บทที่ 242 ปะทะกับเข้าตันจง สั่งสอนพวกมัน
เขตลับเทียนอู่ไม่ต้องใช้แผ่นที่ แค่เดินไปทางตรงกลางก็พอแล้ว ยิ่งเดินเข้าใกล้ศูนย์กลางเขตลับเทียนอู่เท่าไหร่ ระหว่างทางก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยอันตรายที่ลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จงพบเจอจะเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะจูนจิ่วมีเครื่องหอมดึงดูดสัตว์
หวางฉี่อ๋างยังจำได้เมื่อครั้นที่เขาถามจูนจิ่วว่านี่คืออะไร จูนจิ่วตอบว่า “เป็นสิ่งที่ใช้ดึงดูดสัตว์ทิพย์ เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ซึ่งเรียกว่าเครื่องหอมดึงดูดสัตว์”
เครื่องหอมดึงดูดสัตว์? ในใจของหวางฉี่อ๋างร้องไห้หนักมาก นี่มันแดนมรณะชัดๆ พวกเขาอยู่ในสำนักเทียนอู่จงก็นับว่าเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่แข็งแกร่งมาก คนที่จะเข้ามาในเขตลับเทียนอู่ได้ล้วนเป็นคนที่เก่งกาจในระดับแนวหน้าของสำนัก ทว่าสองสามวันมานี้กลับต้องมาทนทุกข์ทรมานเหมือนเป็นภรรยาน้อยเสียอย่างนั้น
แต่ว่าพวกเขาก็แค่บ่นในใจ อันที่จริงแต่ละคนมีใบหน้าที่ตื่นเต้นเหมือนถูกกระทำจนเสพติด ตลอดทางที่ผ่านมา พละกำลังของพวกเขาถูกยกระดับสูงขึ้นไม่ใช่น้อยๆเลยนะ
สิ่งที่ได้รับมากที่สุดก็คือสีของหยกทิพย์ ซึ่งหยกทิพย์แบ่งออกเป็นห้าชั้น มีทั้งสีแดง ส้ม เหลือง เขียว คราม ตอนแรกหยกทิพย์ที่ได้มานั้นล้วนเป็นสีขาว เมื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงถึงจะเป็นชั้นที่หนึ่ง ทว่าตอนนี้หยกทิพย์ที่พวกเขามีอยู่ชั้นที่ต่ำสุดเป็นสีส้มเข้ม ตามที่พวกหวางฉี่อ๋างได้ฆ่าสัตว์ทิพย์ไปตั้งมากมาย แต่เรื่องสียังขาดอีกนิดเดียวถึงจะสามารถทะลุสีเหลืองได้
เมื่อมองหยกทิพย์ที่จูนจิ่วห้อยไว้ที่เอว สีได้แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะเข้าสู่เขตลับเทียนอู่เป็นวันที่สอง หวางฉี่อ๋างรู้สึกภาคภูมิใจมาก สี่สำนักที่เหลือใครเล่าจะเทียบกับพวกเขาได้?
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา จากเส้นทางป่าไม้เดินมาถึงภายในหุบเขา ทางข้างหน้าปะทะเข้ากับกลุ่มสำนักตันจงพอดี
ทั้งสองกลุ่มหยุดฝีเท้าลงพร้อมเผชิญหน้าเข้าหากัน จ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร หวางฉี่อ๋างแนะนำให้จูนจิ่วฟังด้วยเสียงที่กดต่ำลง “อาเจ็กเสี่ยวช่วย หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาคือยู่ซินศิษย์พี่ใหญ่จากตันจง เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสใหญ่ตันจง และได้รับการขนานนามว่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุด ทว่านางกลับเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของอาเจ็กเสี่ยวช่วยเลย”
เหล่าลูกศิษย์เทียนอู่จงพยักหน้าเห็นด้วย สตรีผู้งดงามต้องเป็นอาเจ็กเสี่ยวช่วยของพวกเขาสิ นอกจากผู้อาวุโสโม่แล้ว ใต้ผืนฟ้านี้ใครเล่าจะงดงามสู้อาเจ็กเสี่ยวช่วยได้? พวกนางกล้ามาเทียบ นั่นสิเรียกว่าหาเรื่องอับอายขายขี้หน้าให้กับตัวเอง
ต่อให้เสียงพูดของหวางฉี่อ๋างจะต่ำลงอีก คนที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นนักจิตที่มีปฏิญาณไหวพริบดี ซึ่งพวกเขาได้ยินทั้งหมด จึงรีบเข้าข้างปกป้องยู่ซิน พร้อมชักสีหน้าใส่
มีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “พูดจาเหลวไหล ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกข้าเป็นหญิงงามที่ได้รับการยอมรับจากอู๋อจง จูนจิ่วจะนับประสาอะไรได้? ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องคลุกคลีอยู่ในสำนักเทียนอู่จงที่มีแต่ผู้ชาย ยังไงซะเรื่องความสัมพันธ์ก็คงไม่โปร่งใสแน่”
“แม่งเอ่ย เจ้ามันรนหาที่ตาย” ลูกศิษย์คนหนึ่งจากสำนักเทียนอู่จงพุ่งตัวออกไป ต่อยหมัดเข้าใส่ที่หน้าอย่างจัง ทำให้จมูกของลูกศิษย์ตันจงหักทันที และมีเลือดไหลเต็มหน้า ลงมือฉับไวจริงๆ
ลูกศิษย์ตันจงยังไม่ทันดึงสติกลับมาก็เกิดเรื่องเสียแล้ว ทำให้ยู่ซินโมโหมาก แล้วพูดว่า“บังอาจ สำนักเทียนอู่จงคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตันจงหรือไง?”
