บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 240

บทที่ 240 ความโหดร้ายของจูนจิ่ว เหมือนไดโนเสาร์ในร่างมนุษย์

ทันทีที่คำเหล่านั้นโพล่งออกมา ผู้คนที่ฟังอยู่ก็หายใจเข้าลึก เงยหน้าขึ้นไปมอง ผู้ที่กล่าวออกมาก็สติหลุดไปชั่วขณะ ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะดึงสติกลับมาได้ “จะเป็นไปได้เช่นไรกัน?”

เมื่อเห็นภาพบนกระจกน้ำตรงหน้า สาวกแห่งสำนักเทียนอู่จงทุกๆคนกำลังต่อสู้ตาต่อตากับกระแสจิตของเหล่าสัตว์ทิพย์ราวกับเสือและมังกร นั่นยังไม่เท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าสาวกผู้หนึ่งกำลังจะถูกสัตว์ทิพย์กัดคอเขาจากด้านหลัง ช่วงเวลาอันตรายนี้ จูนจิ่วก็ปรากฏกายด้านหลังของสาวกในชั่วพริบตา

นางคว้าคอเสื้อด้านหลังของสาวกด้วยนิ้วที่เรียวสวยของนาง และเหวี่ยงชายร่างกำยำที่หนักถึงร้อยกิโลกรัมไปด้านหลังนางอย่างง่ายดาย ตกตะลึงกันแล้วรือ? แน่นอนว่านั่นมันก็ยังไม่เท่าไหร่!

เห็นจูนจิ่วปล่อยตัวชายกำยำ หมุนตนเองพลางง้างขา และดีดตัวเตะออกไป โคร่ม! พวกเขาเหมือนจะได้ยินเสียงหึ่มๆผ่านกระจกน้ำนั้น ร่างมโหฬารของสัตว์ทิพย์ชั้นที่สอง โดนจูนจิ่วเตะโด่งไปเสียแล้ว! ลอยเป็นเส้นโค้งออกไปไกล มันตกลงบนพื้นกลายเป็นหลุมขนาดมหึมา

“วู้ว!” อู๋ซานกลืนน้ำลาย และพูดอย่างตะลึง: “จูนจิ่วช่างเก่งกาจอันใดถึงเพียงนี้? แขนขาเรียวบางของนาง เหตุใดถึงสามารถ……”

สัตว์ทิพย์ชั้นที่สองตัวนั้น มีน้ำหนักเป็นสองเท่าของชายร่างกำยำเชียวกระมัง เตะทีเดียวก็ลอยซะแล้ว! หากเปลี่ยนเป็นตัวคนแล้ว กะโหลกที่นับว่าแข็งมากๆ คงจะเตะแตก แหลกเป็นเสี่ยงๆได้เป็นแน่

อุ้ว! คนไม่น้อยอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัวในใจ จูนจิ่วนี่เป็นไดโนเสาร์ในร่างมนุษย์หรือไร?

มองเข้าไปอีกครั้ง……

จูนจิ่วเตะสัตว์ทิพย์ชั้นที่สองลอยไป นางกดฝ่ามือลงบนพื้นและตีลังกา รูปร่างงามสง่าทิ้งตัวลงบนหัวของสัตว์ทิพย์ชั้นที่สองนั้น สัตว์ทิพย์ชั้นที่สองร่างเสือที่มีผู้วิเศษอยู่ค้ำหัวอยู่ได้ไร้ปฏิกิริยา และเมื่อมีเสียงคำรามดังขึ้น จูนจิ่วก็จิกปลายเท้า

ตู้ม!

หัวของสัตว์ทิพย์ผสานไปกับพื้นโคลน ร่างกายอีกครึ่งก็ไหลมารวมกัน ฉากนี้ทำให้สาวกแห่งสำนักเทียนอู่จงพากันมึนงง หวางฉี่อ๋างกลืนน้ำลายไปหลายอึก: “พละกำลังอาเจ็กเสี่ยวช่วยช่างแกร่งกล้าเหลือเกิน!”

“หยุดพูดไร้สาระ! สัตว์ทิพย์ชั้นที่สามข้าจะจัดการเอง ปักธูปอีกหนึ่งดอก มิเช่นนั้นคลื่นอีกลูกที่กำลังมา ข้าจะไม่ช่วยพวกท่านอีก”

“อะ อะไรนะ??” ยังจะมีอีกรึ! สาวกต่างจะอกแตกตายเหมือนกับตกขุมนรกไปในชั่วพริบตา ปากที่เน่าเหม็นและดุร้ายของกระแสจิตเหล่าสัตว์ทิพย์ที่พุ่งมาข้างหน้า จึงรีบดึงสติกลับมาพร้อมโห่ร้องต่อสู้กับสัตว์ทิพย์ จัดการไอ้ข้างหน้านี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

เช่นเดียวกับความแกร่งกล้าของหวางฉี่อ๋าง ที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปยังจูนจิ่ว เมื่อได้มองแล้ว ใจดวงน้อยที่เปราะบางก็โดนกระแทกเข้าอย่างจัง

เงาดาบเผยขึ้น จูนจิ่วคว้าหัวของสัตว์ทิพย์ชั้นที่สามร่างสิงโตมา และฟันทิ้งอย่างรวดเร็ว

