัดถึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ในเวลาต่อมา เหล่าลูกศิษย์ต่างก็ต้องตะลึงตาค้างอย่างตื่นตกใจ
เป็นไปได้อย่างไร
พวกเขาตาลายหรืออย่างไร เมื่อเห็นจูนจิ่วจับมือเป็นหมัด หมัดข้างหนึ่งเผชิญกับหมัดหนักของหวางฉี่อ๋างเข้าอย่างจัง กำปั้นที่แสนบอบบางนั้น ผิวเนียนขาวดุจหยก เมื่อเปรียบเทียบกันกับหมัดของหวางฉี่อ๋างแล้วเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงข้อมืออันบอบบางของจูนจิ่ว จะมีแรงกี่ส่วนกัน
มีลูกศิษย์ทนไม่ได้ตะโกนขึ้นว่า “อาจารย์อารีบหลบเร็ว ท่านรับหมัดหนักของศิษย์พี่หวางไม่ได้แน่ อาจารย์อา”
“ศิษย์พี่หวางท่านรีบยั้งมือ ท่านจะทำให้อาจารย์บาดเจ็บได้นะ”
“รีบหยุดเถอะ ”เหล่าลูกศิษย์ต่างตะโกนขึ้น ต่างก็พร้อมใจกันเป็นห่วงจูนจิ่ว ทุกคนต่างเป็นกังวล สีหน้าร้อนรนจนขาวซีด หากหมัดนี้โดนเข้าแล้ว กระดูกของอาจารย์อาคงหักเป็นแน่ แย่แล้ว
หวางฉี่อ๋างได้ยินแล้ว มองเห็นด้วย แต่พอหมัดหนักพุ่งออกไป พลังหมัดมหาศาล เขาจะเก็บมือกลับก็ไม่ได้แล้ว เบิกตากว้าง เห็นเพียงหมัดชนเข้ากับหมัดของจูนจิ่ว
ปัง
เสียงชนหมัดที่หนักอึ้ง มาพร้อมกับเสียงคุกเข่าดังพรึ่บ
“หมดกัน”มีลูกศิษย์กุมหน้าร้องคร่ำครวญ อาจารย์อากระดูกหักแล้ว ผู้อาวุโสและเจ้าสำนักรู้เข้าคงถลกหนังพวกเขาเป็นแน่
ขณะที่เหล่าลูกศิษย์กำลังเจ็บปวดเสียใจ จู่ๆหวางฉี่อ๋างก็ร้องขึ้น ดึงดูดความสนใจของพวกเขา ต่อมาก็ปรากฏภาพที่ทำให้พวกเขาต่างต้องนิ่งอึ้งเหมือนก้อนหิน
สีหน้าหวางฉี่อ๋างที่เพิ่งจะแสดงถึงความตื่นตกใจและเป็นห่วง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดจนเขียวคล้ำ ร่างกายเขาสั่นงั่นงก ยื่นมือซ้ายออกมากุมแขนขวาของตน แต่ทว่าก็ค่อยๆเก็บมือกลับไป
คนที่กระดูกหักไม่ใช่จูนจิ่ว แต่เป็นเขา
หวางฉี่อ๋างกุมแขนของตน ความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจส่งผ่านไปยังหัวสมอง หวางฉี่อ๋างมองไปทางจูนจิ่วอย่างงุนงง “อาจารย์อา หมัดของท่านทำจากเหล็กกล้าหรือไร”
เขาเป็นถึงคนฝึกฝนหมัดหนัก อะไรคือหมัดหนัก ก็คือหนึ่งหมัดสามารถชกหักกระดูกของนักจิตชั้นสามได้ สามารถชกอาวุธของพวกเขาให้หักได้อย่างง่ายดาย ยังสามารถผ่าหินผ่าไม้ด้วยมือเปล่า หวางฉี่อ๋างถือว่าตนเองเป็นศิษย์ที่โดดเด่นในรุ่น เรียกได้ว่าหมัดหนักไร้เทียมทาน
สรุปแล้วที่แท้คือหัวเถียหรูอยู่ในร่างของจูนจิ่ว ดวงตาเบิกกว้าง มองจูนจิ่วอย่างยากที่จะเชื่อในหมัดที่แสนจะบอบบางงดงามนั้น ทำไมเขาถึงถูกหมัดแบบนี้ ทำให้ข้อมือของเขาหักได้นะ
ฟู่
เมื่อได้สติรับรู้ว่าคนที่กระดูกหักคือหวางฉี่อ๋าง ลานฝึกการต่อสู้เกิดเสียงสูดลมหายใจเข้าอย่างพร้อมเพรียงกัน อาจารย์อาที่แท้ก็ร้ายกาจขนาดนี้เชียว เงียบสงบลงในพริบตา เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆอย่างลิงโลดจนเกือบจะเป็นเพลงแล้ว เจ้านายของเขาก็ร้ายกาจเช่นนี้เอง ร้ายกาจมาก พอใจหรือไม่ หากไม่พอใจก็จะสู้จนกว่าเจ้าจะพอใจ