“ตั้งตัวเป็นศัตรู?” จูนจิ่วกระตุกยิ้มบางตรงมุมปาก
นางยกมือขึ้นมาลูบขนของเสี่ยวอู่อย่างสบายๆไม่รีบร้อน แหงนหน้ามองยู่ซินด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกเยือกเย็น จูนจิ่วพูดด้วยน้ำเสียงโอ้อวดถือดี “ทุกคนบุกเข้าไป แย่งมาให้หมด”
“ได้”
“ไม่ถูกชะตากับพวกอ่อนหัดตันจงพวกนี้มาตั้งนานแล้ว ยังกล้าพูดจากล่าวหาเสียๆหายๆต่ออาเจ็กเสี่ยวช่วย พวกเราสั่งสอนพวกมัน”
เหล่าลูกศิษย์เทียนอู่จงบุกล้อมเข้าไปทันที แต่ละคนจับตัวลูกศิษย์ตันจงได้ก็อัดหมัดใส่ไม่ยั้ง โดยที่ไม่ลังเลใจเลย ยู่ซินที่เห็นเช่นนี้ตกตะลึงตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ “หยุดนะ พวกเจ้ากำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับตันจง พวกข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เหล่าลูกศิษย์ตันจงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จง แต่ละคนร้องเจ็บปวดโหยหวน ทว่ายังไม่ลืมทิ้งคำข่มขู่ “พวกข้าเป็นศิษย์ของตันจงเป็นถึงนักกลั่นยา คิดจะเป็นศัตรูกับพวกข้า พวกเจ้าได้เห็นดีกันแน่”
เหมือนพายุโหนกระหน่ำมา เพียะๆๆๆ
เสียงตบหน้าดังขึ้นถี่ๆ ตบจนยู่ซินไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้ว สุดท้ายจูนจิ่วยอมรามือ แต่นางยังคงสะบัดหน้าไปซ้ายขวาไม่หยุด ทั้งใบหน้าบวมใหญ่เหมือนหัวหมู
“ศิษย์พี่ยู่ซิน” ศิษย์ตันจงร้องตะโกนเสียงดังอย่างตกตะลึง ทำให้ยู่ชิงเพิ่งจะรู้สึกตัว นางรีบยกมือขึ้นมากุมที่ใบหน้า เพียงแค่สัมผัสเบาๆก็ร้องเจ็บปวดมาก นางแหงนหน้าถลึงตาใส่จูนจิ่วด้วยความโกรธ แต่หารู้ไม่ว่าดวงตาของตัวเองในตอนนี้กลับเล็กเท่าถั่วเขียว เล็กจนเหลือเพียงเส้นบางๆที่ไร้ความน่าเกรงขาม
นางกระตุกยิ้มหยันตรงมุมปาก จูนจิ่วเหลือบมองยู่ซินอย่างดูถูก นางเปิดปากพูดว่า “ใบหน้าเจ็บไหม? ข้าคิดว่าใบหน้าเจ้าจะหนาเท่ากำแพงเมืองเสียอีก ถึงได้พูดจาโอ้อวดว่าจะสั่งสอนข้า ที่แท้ก็แค่เศษขยะ ยังเทียบไม่ได้กับอาหวงที่เฝ้าประตูสำนักเทียนอู่จงเลย ”
หวางฉี่อ๋างหลุดขำ “อาเจ็กเสี่ยวช่วยพูดถูก อาหวงที่เฝ้าประตูยังน้อยมันยังกัดคนได้”
อะไรนะ ยู่ซินเพิ่งจะรู้ตัว นี่เทียบนางกับหมาเชียวหรือ ทันใดนั้นนางโกรธโมโหหนักมาก “จูนจิ่ว นังสารเลว เจ้า……โอ๊ย”
ตูบ
หมัดหนักต่อยเข้าที่ท้องของยู่ซิน จูนจิ่วกระตุกยิ้มหยันตรงมุมปาก “ด่าข้า? เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งเสีย เอาหินทิพย์ออกมาแล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป มิเช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าไปพบยมบาล”
ยู่ซินเจ็บจุกมาก นางแหงนหน้ามองสบตาจูนจิ่ว เป็นสายตาที่เย็นชา โหดเหี้ยม ไร้ความปรานี ทันใดนั้น นางเหมือนดิ่งเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง จิตวิญญาณหนาวเหน็บจนแข็งทื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...