บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 233

บทที่ 233 ปกป้องอยู่ข้างกาย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีข้าอยู่แล้ว

ที่ชั้นบนของโรงประมูล ชั้นนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพกว่าครึ่งของเมืองเทียนอู่ หยูนจ้งจิ่นนำสัมภาระทั้งหมดลงมา เพื่อรองรับการพำนักของเขากับจูนจิ่วรวมไปถึงคนอื่นๆ หยูนจ้งจิ่นเอื้อมมือเปิดประตู ทั้งสามคนในห้องได้ยินการเคลื่อนไหวจึงพากันหันหน้ามามอง

หยูนเฉียวเอ่ยขี้นก่อนว่า: “พี่ เรื่องที่เกิดขึ้นข้างล่างเป็นอย่าง.....แม่นางจูน!”

“พี่จิ่ว!” หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยต่างดีใจ พร้อมเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าจูนจิ่วที่เบิกบานดั่งดอกไม้ผลิใบ เฟิ่งเซียวได้แต่พยายามเก็บอาการไว้ แต่รอยยิ้มเป็นประกายบนหน้าของเขามันฟ้องความตื่นเต้นไปหมดแล้ว

จูนจิ่วเม้มริมฝีปากพลางมองไปที่พวกเขา เอ่ยว่า: “นั่งคุยกันก่อนเถิด”

“ดีเลย!”

พวกเขานั่งลงล้อมวงบนฟูกยาวริมหน้าต่าง ถูกหุ้มด้วยขนจิ้กจอกอันล้ำค่าที่ให้ความนุ่มสบาย โม่อู๋เยว่นั่งลงข้างจูนจิ่ว ส่วนพวกเขานั้นนั่งฝั่งตรงข้าม เมื่อนั่งลง ก็มีเสียงดังขึ้น ต่างคนต่างยิงคำถามไปที่จูนจิ่วว่าเป็นเช่นไรบ้าง ได้ไปอยู่ที่สำนักเทียนอู่จง

แต่หยูนจ้งจิ่นกลับมองไปทางโม่อู๋เยว่ พลางเอ่ยว่า: “ได้ยินมาว่า คุณชายโม่ไปเป็นผู้อาวุโสนอกสำนักแก่สำนักเทียนอู่จง”

ดวงตาอันหมองหม่นของโม่อู๋เยว่ที่กำลังมองทางจูนจิ่วอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ยินสิ่งที่คนพูด เขาจึงหันหน้าไปมองหยูนจ้งจิ่นด้วยสายตาผยอง และเงียบเฉย สุดท้ายสายตานี้ก็ได้เป็นคำตอบแก่หยูนจ้งจิ่น

หยูนจ้งจิ่นไม่ได้รู้สึกว่าไม่สุภาพแต่อย่างใด ผู้ทรงอำนาจมักเป็นกันเช่นนี้ การอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า มองลงมายังสรรพสิ่งด้วยความโอหังก็ถือเป็นเกียรติแล้ว เมื่อเกิดมา แต่ละคนล้วนไม่สามารถยืมลำแข้งใครอื่นมายืนแทนได้ ซึ่งอย่าเอาไปเทียบกับเขาดีกว่า อีกทั้งโม่อู๋เยว่นั้นเป็นถึงปรมาจารย์ของจูนจิ่ว หยูนจ้งจิ่นจึงยิ่งนับถือเขามากขึ้นไปอีก

เขากล่าวยิ้มๆ: “เช่นนั้น ก็ถึงเวลาที่จักต้องเรียกว่าผู้อาวุโสโม่แล้ว”

หยูนเฉียวปราบปลื้มใจที่จะได้เรียกโม่อู๋เยว่ว่าผู้อาวุโสโม่ ไม่เช่นนั้นเขาจักต้องเรียกว่าคุณชายโม่ ก็จะทำให้รู้สึกแปลกแยกจากจูนจิ่วไป จึงถือเป็นเรื่องดี

โม่อู๋เยว่ถ่อมตัวรับคำจึงเหลือบมองไปที่จูนจ้งจิ่น จากนั้นเขาก็หันกลับมาจ้องมองจูนจิ่วต่อ ดวงตาสีหมึกเข้มนั้นส่องประกายแวววับดั่งดวงดาวที่ส่องสกาว เพียงอยากจับจ้องจูนจิ่วไปเช่นนั้น

หลังจากที่จูนจิ่วและหยูนเฉียวเล่าเรื่องสรรพเรื่องราวสู่กันฟัง และแล้วหัวข้อก็มาถึงเรื่องการแข่งขันทั้งห้าสำนัก จูนจิ่ว: “การแข่งขันทั้งห้าสำนัก พวกเจ้าทั้งสองก็เข้าร่วมกระมัง”

“อืมอืม!” จูนเสี่ยวเหล่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ข้าอยู่ในอันดับที่สิบแปดของชางไห่จง ส่วนหยูนเฉียวนั้นอยู่ในอันดับที่สิบ”

“อื้ม นี่คือผลแห่งความสันโดษของข้ากว่าครึ่งปี ตั้งใจที่สุดแล้ว! สมใจมากๆ ในครั้งนี้กู่ซงก็มาเข้าร่วมด้วย เขานั้นได้เป็นถึงอันดับที่หนึ่ง ซึ่งนำหมู่สาวกมากับผู้อาวุโสถูฉี” หยูนเฉียวกล่าวขึ้น

กล่าวจบ ทั้งคู่ก็มองไปยังจูนจิ่ว จูนเสี่ยวเหล่ยกล่าวว่า: “พี่จิ่วเก่งกาจมิอาจมีผู้ใดเทียบเคียงได้ จักต้องเป็นที่หนึ่งของสำนักเทียนอู่จงเป็นแน่!”