จูนจิ่วเลิกคิ้ว นางเองก็ไม่คาดคิดว่าพลังของตนจะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ จากการแลกหมัด นางรับรู้ได้ถึงพลังหมัดอันตรายของหวางฉี่อ๋าง หากเป็นนางเมื่อก่อน หมัดนี้คงไม่สามารถเผชิญหน้าจังๆได้ แต่ทว่านางก็อยากทดสอบความก้าวหน้าของตัวเอง จึงได้รับหมัดซึ่งๆหน้า
ไม่คิดว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้ จะทำให้กระดูกข้อมือของหวางฉี่อ๋างหัก แต่นางขยับนิ้วมือ ข้อมือและแขน พลังชนหมัดเมื่อสักครู่ แค่ทำให้นางรู้สึกชาบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
จูนจิ่วคิดในใจ วิชาฝึกร่างกายของสำนักเทียนอู่จงช่างแข็งแกร่งจริงๆ
“ข้าก็อยากศึกษาแลกเปลี่ยนกับอาจารย์อา”
……ลานฝึกการต่อสู้ ลูกศิษย์เกือบทั้งหมดต่างยกมือขึ้น
จูนจิ่วยิ้ม รอยยิ้มมีความสุข ลูกศิษย์ในสำนักเทียนอู่จงล้วนต้องการศึกษาแลกเปลี่ยนกับนางมิใช่หรือ วันนี้นางจะเติมเต็มพวกเขาเอง ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าตัวเองก้าวหน้าแค่ไหน จะได้ประเมินและกำหนดพลังของตนเสียใหม่
ณ ตอนนี้เหล่าลูกศิษย์ต่างก็ไม่รู้ตัวเลยว่าได้กลายเป็น“เสาไม้”ฝึกมือของจูนจิ่วแล้ว
เมื่อเหอซ่านได้ยินเรื่องนี้ การศึกษาแลกเปลี่ยนก็จบสิ้นลงแล้ว เมื่อได้ยินว่าจูนจิ่วทำให้อนาถทั้งลานฝึกการต่อสู้ คุกเข่าเต็มพื้น ใบหน้าเหอซ่านยากที่ซ่อนรอยยิ้มพอใจได้ ไม่เสียทีที่เป็นแม่นายแห่งกองทัพเย่สิง ช่างร้ายกาจจริงๆ
แต่รอยยิ้มปรากฏเพียงชั่วครู่ เหอซ่านดึงสีหน้าเย็นชา มองไปยังลูกศิษย์ที่ส่งข่าว “ลูกศิษย์ที่บาดเจ็บให้นักกลั่นยาจัดการหรือยัง”
“คืออย่างนี้ ท่านเหอ พอพวกเขาศึกษาแลกเปลี่ยนเสร็จ อาจารย์อาเป็นคนรักษาพวกเขาเอง”ลูกศิษย์ที่ส่งข่าวคิดถึงก่อนหน้านี้ ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดทั้งสนาม ขนลุกชันทั้งสันหลัง หากไม่เห็นว่าจูนจิ่วกำลังรักษาอยู่ คนไม่รู้ความคงคิดว่ามีการเข่นฆ่ากันเป็นแน่
ลูกศิษย์ที่ส่งข่าวรายงานต่อไปว่า “อาจารย์อาฝีมือการรักษาดียิ่งนัก พวกเขาต่างดีขึ้นแล้ว ”
“อืมก็ใช่ จูนจิ่วเป็นนักกลั่นยา หลังศึกษาแลกเปลี่ยนก็ยังสามารถฝึกฝนวิชาแพทย์ด้วย ไม่เลว ”เหอซ่านมองไปทางลูกศิษย์ที่ส่งข่าว
“ตอนนี้จูนจิ่วอยู่ที่ใด”
“ไปทางน้ำตกหินแล้ว”
“เจ้าออกไปเถอะ”เหอซ่านโบกมือ เขารอให้ลูกศิษย์ถอยออกไปแล้ว จึงหยิบเอาจดหมายในแขนเสื้อออกมาดู จากนั้นเหอซ่านก็เก็บจดหมายและเดินออกไป เขาต้องไปพบจูนจิ่ว จูนหยูนเสวี่ยจอมเจ้าเล่ห์ก่อเรื่องใหญ่แล้ว เกรงว่ากว่าจะใช้เหยื่อล่อมือมืดหลังม่านออกมา จะถูกคนฆ่าซะก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...