ไม่แม้แต่จะชายตามองสัตว์ทิพย์ชั้นที่สาม จูนจิ่วดีดตัวออกอย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่น เช่นเดียวกับวิญญาณ พร้อมโผล่ตรงหน้าสัตว์ทิพย์ชั้นที่สามอีกตัวในทันที ตัวนี้เป็นสัตว์ทิพย์ร่างงู มีสองหัวที่คดเคี้ยว ก้มหัวลงและพ่นกระแสไฟใส่จูนจิ่ว

เมื่อกระแสไฟฟ้าถูกพ่นออกมา จูนจิ่วใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นพลางพลิกตัวเพื่อหลบหลีก เท้ากระทบลงพื้น การสังหารสัตว์ทิพย์ชั้นที่สามอย่างสง่างาม เงาภายในมือกลายเป็นความหวังอย่างไม่ทันนึกคิด จะตีงูก็ต้องตีให้แม่น

ตีได้ถูกจุด มันก็จะตาย!

แต่สัตว์ทิพย์ชั้นที่สามนั้นมีพลังแสนแกร่งกล้า ร่างมันพุ่งจะมารัดจูนจิ่วตามสัญชาตญาณ งูขู่ฟ่อๆอย่างดุร้าย หยดพิษจากเขี้ยวของมัน

จูนจิ่วกำมือแน่น และระเบิดหัวของสัตว์ทิพย์กระจุยในหมัดเดียว!

ฟึ่บ~

จูนจิ่วล้มตัวลงกับพื้น พลางนวดๆที่ต้นคอ นางเม้มริมฝีปากแดงเบาๆ อย่างโอหัง ฝึกร่างกายกายมาถึงระดับสาม มันได้ผลอย่างรุนแรง จูนจิ่วหาได้หวั่นเกรงที่จะเกิดมาเป็นไดโนเสาร์ในร่างมนุษย์ไม่ ก็อยากจะลองทำดู ว่าข้อจำกัดของจูนจิ่วนั้นมันอยู่ที่ใดกัน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิงหยู่ก็ลุกขึ้น เขารีบเอ่ยว่า: “ท่านเหอ ท่าน ดูแลการแข่งขันทั้งห้าสำนักสักครู่ ผู้อาวุโสทุกๆท่านคอยช่วยท่านเหอด้วย ข้าจักต้องไปจัดการบางอย่างเสียหน่อย”

โจวเตี๋ยอยากจะถามชิงหยู่ว่าช่วงเพลาเช่นนี้จะไปทำการใด ผลคือกำลังจะอ้าปาก แต่ชิงหยู่ก็เดินจากไปไกลแล้ว รวดเร็วปานนั้น แค่ชั่วพริบตาก็ลับสายตาไป พวกโจวเตี๋ยได้แต่มองหน้ากันและกันอย่างงุนงง

นี่มันสิ่งใดกัน?

โม่อู๋เยว่ชำเลืองมอง พลางส่งเสียงเบาๆ “เหลิ่งหยวน ตามไป”

ด้านนอกที่ไม่ไกลนักจากลานฝึกวิทยายุทธ ชิงหยู่หมุนตัวไปมา ไม่นานก็หายวับไปในป่า นี่คือการก่อตัวอย่างมีประสิทธิภาพของภายใน! เหลิ่งหยวนเม้มริมฝีปากด้วยความรังเกียจ การก่อตัวกระจอกๆนี้ไม่สามารถหยุดเหลิ่งหยวนได้ เพียงครู่หนึ่งก็เข้าไปได้ เหลิ่งหยวนเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นชิงหยู่กับชายชุดดำที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่

เลิกคิ้วขึ้น เหลิ่งหยวนยืนกุมอกอยู่ในความมืดแอบฟังทั้งสองคุยกัน ได้ยินแต่เสียงของชิงหยู่ที่ดูตกใจเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”

“สหาย ไม่ได้พบได้เจอกว่าสิบห้าปี ยังดีอยู่หรือ?

“สหายอะไร? เจ้าทรยศแก่สำนักเทียนอู่จง ในตอนที่ท่านพ่อข้ายังอยู่ ท่านโกรธเคืองเจ้าเป็นอย่างมาก ยังจะกล้าโผล่หัวกลับมาอีกรึ? บอกมาเสีย! เจ้าคิดจะทำการใด?” ชิงหยู่ดูไม่สู้ดี พร้อมน้ำเสียงที่อ่อนแอลง

ชายชุดดำเงยหน้าขึ้นมองชิงหยู่ ดวงตาที่ดูหยาบคายและแสนเย็นชา “ข้าอยากได้กุญแจของเขตลับเทียนอู่”

“ฝันไปเถอะ” ชิงหยู่โค้งริมฝีปาก พลางยิ้มเย้ยหยัน

ทั้งสองประจันหน้ากัน บรรยากาศรอบข้างกลายเป็นปรปักษ์ในทันใด ดั่งว่าสามารถลงมือใส่กันได้ในทุกเมื่อ แต่ชายชุดดำก็หัวเราะขบขันออกมาทันที “ฝันไปเถอะอย่างนั้นรึ? สหาย เจ้าให้กุญแจมาดีๆเถอะ หรือจะให้ทำลายสำนักเทียนอู่จงจนพินาศกันล่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