การแข่งขันทั้งห้าสำนักคือ การแข่งขันระหว่างสาวกทั้งห้าสำนักที่จัดขึ้นในทุกๆปี ถือเป็นการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ และในขณะเดียวกันก็เป็นการวัดฝีมือของทั้งห้าสำนัก ซึ่งเป็นช่วงเวลาการแข่งขันที่ดุเดือด ช่วงชิงบัลลังก์แห่งการแข่งขันทั้งห้าสำนักนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศอย่างนึง!”

ในปีก่อนๆ ทั้งเจี้ยนจงและตันจงผลัดกันจัดการงาน จากนั้นก็เป็นสำนักหุ้นหยวน ซึ่งยังไม่มีโอกาสเป็นของช่างไห่จงและสำนักเทียนอู่จง แต่ครั้งนี้ชิงหยู่ได้เป็นผู้จัดเนื่องด้วยชนะการเดิมพัน หารู้ได้ไม่ว่าในครานี้เจี้ยนจงจักสะบักสะบอมเพียงใด ชิงหยู่เองก็ภูมิใจอยู่ตลอดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

จูนจิ่วเห็นความมุ่งมั่นของทั้งสอง มุมปากโค้งงอ “การแข่งขันทั้งห้าสำนักนั้นเป็นการแข่งขันกันระหว่างสาวก ข้าเป็นอาเจ็กเสี่ยวช่วยแห่งสำนักเทียนอู่จง ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้”

“อ้ะ!” จูนเสี่ยวเหล่ยเบิกตากว้าง “พี่จิ่วพี่ไม่เข้าร่วมรึ? เช่นนั้นจะไม่ทำให้จูนหยูนเสวี่ยจอมผยองนั่นได้ใจรือ หางชี้ฟ้าไปหมดแล้ว!”

ความเจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจนั้น จงใจกล่าวเช่นนั้นออกมา ทำให้พวกหยูนจ้งจิ่งต่างประหลาดใจ คนแบบเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ จิ้งจอกน้อยอะไรกัน?

ลมอุ่นๆผ่านเข้าหู ใบหูของจูนจิ่วก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง นางไอค่อกๆแค่กๆ “เจ้ามีความเห็นใดรึ?”

“ไม่มี เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ว่าสิ่งใด ข้าเองก็ชอบใจทั้งนั้น” โม่อู๋เยว่ถอยกลับไป ริมฝีปากบางทรงเสน่ห์เผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย เขากวาดหางตาไปทั่ว หลังจากนั้น ก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรง จึงก้มหน้าต่ำลงไม่มองอะไร

ทุกคนต่างอยู่ในความตกใจ มีเพียงหยูนจ้งจิ่นที่เพิ่งจะเคยเห็นภาพนั้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อย

จูนจิ่วทำลายความเงียบโดยกล่าวว่า: “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเรื่องจูนหยูนเสวี่ย ข้าจักทำให้นางได้รับกรรมที่ก่ออย่างสาสม การแข่งขันทั้งห้าสำนักหาได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันระหว่างทั้งห้าสำนักไม่ ไม่ว่าผู้ใด ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตระเวนยามค่ำคืนนั้น จูนหยูนเสวี่ยก็เป็นเหยื่อล่อชั้นเยี่ยมมากว่าครึ่งปีแล้ว ไม่มีทางหรอกว่าพวกเขาจะทนต่อและไม่ลงมือทำสิ่งใดเลย”

จูนจิ่วโค้งริมฝีปากของนางพลางมองไปทางทั้งสี่คนอย่างเงียบๆ “พวกเจ้าอยากจะร่วมมือกับข้าเปิดโปงผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่?”

“ร่วมมือแน่นอน! ข้าเชื่อฟังพี่จิ่วอยู่แล้ว!” จูนเสี่ยวเหล่ยกล่าว

หยูนเฉียวพยักหน้า “ร่วมมืออยู่แล้ว แม่นางจูนมีคำสั่งใด เพียงแค่เอ่ยปากแก่ข้า หยูนเฉียวผู้นี้จักไม่ทำให้แม่นางจูนผิดหวัง เมื่อแม่นางจูนจะเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นพวกเราก็จะร่วมมือกัน เผยมันให้ได้!”

เฟิ่งเซียว: “เสี่ยวจิ่ว นี่มันอันตรายมาก อากงหวงจักปกป้องเจ้าเอง”

“ไม่ต้อง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีข้าอยู่แล้ว” โม่อู๋เยว่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำที่แข็งกร้าว แววตาแสดงออกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มิอยากให้ผู้ใดมายุ่งเกี่ยว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